ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 471 สองวันก่อน
หลังจากที่คำถามของกู้จือหยั่นถามออกไป กลับไม่ได้รับคำตอบจากเฉินถิงเซียว แต่เป็นถูกเฉินถิงเซียวตัดสายทิ้งไปเลย
กู้จือหยั่นถือโทรศัพท์มาตรงหน้าและมองดูแวบหนึ่ง อุทานออกมา: “นิสัยแบบนี้นี่นะ!”
หลังจากที่เฉินถิงเซียววางสาย ก็กดโทรหามู่น่อนน่อน
โทรศัพท์โทรติดก่อน มีเสียงดังขึ้น แล้วจากนั้นก็แจ้งว่าไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ
เฉินถิงเซียวโทรติดต่อกันอยู่หลายสาย ล้วนเป็นแบบนี้
เขาโทรหาสายภายในเรียกสือเย่เข้ามา
สือเย่เข้ามาอย่างรวดเร็ว: “คุณผู้ชาย มีธุระอะไรครับ?”
“จองตั๋วเครื่องบิน” เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ยกมือขึ้นยับยั้งทันที: “ไม่ เตรียมเครื่องบินส่วนตัว”
สิ้นเสียง เขาก็ลุกขึ้น หยิบเสื้อคลุมและเดินออกไป
สือเย่เห็นเขาหน้าตาเคร่งขรึม ก็เดาได้ว่าอาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น จึงไม่ถามอะไรมาก แค่พูดด้วยความเคารพว่า: “ผมจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ครับ”
เฉินถิงเซียวออกจากบริษัท ก็ขับรถตรงกลับบ้าน
เขาจัดกระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ เดินออกจากห้องมา ก็เห็นเฉินมู่กำลังเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างจดจ่อและถามเขาว่า: “คุณจะไปไหนคะ?”
เฉินมู่ไม่ได้เจอมู่น่อนน่อนมาหลายวันแล้ว เธอรู้ว่าถือกระเป๋าเดินทางก็คือจะต้องเดินทางไกล
เฉินถิงเซียวในมือถือคันลากกระเป๋าเดินทาง เขามองลงมาที่เฉินมู่เล็กน้อย: “ไปหาแม่ของหนู”
ในน้ำเสียงของเขา มีความนิ่งสงบและเฉยเมยที่ผู้ใหญ่ถึงจะมีกัน
เฉินมู่เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของเขา พูดเสียงเบาๆว่า: “หนูก็จะไปด้วย”
“หนูไปไม่ได้ มันไกลเกินไป” เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ปัดมือเธอออกไป แค่อธิบายอย่างนิ่งๆ
“แต่ว่าหนูคิดถึงแม่ คุณคิดถึงเธอก็ไปหาเธอ หนูก็อยากไปหาเธอเหมือนกัน” เฉินมู่นานๆทีจะแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนขนาดนี้
เฉินถิงเซียวอึ้งเล็กน้อย สีหน้าที่แสดงออกกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน: “ฉันไม่ได้บอกว่าฉันคิดถึงเธอ”
“หึ!” เฉินมู่หงุดหงิดขึ้นมา มือเล็กๆกอดอกและหันหลังให้เขา
ตอนนี้เธอไม่สนใจว่าเฉินถิงเซียวคิดถึงมู่น่อนน่อนหรือไม่ เธอรู้เพียงแค่ว่าเฉินถิงเซียวไม่พาเธอไปหาแม่
เฉินถิงเซียวเอื้อมมือดึงเธอเข้ามาตรงหน้า กล่าวกับเธอ : “หนูอยู่ที่บ้านรอพวกเรากลับมานะ”
เสียงของเขาสงบเหมือนปกติตอนประชุมบริษัทไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าเขาคลายคิ้วเล็กน้อย ยืนยันได้ว่าเขากลับไม่ได้รำคาญเฉินมู่
เฉินมู่ถึงแม้ไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ยังพยักหน้า: “ก็ได้ค่ะ”
……
เฉินถิงเซียวพาคนขึ้นนั่งเครื่องบินส่วนตัว ไปตามหามู่น่อนน่อน
จุดประสงค์หลักของกู้จือหยั่นถึงแม้คือการไปหาเสิ่นเหลียง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังเป็นประธานคนปัจจุบันของบริษัทเสิ้งติ่งด้วย ถ้าเขาไม่เข้าไป แน่นอนว่าก็จะมีลูกน้องไปที่นั่นเพื่อจัดการเรื่องให้
ทีมงานกองถ่ายล้วนเป็นคนของบริษัทเสิ้งติ่ง และตอนนี้เขาจะเข้าไป แน่นอนว่าก็ต้องเข้าไปในฐานะประธานบริษัทเสิ้งติ่ง ได้แต่พาลูกน้องนั่งเครื่องบินไปด้วยกันเท่านั้น
เขาและเฉินถิงเซียวไปถึงหมู่บ้านเล็กๆในระยะเวลาใกล้ๆกัน
เฉินถิงเซียวลงจากเครื่องบิน ก็ขับรถข้ามคืนไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้น
ตอนที่เขาไปถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้น เป็นตอนบ่ายของวันที่สอง
สภาพจิตใจในหมู่บ้านไม่ได้ร้ายแรงเท่าที่รายงานบนอินเทอร์เน็ตขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีมากนัก
เพราะว่าบ้านเรือนในหมู่บ้านสร้างใกล้กับภูเขา ดังนั้นมีบ้านไม่น้อยที่ติดกับภูเขา
ตอนที่โคลนถล่ม ดินถล่ม หินและโคลนไหลลงมา แล้วยังมีน้ำท่วมตรงไปยังบางบ้านที่ติดอยู่กับภูเขาอีก ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และยังมีผู้บาดเจ็บล้มตาย
ส่วนบ้านที่อยู่ห่างจากภูเขาไกลสักหน่อย ถึงแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ผลกระทบไม่มาก โดยพื้นฐานสามารถละเลยได้
ส่วนเสิ่นเหลียงและทีมงานกองถ่ายพากเรา พักอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากภูเขา ดังนั้นทีมงานกองถ่ายเลยไม่เป็นอะไร
เพียงแต่ว่า เพราะเสาสัญญาณสร้างขึ้นบนยอดเขา ดินถล่มเลยทำลายเสาสัญญาณ โทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณไม่สามารถโทรออกได้ คนอื่นไม่สามารถติดต่อเธอได้ เธอก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้เช่นกัน
ตอนที่เสิ่นเหลียงเห็นเฉินถิงเซียว ตาทั้งสองข้างเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “บอสใหญ่!”
เฉินถิงเซียวมาได้ยังไง?
เฉินถิงเซียวเวลานี้ไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่นอยู่แล้ว เดินเข้าไปตรงหน้าเสิ่นเหลียงด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด ถามว่า: “มู่น่อนน่อนติดต่อหาเธอหรือเปล่า?”
เสิ่นเหลียงพยักหน้า: “ติดต่อมาค่ะ”
เฉินถิงเซียวได้ยินแบบนี้ ในดวงตาก็เกิดแสงวาบขึ้นอย่างกะทันหัน คว้าไหล่ของเสิ่นเหลียงไว้แน่น น้ำเสียงค่อนข้างร้อนรน: “เมื่อไหร่?”
“สอง…สองวันก่อน…” เสิ่นเหลียงถูกปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินถิงเซียวทำให้ตกใจ เลยพูดจาติดขัดเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวมาที่หมู่บ้านนี้ใช้เวลาหนึ่งวัน ส่วนมู่น่อนน่อนออกเดินทางเมื่อสองวันก่อน ถ้าหากมาถึง ก็คงมาถึงนานแล้ว
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หันหลังกลับจะเดินจากไป
เสิ่นเหลียงรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบถามเขาต่อไปว่า: “บอสใหญ่ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นคะ?”
เธอนึกย้อนไปถึงก่อนหน้านี้ มู่น่อนน่อนบอกว่าจะมาตรวจสอบสถานที่ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากและถามขึ้นว่า: “น่อนน่อน…เธอมาหาฉันแล้วหรอคะ?”
เฉินถิงเซียวหันหน้ามามองเธอครู่หนึ่ง น้ำเสียงนิ่งเรียบ: “สองวันก่อนก็ออกเดินทางแล้ว”
เสิ่นเหลียงสีหน้าซีดขาว: “คุณไปตามหาเธอใช่มั้ยคะ? ฉันก็จะไปด้วยเหมือนกัน”
“คุณอยู่ที่นี่รอกู้จือหยั่นมา” เฉินถิงเซียวตัดสินใจแทนเธออย่างเย็นชาและง่ายดาย ไม่ให้เสิ่นเหลียงคัดค้านแต่อย่างใด พูดจบก็เดินจากไป
เสิ่นเหลียงก็รู้ว่าการหาคนในสถานที่แบบนี้ เฉินถิงเซียวเก่งกว่าเธอมาก
ต่อให้เธอไปแล้ว ก็อาจจะทำได้แต่เพิ่มความวุ่นวาย เลยได้แค่ต้องอยู่ในหมู่บ้านรอกู้จือหยั่นมา
แต่ว่า แม้ว่าเฉินถิงเซียวจะออกไปตามหาคนด้วยตัวเอง ก็ไม่สามารถทำให้เสิ่นเหลียงรู้สึกสบายใจเท่าไหร่
ก่อนหน้าที่มู่น่อนน่อนบอกว่ามาตรวจสอบสถานที่ แม้ว่าเธอจะตั้งตารอ แต่ก็ไม่คิดว่ามู่น่อนน่อนจะมาจริงๆ ถึงยังไงเธอก็ได้ปฏิเสธไปอย่างชัดเจนเรียบร้อยแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่ามู่น่อนน่อนจะมาจริงๆ แล้วยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก…
ก่อนหน้านี้ฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวัน วันนี้กลับหยุดลงกระทันหัน
ฝนคือหยุดแล้ว แต่ว่าสภาพถนนกลับย่ำแย่เป็นพิเศษ
รถของเฉินถิงเซียวขับออกไปไม่ไกลมาก ก็ติดอยู่ในโคลนแล้ว
ลูกน้องลงจากรถเพื่อดูสภาพถนน เฉินถิงเซียวก็ลงมาด้วยกันกับเขา
ทางหลวงถูกสร้างขึ้นรอบภูเขา ทั้งสองพึ่งจะลงจากรถ เฉินถิงเซียวก็ได้ยินเสียง “ครึกครึก”
เขาเงยหน้า ก็เห็นบนภูเขามีดินโคลนและต้นไม้ที่หักไหลลงมา
เฉินถิงเซียวคว้าลูกน้องข้างๆถอยออกมาหลายก้าว
ทั้งสองคนเพิ่งจะถอยไปข้างหลัง ดินโคลนและหินพวกนั้นก็ไถลลงมา ด้วยความเร็วที่มองเห็นชัดเจน ท่วมรถของเฉินถิงเซียวอย่างรวดเร็ว
บนภูเขายังมีดินโคลนและหิน รวมทั้งต้นไม้ทั้งต้นไหลลงมา
ทางหลวงถูกตัดขาดแล้ว
เฉินถิงเซียวมองดูทางหลวงที่ถูกทำลาย สีหน้าย่ำแย่อย่างมาก บนตัวแผ่รังสีมืดมน
ถ้าหาก เมื่อวานนี้มู่น่อนน่อนขับรถเข้าไปยังหมู่บ้าน และเจอเข้ากับดินถล่มบนถนนเช่นกัน…
สายตาของเฉินถิงเซียวจ้องมองตรงที่ถูกดินโคลนและหินทับถมอีกครั้ง มีแค่ไฟท้ายรถยนต์เท่านั้นที่โผล่ออกมา
เขาหันหน้าไปมองลูกน้องที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ถามเสียงเย็นชาว่า: “ยังมีถนนเส้นอื่นอีกมั้ย?”
ลูกน้องรีบตอบว่า: “ยังมีอีกเส้นหนึ่ง เพียงแต่ว่าถนนเส้นนั้นมันขาดไปตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้าหมู่บ้าน ก็เป็นเพราะว่าถนนเส้นนั้นขาด พวกเราถึงเลือกถนนเส้นนี้”