ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 483 ส่งคุณหญิงน้อยกลับไป
เครื่องบินได้จอดลงที่ท่าอาศยานนานาชาติเมืองหู้หยาง
สือเย่ได้สั่งให้บอดี้การ์ดมารับเครื่องไว้ล่วงหน้าแล้ว
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวเพิ่งออกจากสนามบิน ก็มีบอดี้การ์ดเดินมาหา
บอดี้การ์ดพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า:“คุณผู้ชาย คุณหญิงน้อย”
เฉินถิงเซียวหันมาถามมู่น่อนน่อนว่า:“คุณจะไปไหน?”
สองวันนี้เฉินถิงเซียวเย็นชากับเธอมาก มู่น่อนน่อนก็มีภูมิต้านทานขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย: “ไปดูมู่มู่ที่บ้านคุณค่ะ”
เฉินถิงเซียวฟังแล้วได้หันไปมองสือเย่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“ไปบริษัท”
เขาพูดจบ ก็ได้ยกฝีเท้าเดินไปที่รถคันนึง
บอดี้การ์ดได้ขับรถมาหลายคัน เห็นเฉินถิงเซียวจะไปบริษัท ก็ได้เป็นฝ่ายเดินไปช่วยเขาประตูรถ
สือเย่มองเงาของเฉินถิงเซียวแว๊บนึง จากนั้นถึงได้สั่งการบอดี้การ์ดอีกคนที่อยู่ข้างๆ:“ส่งคุณหญิงน้อยกลับไป”
มู่น่อนน่อนไม่สนว่าสือเย่พูดอะไร เธอได้วิ่งตามเฉินถิงเซียวไปแล้วถามว่า:“ของที่คุณลุงให้มา จะให้ฉันเอาไว้ที่บ้านคุณหน่อยมั้ยคะ?”
เฉินถิงเซียวกำลังจะเข้าไปในรถ ฟังคำพูดของเธอแล้วได้หยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นได้หันมามองหน้าเธอแว๊บนึง:“ไม่ต้อง คุณเอาไปหมดเลย”
เขาพูดจบ ก็ได้เข้าไปในรถโดยตรง
บอดี้การ์ดปิดประตูรถ หลังจากพยักหน้าให้มู่น่อนน่อนอย่างเคารพแล้วก็ได้ถอยออกไปเลย สือเย่เป็นคนมาขับรถไปบริษัทกับเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนมองดูรถขับไปไกล เธอสูดหายใจลึกๆทีนึงแล้ว ถึงหันไปขึ้นรถอีกคัน
นิสัยที่หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ของเฉินถิงเซียว ทำให้คนคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ
บอดี้การ์ดได้ส่งมู่น่อนน่อนไปที่บ้านของเฉินถิงเซียวโดยตรง
ตอนที่เฉินมู่เห็นมู่น่อนน่อนแล้ว ดีใจจนวิ่งพุ่งเข้ามาที่อ้อมกอดเธอโดยตรง
“แม่คะ!”
สาวน้อยเฉินมู่เหมือนอ้วนขึ้นจริงๆด้วย ตอนที่มู่น่อนน่อนอุ้มเธอขึ้นมา รู้สึกหนักกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลย
“แม่กับพ่อไม่อยู่ หนูได้ทานข้าวดีๆ นอนดีๆหรือเปล่าคะ?อื๊ม?”มู่น่อนน่อนอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนโซฟา
มีคนรับใช้ยกน้ำมา มู่น่อนน่อนได้พูดเสียงต่ำคำนึง:“ขอบใจจ้า”
“อืมๆ!”เฉินมู่พูดเสียงดังเสร็จ ก็ได้ยื่นคอมองไปทางประตูที่มู่น่อนน่อนเพิ่งเข้ามา
มู่น่อนน่อนเองก็ได้มองไปตามสายตาของเธอ ผ่านไปสองวิ เฉินมู่ดึงสายตากลับแล้วแหงนหน้ามองมู่น่อนน่อน:“คุณพ่อล่ะคะ?”
สีหน้าของมู่น่อนน่อนได้หงอยลงมาทันที แววตามีความเศร้าหมองแว๊บผ่าน:“คุณพ่อไปบริษัทแล้วค่ะ เขามีธุระต้องทำ”
“ค่ะ”เสียงของเฉินมู่ฟังแล้วค่อนข้างผิดหวัง แต่ไม่นานก็ได้มีชีวิตชีวาขึ้นมา
คุณพ่อไม่อยู่ไม่เป็นไร มีคุณแม่อยู่ก็พอแล้ว
……
มู่น่อนน่อนเล่นกับเฉินมู่ได้สักพักก็เตรียมตัวกลับแล้ว
ก่อนจะกลับ เฉินมู่ได้ดึงเธอวพร้อมบอกว่าจะไปกับเธอ
มู่น่อนน่อนยื่นมือมาลูบศีรษะเธอ:“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะมาอีกนะคะ”
“ไม่เอา……”เฉินมู่ทำหน้ามุ่ย และดึงตัวเธอไว้ไม่ยอมปล่อยพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
มู่น่อนน่อนเห็นแล้วสงสารจับใจ ทันใดนั้นได้ประนีประนอมอย่างไม่มีหลักการใดๆ:“งั้นแม่โทรบอกคุณพ่อก่อน โอเคมั้ยคะ?”
เฉินมู่รีบพยักหน้ารัวๆ:“ค่ะ”
ถึงแม้เธอยังเด็กอยู่ แต่ถ้าพูดเหตุผลกับเธออย่างมีความอดทน เธอก็จะฟังอยู่
ที่จริงเฉินมู่เป็นเด็กที่ค่อนข้างขาดความรัก สมัยเด็กๆคนที่อยู่ข้างกายเธอมักจะเป็นคนรับใช้ หรือไม่ก็คุณพ่อที่เคร่งขรึม ยังไงเด็กก็ชอบเพศหญิงที่สวยและอ่อนโยนกว่า
ในใจของเด็กๆทุกคนมักจะมีความพึ่งพาแม่อยู่ในสายเลือด
มู่น่อนน่อนอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน และได้หยิบมือถือออกมาโทรหาเฉินถิงเซียว
น้อยนักที่จะได้เห็น ครั้งนี้หลังจากโทรติด เสียงรอสายเพิ่งดังขึ้นสองที เฉินถิงเซียวก็ได้รับสายแล้ว
“มีธุระอะไร?”เสียงของเขาเย็นชาเหมือนที่ผ่านๆมา
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านคุณ มู่มู่อยากกลับไปกับฉัน ฉันอยากให้เธอไปพักที่บ้านฉันสักสองสามวันค่ะ”ที่จริงมู่น่อนน่อนไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าเฉินถิงเซียวจะตอบตกลง
เธอคอยคิดอยู่ในใจถ้าเฉินถิงเซียวปฏิเสธ ตัวเองจะต้องพูดยังไง
แต่สุดท้ายถ้อยคำที่เธอคิดเอาไว้ไม่ได้ใช้ เพราะเฉินถิงเซียวได้ตอบตกลงแล้ว
“ได้”ฟังอารมณ์จากน้ำเสียงเขาไม่ออก เขาได้ถามเธอต่อ:“ยังมีธุระอย่างอื่นมั้ย?”
คำพูดที่มาถึงปากของมู่น่อนน่อนได้ถูกกลืนลงไป เธออึ้งอยู่ครู่นึงถึงพูดว่า:“ไม่มีแล้วค่ะ”
“ผมจะไปประชุมแล้ว”
มู่น่อนน่อนย่อมฟังออกอยู่แล้วว่าเฉินถิงเซียวกำลังเตือนเธอว่าควรจะวางสายได้แล้ว อย่าเสียเวลาของเขา
ในเมื่อเฉินถิงเซียวยอมให้เธอพาเฉินมู่ไปพักที่บ้านแล้ว เธอก็ไม่พูดมากอีก
“คุณยุ่งเถอะ บ๊ายบายค่ะ”
เธอพูดจบ ก็อยากรอให้เฉินถิงเซียววางสายก่อนด้วยความเคยชิน
เฉินถิงเซียวที่เมื่อก่อนจะรอเธอวางสายก่อนคนนั้น ไม่ได้โผล่มานานมากแล้ว ตอนนี้เธอก็ชินกับการที่เฉินถิงเซียววางสายเธอก่อนแล้ว
แต่เธอพบว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้วางสายทิ้งในทันที
ในสายมีเสียงของสือเย่ดังขึ้น:“คุณผู้ชายครับ ประชุมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ”
มู่น่อนน่อนฟังถึงตรงนี้ก็ได้รีบวางสายทิ้ง
เธอเพิ่งเก็บมือถือ ก็เห็นเฉินมู่กำลังกระพริบตาปริบๆ พร้อมมองเธอด้วยความคาดหวัง
มู่น่อนน่อนหยิกแก้มของเธอ:“หนูลองทายดูซิคะว่าคุณพ่ออนุญาติหรือเปล่า?”
เฉินมู่พยักหน้าอย่างมึนๆ:“อนุญาติค่ะ!”
“ถูกต้องค่ะ!”มู่น่อนน่อนวางเธอลง:“หนูมีของอะไรที่อยากจะเอาไปมั้ยคะ?”
เฉินมู่เอียงศีรษะคิดไปครู่นึงแล้วพูดด้วยเสียงใสแบ๊ว:“เจ้าเสือน้อยค่ะ”
มู่น่อนน่อนรู้ว่าของที่เธอพูดถึงคือตุ๊กตาที่เฉินถิงเซียวซื้อให้เธอ
เฉินมู่มีเสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ที่บ้านของมู่น่อนน่อนอยู่ พวกเธอเลยไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไปเพิ่ม
มู่น่อนน่อนช่วยเฉินมู่เอาเจ้าเสือน้อยเสร็จ ก็ได้พาเฉินมู่ไปเลย
ตอนที่สองแม่ลูกออกจากบ้าน คือบอดี้การ์ดคนที่ส่งเธอกลับมาจากสนามบินไปส่งทั้งสองคน
ในห้องไม่มีคนอยู่เป็นอาทิตย์ ป่านนี้เริ่มมีฝุ่นแล้ว
มู่น่อนน่อนทำความสะอาดห้อง เฉินมู่จะคอยก่อนกวนอยู่ข้างๆ มู่น่อนน่อนก็เลยหาถุงมือและผ้ากันเปื้อนให้เฉินมู่
ใส่ซะเลย
แต่เฉินมู่เด็กเกินไป ใส่ถุงมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วดูตลกมาก
กลัวว่าเฉินมู่จะล้ม มู่น่อนน่อนได้ม้วนผ้ากันเปื้อนขึ้นมา
มู่น่อนน่อนหาหนังสือพิมพ์มาแผ่นนึง และทำเป็นหมวกแหลมๆให้เธอใส่
เฉินมู่ใส่วิ่งรอบห้องเลย เพราะมีเฉินมู่อยู่ ประสิทธิภาพในการทำงานของมู่น่อนน่อนได้ลดลงไปเยอะเลย
ดีที่ฝุ่นไม่เยอะ แค่ทำความสะอาดอย่างเรียบง่ายก็พอแล้ว
หลังจากมู่น่อนน่อนทำความสะอาดเสร็จ ก็ได้ถอดถุงมือและผ้ากันเปื้อนของตัวเองออก จากนั้นได้ไปถอดให้เฉินมู่
ตอนที่เธอช่วยเฉินมู่ถอดถุงมือและผ้ากันเปื้อน เฉินมู่ยังเชื่อฟังอยู่ แต่ตอนที่เธอจะถอดหมวกแหลมออก เฉินมู่ก็ได้จับเอาไว้ไม่ยอมให้เธอจับต้องเลย
มู่น่อนน่อนอดขำไม่ได้ เธอได้ถามลูกว่า:“หนูชอบอันนี้เหรอคะ?”
เฉินมู่พยักหน้ารัวๆ:“อืม”
“โอเค งั้นหนูใส่ไว้ก็ได้ค่ะ”เด็กๆชอบเล่น รู้สึกอะไรก็แปลกใหม่ไปหมด มู่น่อนน่อนก็เลยตามใจเธอ
เธอพูดจบ ยังได้ช่วยเฉินมู่ปรับหมวกแหลมให้ตรง
ดิ๊งด่อง——
“เสียงกริ่งประตูดังหรือเปล่าคะ?”มู่น่อนน่อนเพิ่งกลับมา ใครกันจะมาหาเธอไวขนาดนี้?
“หนูไปเปิดประตูเอง!”
เฉินมู่อาสาสมัครจะรับภารกิจไปเปิดประตูเอง ตอนที่วิ่งไปถึงครึ่งทาง หมวกแหลมที่อยู่บนหัวได้ตกลงมา เธอเก็บขึ้นมาแล้ววิ่งต่อ
พอวิ่งมาถึงข้างประตู เธอได้เปิดประตูด้วยความพยายาม พร้อมทั้งหัวเราะ“คิๆ”แล้วกระโจนไปหาคนที่มา
มู่น่อนน่อนเดินมาดู พบว่าคนที่มาคือเฉินถิงเซียว