ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 478 ไม่ใช่กู้จือหยั่น
คุณลุงเห็นมู่น่อนน่อนเข้ามา เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ถึงพูดกับเฉินถิงเซียวว่า: “มีน่ะก็มี แต่มันไม่ปลอดภัย”
เฉินถิงเซียวหันไปมองมู่น่อนน่อนครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก
สองสามวันต่อจากนี้ ยังคงฝนตกเหมือนเดิม สภาพถนนก็ไม่ดีขึ้น ดังนั้นต่อให้ในเมืองจะส่งคนมาซ่อมไฟฟ้าและเสาสัญญาณ ก็ไม่มีทางเข้ามาได้
เฉินถิงเซียวและมู่น่อนน่อนได้แต่พักอยู่ในบ้านของคุณลุงเท่านั้น
วันที่ฝนตกคุณลุงก็ไม่ต้องออกไปทำไร่ทำนา มักจะถือท่อสูบบุหรี่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตรงหน้าประตูใหญ่มองดูฝนข้างนอก บางครั้งก็อุ้มแมว
ผักที่กินล้วนไปเก็บมาจากสวนผักทุกวัน
มู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวยืมพักอาศัยอยู่ในบ้านของคุณลุง เลยดูแลเรื่องเก็บผักและทำอาหารให้ไปโดยธรรมชาติ
เพียงแต่เธอยังไม่ค่อยรู้วิธีเผาฟืน ดังนั้นปกติล้วนเป็นคุณลุงจุดไฟ มู่น่อนน่อนทำอาหาร กินอาหารเสร็จเฉินถิงเซียวล้างจาน
เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมา มู่น่อนน่อนเอียงหูฟังว่าบนหลังคามีเสียงฝนตกหรือไม่
ฟังอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันไปมองเฉินถิงเซียว: “ฝนไม่ตกแล้ว”
เฉินถิงเซียวนอนราบอยู่ข้างๆเธอ ตาทั้งสองปิดเบาๆ ดูแล้วเหมือนว่าหลับอยู่ แต่มู่น่อนน่อนรู้ว่าช่วงสองสามวันนี้เขาหลับไม่ลึก ยิ่งกว่านั้นเขาคิ้วขมวดแน่น คนฉลาดแค่เห็นก็รู้ว่าเขาตื่นแล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้ ไม่กี่วินาทีต่อมา ผู้ชายที่อยู่ข้างๆค่อยๆลืมตาขึ้น ตอบรับด้วยเสียงที่แหบเล็กน้อย: “อืม”
มู่น่อนน่อนได้ยิน ก็ลุกขึ้นข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ลงจากเตียงสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปที่หน้าประตู
ช่วงสองสามวันนี้เธอมีความทรงจำที่ยาวนาน ทุกๆวันตื่นนอนก็จะข้ามไปทางฝั่งเท้าของเฉินถิงเซียวเพื่อลงจากเตียง
มู่น่อนน่อนลงไปข้างล่าง เปิดประตูใหญ่เดินออกไป
บ้านหลังนี้สร้างอยู่บนภูเขา หน้าประตูมีแท่นที่เคลื่อนย้ายได้เล็กๆอันหนึ่ง ด้านหน้าขึ้นไปอีกเป็นป่าเขา
เวลานี้ ในป่าเขาเกิดหมอกขาวขึ้น
ฝนตกยาวนานมีหมอกหนาฟ้าก็จะสว่าง
ท้องฟ้าปลอดโปร่งแล้ว ไฟฟ้าและเสาสัญญาณก็จะได้รับการซ่อมแซม จะมีคนมาซ่อมแซมถนน และพวกกู้จือหยั่นก็จะสามารถหาพวกเขาจนเจอได้ในเวลาที่รวดเร็วที่สุด
พวกเขาจะต้องไปจากที่นี่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าเป็นเวลาเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่เมื่อมองย้อนกลับไป กลับเหมือนว่าผ่านไปนาน
มู่น่อนน่อนก้มหน้าลง ก็มองเห็นรองเท้าแตะพลาสติกสีดำที่สวมอยู่บนเท้า ขนาดของรองเท้าแตะนั้นใหญ่ไปหน่อย เวลาเธอสวมก็เลยเผยหลังเท้าที่ขาวเนียนออกมา
เธอสวมรองเท้าแตะและเหยียบลงบนโคลนสองสามครั้ง มีโคลนกระเด็นออกมา กระเด็นโดนขอบกางเกง
“แม่หนู หยิบตะกร้าสะพายหลังมานี่สิ”
เวลานี้ เสียงตะโกนของคุณลุงก็ดังขึ้น
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงก็มองออกไป เห็นคุณลุงยืนอยู่ในสวนผักสีเขียว โบกมือที่เต็มไปด้วยโคลนมาทางเธอ
ระยะทางค่อนข้างไกล มู่น่อนน่อนก็ไม่รู้ว่าคุณลุงกำลังทำอะไรอยู่ ตอบกลับเสียงสูงว่า: “อ้อ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
มู่น่อนน่อนแบกตะกร้าสะพายหลังเดินเข้าไป เห็นคุณลุงนั่งยองๆอยู่ในสวนผัก ดึงอะไรบางอย่างออกมาจากกองโคลนที่พึ่งขุดออกมาใหม่
“คุณลุง คุณทำอะไรคะ?”
ฝนตกติดต่อกันหลายวันขนาดนี้ ดินโคลนในพื้นดินก็เปียกชุ่ม มู่น่อนน่อนดึงขากางเกงขึ้นมาถึงหัวเข่า เดินเข้าไปอย่างทุลักทุเล
โคลนเหนียวเกินไป รองเท้าแตะของมู่น่อนน่อนถูกปกคลุมเป็นชั้นหนาๆด้วยโคลน
ตอนที่รอเธอเดินไปถึงตรงหน้าของคุณลุง รองเท้าแตะคู่หนึ่งก็ถูกโคลนปกคลุมไปแล้วหลายรอบ หนักเป็นพิเศษ
คุณลุงโคลนเปื้อนเต็มมือ ยื่นก้อนกลมๆไปตรงหน้ามู่น่อนน่อน ยิ้มแหะๆ: “รู้จักสิ่งนี้มั้ย?”
มู่น่อนน่อนจ้องของสิ่งนั้นอยู่สองสามวินาที ถึงจะมั่นใจและตอบว่า: “มันคือมันเทศ”
คุณลุงหน้าตาตกใจ: “อันนี้หนูก็รู้จักหรอ?”
“รู้จักค่ะ เคยซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ต เพียงแต่ว่าไม่เคยเห็นตอนเพิ่งขุดขึ้นมาจากพื้นดินเลยค่ะ” มู่น่อนน่อนขณะพูด ก็นั่งยองๆ หยิบอันหนึ่งขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ดูอยู่นาน เธอก็กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า: “เล็กไปหน่อย”
“ฉันจะลองขุดสองสามอันขึ้นมาดูแล้วกัน สามารถกินได้ก็ขุดกลับบ้านได้ สองสามอันนี้เอากลับไปทำข้าวต้มมันเทศ” คุณลุงพูด แล้วก็วางมันเทศที่ขุดออกมาลงในตะกร้าสะพายหลัง
มู่น่อนน่อนก็ช่วยเขาเก็บด้วยกัน
สุดท้ายเหลือมันเทศผิวเรียบเนียนอยู่อันหนึ่ง คุณลุงหยิบมีดมาปอกแล้วยื่นให้มู่น่อนน่อน: “ชิมสิ รูปร่างหน้าตาดีแบบนี้กินเข้าไปก็หวานกรอบเหมือนกัน”
มู่น่อนน่อนรับมากัดคำหนึ่ง ทั้งหวานทั้งกรอบจริงๆ
“หวานมั้ย?”
“อืม หวานมากเลยค่ะ”
มู่น่อนน่อนช่วยคุณลุงแบกตะกร้าสะพายหลัง คุณลุงถือเคียวเดินอยู่ข้างหน้า ทั้งสองคนก็คุยกันเรื่อยเปื่อย
ตอนที่ใกล้ถึงประตูบ้าน มู่น่อนน่อนตะโกนเข้าไปในบ้าน: “เฉินถิงเซียว มันเทศที่เราขุดมาหวานมากเลย!”
คำพูดของมู่น่อนน่อนพูดออกไปแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนพูดอยู่คนเดียวว่า: “หรือว่ายังไม่ตื่น?”
เธอคิดไปด้วย เดินกลับมาพร้อมกันกับคุณลุงไปด้วย
เมื่อเดินถึงหน้าประตู เธอเห็นในบ้านเหมือนจะมีคนเพิ่มมากขึ้น
มู่น่อนน่อนอึ้งไปสักพัก สีหน้าบนใบหน้าของเธอจางลง
เป็นพวกกู้จือหยั่นมาตามหาล่ะมั้ง
คุณลุงหรี่ตามองเข้าไปในบ้าน: “ในบ้านมีคนมาเรอะ?”
“น่าจะเป็นเพื่อนของเรามาตามหาน่ะค่ะ” มู่น่อนน่อนเม้มปาก พูดเสียงนิ่งๆ
คุณลุงก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ผ่านไปไม่กี่วินาทีถึงจะตอบสนอง เอื้อมมือไปหยิบตะกร้าสะพายหลังที่เธอแบกอยู่ลงมา: “หนูไปดูเถอะ ฉันจะไปทำข้าวต้มมันเทศ”
มู่น่อนน่อนหันไปมอง ก็เห็นเพียงคุณลุงโค้งหลังงอ แบกตะกร้าไว้บนหลังเดินไปห้องครัว
มู่น่อนน่อนก็ไปที่ห้องโถง
ในห้องโถงไม่มีหน้าต่าง ตอนที่เข้ามาจากข้างนอก เป็นเพราะเนื่องจากแสงไฟสลับกัน ตอนแรกเลยมองไม่ค่อยเห็นคนด้านใน
มู่น่อนน่อนก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไป สักพักถึงจะเห็นสถานการณ์ด้านในชัดเจน
เฉินถิงเซียวนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ส่วนชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ดันไม่ใช่กู้จือหยั่น!
มู่น่อนน่อนแค่เข้ามา พวกเขาทั้งสองก็หันหน้ามองมาทางเธอ
เฉินถิงเซียวบนหน้าไม่มีสีหน้าใดๆ แววตาล้ำลึก มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนชายอีกคน กลับยิ้มให้มู่น่อนน่อนเล็กน้อย: “น่อนน่อน”
ความตกใจบนหน้าของมู่น่อนน่อนยังไม่ทันหายไป: “ลี่…จิ่วเชียน คุณ… มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ถูกต้อง ชายที่นั่งตรงข้ามกับเฉินถิงเซียว ก็คือลี่จิ่วเชียน
มู่น่อนน่อนรู้จากเฉินถิงเซียวว่า กู้จือหยั่นมาหาเสิ่นเหลียง เลยคาดเดามาตลอดว่าคนแรกที่มาตามหาน่าจะเป็นกู้จือหยั่น แต่ความเป็นไปได้ของสือเย่มีมากกว่าหน่อย
แม้ว่าเฉินถิงเซียวครั้งนี้ไม่ได้พาสือเย่มา แต่จากที่มู่น่อนน่อนเห็น สือเย่เป็นผู้ช่วยพิเศษที่ทำได้ทุกอย่าง มีความสามารถอย่างมหัศจรรย์ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้
เธอไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยคิดเลย ว่าคนแรกที่มาหาจะเป็นลี่จิ่วเชียน
“แน่นอนว่าผมมาตามหาคุณนั่นแหละ” ลี่จิ่วเชียนยิ้มอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ราวกับว่าเขาก็แค่ใสซื่อรู้ว่ามู่น่อนน่อนติดอยู่ที่นี่ ดังนั้นเลยพาคนมาตามหาเธอ
ลี่จิ่วเชียนพูดอย่างสบายๆ มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกหนักใจเล็กน้อย
เรื่องเธอมาหาเสิ่นเหลียง นอกจากเฉินถิงเซียวรู้ ก็ไม่เคยบอกลี่จิ่วเชียนเลย
เธอไม่ปฏิเสธว่าลี่จิ่วเชียนมีความสามารถ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้แผนการเดินทางของเธอ ก็ยังสามารถหาเธอเจอในเวลาสั้นๆขนาดนี้ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้