ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 485 ความคิดที่ไม่แน่ใจ
หลังจากเขานั่งลงมา ได้เห็นมู่น่อนน่อนจ้องมองเขาตลอด เขาเหม่อไปครู่นึงก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ก้มหน้าก้มตาทานข้าว
มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ อยู่ครึ่งค่อนวันถึงหยิบตะเกียบขึ้นมา
ระหว่างที่กินข้าว เธอคอยสังเกตเฉินถิงเซียวตลอด
เฉินถิงเซียวเหมือนไม่สังเกตเห็นยังไงอย่างงั้น เขาเอาแต่กินข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอเลย
จนกระทั่งทานข้าวเสร็จ เขาถึงมีความเคลื่อนไหว
เขาลุกขึ้นมาพูดอย่างใจเย็น:“ผมกลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมารับมู่มู่”
มู่น่อนน่อนอึ้งอยู่ครู่นึง จากนั้นได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า:“ได้ค่ะ”
เขาได้หันไปมองเฉินมู่อีก:“มู่มู่ พ่อกลับแล้ว”
เฉินมู่ยังทำการต่อสู้กับน่องไก่ชิ้นสุดท้ายอยู่ ได้ยินเฉินถิงเซียวเรียกเธอ เธอไม่ได้หันไปมองเขาเลย แค่พูดคลุมเครือคำนึง:“บ๊ายบายค่ะ!”
เฉินถิงเซียวยักคิ้วเล็กน้อย จากนั้นได้ลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกไป
หลังจากเขาไปแล้ว มู่น่อนน่อนนั่งลงมาครุ่นคิดอยู่ที่โต๊ะอาหารไปครู่นึง จนกระทั่งเฉินมู่มาดึงเธอ:“แม่คะ หนูดูการ์ตูนได้มั้ยคะ?”
ตอนนี้เฉินมู่พูดจาชัดเจนมากแล้ว
นี่ทำให้มู่น่อนน่อนนึกถึงตอนที่เจอเฉินมู่ในครั้งแรก ถึงเธอก็พูดชัดมาก แต่พูดน้อยเกินไป
เด็กๆถ้ามีผู้ใหญ่คอยพูดคุยกับด้วย ก็จะฝึกพูดได้เร็วยิ่งขึ้น
“ได้สิคะ”มู่น่อนน่อนลุกขึ้นมา แล้วจูงมือเธอมานั่งที่บนโซฟา
เธอช่วยเฉินมู่เปิดทีวี:“แม่ไปล้างจานก่อน หนูดูทีวีก่อนนะคะ เดี๋ยวแม่ล้างจานเสร็จค่อยพาหนูไปอาบน้ำเข้านอนนะ”
“ค่ะ”สามธิของเฉินมู่ได้จดจ่ออยู่ที่การ์ตูนแอนิเมชั่นหมดแล้ว สายตาทั้งคู่ได้จ้องอยู่ที่โทรทัศน์
มู่น่อนน่อนลูบศีรษะเธอเสร็จก็ได้เดินเข้าห้องครัวไป
ตอนที่เธอทำความสะอาดห้องครัวเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องครัว เฉินมู่ได้หลับคาโซฟาไปแล้ว
ปกติเวลานี้ เฉินมู่ได้เข้านอนแล้ว เธอก็คงจะง่วงตั้งนานแล้วแหละ
มู่น่อนน่อนอุ้มเธอกลับไปที่ห้องนอน ช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จก็ได้ให้เธอนอนต่อ
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
มู่น่อนน่อนลุกจากเตียงมาต้มโจ๊กและนึ่งมันเทศ
มันเทศได้เอามาจากที่คุณลุง ลูกไม่ใหญ่ ผิวเรียบเนียน เป็นตัวเลือกที่ดีในการเอามาเป็นอาหารเช้า
หลังจากเอามันเทศนึ่งลงไปในหม้อ มู่น่อนน่อนก็ได้ลงไปซื้อซาลาเปาที่ใต้ตึก
วัตถุดิบในบ้านมีไม่เยอะ อาหารเช้าได้แค่กินโจ๊กและซาลาเปารองเท้าไปพลางๆ
ตอนที่เธอออกจากคอนโด ก็เห็นลานจอดรถมีรถที่คุ้นเคยจอดอยู่คันนึง
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปใกล้ แน่ใจว่าป้ายทะเบียนนั้นเป็นรถของเฉินถิงเซียว
นาทีต่อมา เฉินถิงเซียวได้เปิดประตูและลงมาจากในรถ
เขาออกมาจากเบาะนั่งฝั่งคนขับ แสดงว่าเขาเป็นคนขับรถมาเอง
เมื่อวานตอนเขาไปได้บอกอยู่ว่าวันนี้จะมารับเฉินมู่ มู่น่อนน่อนยังนึกว่าเขาจะมารับช่วงดึกเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะมาเช้าขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวก็เห็นเธอแล้วเหมือนกัน เขาล็อคประตูเสร็จก็ได้ก้าวเท้าเดินมาหาเธอ
“คุณจะไปไหน?”
“ไปซื้อซาลาเปาค่ะ”มู่น่อนน่อนชี้ไปที่นอกประตูของชุมชน
จากนั้นเธอได้ถามอีกว่า:“ทำไมคุณถึงมาแต่เช้าเลยคะ?”
ในมือของเฉินถิงเซียวถือกุญแจไว้ เขาหลุบตาแล้วพูด:“ผมก็ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเหมือนกัน”
“คะ?”ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าก็มาเลย รีบขนาดนี้เลยเหรอ?
เฉินถิงเซียวก็ไม่สนสีหน้าที่ตะลึงงันของมู่น่อนน่อน เขาได้ยกฝีเท้าเดินออกไปนอกชุมชนอย่างหน้าตาเฉย:“ไปกันเถอะ”
“ไปไหนคะ?”มู่น่อนน่อนได้เดินตามไป เธอถูกเฉินถิงเซียวทำเอาค่อนข้างประหลาดใจ
เฉินถิงเซียวหันหน้ามาพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย:“จะไปซื้อซาลาเปาไม่ใช่เหรอ?”
ที่แท้เมื่อกี๊เขาบอกว่ายังไม่ได้ทานข้าว นี่คือจะไปซื้อซาลาเปากับเธองั้นเหรอ
มู่น่อนน่อนเดินมาข้างหน้าสองก้าว แล้วรู้สึกผิดสังเกตอีก
เฉินถิงเซียวในตอนนี้จะยอมกินซาลาเปาร้านที่ลูกละหนึ่งหยวน?
ตั้งแต่เมื่อวาน เธอก็รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวแปลกๆแล้ว ตอนนี้ดูท่าเธอคงไม่ได้ตาฝาดแน่
เธอจ้องแผ่นหลังของเฉินถิงเซียวแล้วเดินช้าลง
ร้านซาลาเปาอยู่หน้าชุมชนนี้เอง ตอนนี้มีลูกค้ายืนต่อแถวกันแล้ว
เฉินถิงเซียวที่ตัวสูงยืนอยู่ที่นั่น เด่นสะดุดตาสุดๆ
เขาได้จ้องเมนูที่ติดอยู่ตรงผนังไปครู่นึง จากนั้นก็ได้เข้าไปต่อแถวด้วยเลย
น้อยนักที่จะได้เห็นเฉินถิงเซียวที่ต่อแถวซื้อซาลาเปา
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินไป ถึงคิวของเฉินถิงเซียวพอดี
ก็ไม่รู้ว่าเถ้าแก่ดูออกหรือเปล่าว่าเป็นเฉินถิงเซียว ฟังเสียงเถ้าแก่เหมือนจะค่อนข้างหวาดกลัว:“คุณครับ จะรับซาลาเปาไส้อะไรครับ?”
เฉินถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เอาอย่างละสองลูก”
เถ้าแกอึ้งไปครู่นึง:“พวกคุณกินกันกี่คนครับ?”
ซาลาเปาร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาสิบกว่าปีแล้ว เฉพาะไส้ก็มีเป็นสิบกว่าไส้แล้ว
มู่น่อนน่อนรีบเดินไป:“ขอโทษค่ะ เขาแค่ล้อเล่นค่ะ เอาขนมจีบสองลูก ไส้หมูสองลูก และไส้ผักกาดขาวกับเห็ดหอม……”
มู่น่อนน่อนสั่งไส้ที่ตัวเองกับเฉินมู่จะกินเสร็จ ก็ได้หันไปถามเฉินถิงเซียวว่า:“คุณจะเอาไส้อะไรคะ?”
เฉินถิงเซียวสีหน้าเรียบเฉย:“อะไรก็ได้”
มู่น่อนน่อนฟังแล้วก็ได้ตัดสินใจแทนเฉินถิงเซียว:“งั้นก็เพิ่มไส้หมูอีกสองลูก และไส้ผักกาดขาวกับเห็ดหอมอย่างละลูกค่ะ”
ตอนที่เถ้าแก่เอาซาลาเปาใส่ถุงเสร็จยื่นมา มู่น่อนน่อนกำลังจะยื่นมือไปรับ ก็พบว่าเฉินถิงเซียวได้ยื่นมือไปรับซาลาเปาก่อนเธอแล้ว
มู่น่อนน่อนมองเขาด้วยความประหลาดใจแว๊บนึง ทันใดนั้นเขาได้พูดอย่างเรียบเฉย:“ผมหิวแล้ว”
“……ค่ะ”มู่น่อนน่อนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขา
ในใจยังเป็นห่วงว่าเฉินมู่นอนอยู่ที่บ้านคนเดียว ขากลับมู่น่อนน่อนจึงได้เดินค่อนข้างเร็ว
เธอเดินอยู่ข้างหน้า เฉินถิงเซียวหิ้วซาลาเปาไว้และเดินอยู่ข้างหลังเธอ
ในลิฟท์ มู่น่อนน่อนมองดูร่างเงาสองร่างที่สะท้อนอยู่บนผนังลิฟท์ เธอได้คิดอย่างค่อนข้างเหม่อลอย เหมือนภาพสามีภรรยาคู่นึงออกไปเดินเล่นในสุดสัปดาห์ แล้วซื้อซาลาเปากลับมาเป็นอาหารเช้าจังเลย
แต่เสียดายตอนนี้เธอกับเฉินถิงเซียวไม่ใช่แบบนั้น
ตอนที่มู่น่อนน่อนเปิดประตูเข้าไป เฉินมู่ได้ตื่นนอนแล้ว เธอกำลังกอดเจ้าเสือน้อยยืนเรียกแม่อยู่ที่หน้าห้องครัว
เมื่อก่อนตอนที่เฉินมู่พักอยู่กับเธอ ช่วงเช้าตอนที่เฉินมู่ตื่นขึ้นมา ปกติมู่น่อนน่อนมักจะทำอาหารเช้าอยู่ที่ห้องครัว เฉินมู่ถึงได้ติดนิสัยไปหาเธอที่ห้องครัว
“มู่มู่ ตื่นแล้วเหรอคะ”มู่น่อนน่อนรีบเปลี่ยนรองเท้า:“เมื่อกี๊แม่ไปซื้อซาลาเปา ตอนนี้เราไปล้างหน้าแปลงฟันกันก่อน เสร็จแล้วก็มาทานอาหารเช้ากันนะคะ”
“ค่ะ”เฉินมู่ขยี้ตา และได้ยื่นมือมาให้มู่น่อนน่อนอุ้มอย่างน่าเอ็นดู
ตอนที่มู่น่อนน่อนช่วยเฉินมู่อาบน้ำแปลงฟันเสร็จออกมา พบว่าเฉินถิงเซียวได้เอาซาลาเปาออกมาวางแยกใส่จานเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ได้พูดอะไร แค่อุ้มเฉินมู่เข้าไปนั่งในเก้าอี้
เฉินมู่ยื่นมือออกมาอย่างอยากลองชิมมาก:“ว้าว!ซาลาเปาลูกใหญ่จังเลย”
มู่น่อนน่อนเพิ่งล้างมือให้เฉินมู่ไป จึงไม่ได้สนใจเธอ ปล่อยให้เธอใช้มือจับอย่างตามใจชอบ
เธอพับแขนเสื้อให้เฉินมู่เสร็จ ก็ได้หันหลังเดินเข้าไปตักโจ๊กกับมันเทศ
มันเทศลูกเล็กทั้งหวานและมันหนึบหนับ เฉินมู่ชอบกินมาก
แต่มู่น่อนน่อนกลัวเธอจะย่อยได้ไม่ดี จึงให้เธอกินแค่สองลูกเล็กๆ
“ไม่ลองดูหน่อยเหรอคะ?เป็นมันเทศที่เอามาจากคุณลุงค่ะ”มู่น่อนน่อนมองไปที่เฉินถิงเซียว ระหว่างที่พูดก็ได้ยื่นมันเทศให้เฉินถิงเซียวลูกนึง
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ปฏิเสธ ได้ยื่นมือรับเอาไว้
มู่น่อนน่อนหรี่ตาเล็กน้อยจ้องมองเขา เธอยังไม่ค่อยแน่ใจความคิดของตัวเอง