ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 505 สัมผัสที่ 6
“เขาจะไม่ไหวได้ไง ตั้งแต่เด็กเขาก็รู้จักเอาอกเอาใจคนแล้ว ถือว่าเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กในหมู่บ้านของพวกเราเลยแหละ”
เสิ่นเหลียงพลันคิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก จนรอยยิ้มแสดงอาการหวนคิดถึงออกมาอยู่บ้าง
เสิ่นเหลียงตบไหล่เธอ “ไม่มีปัญหาหรอก ก็แค่1-2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง”
“แล้วกู้จือหยั่นไม่ไปร่วมงานเหรอ?” มู่น่อนน่อนถามเธอ
เสิ่นเหลียงแสยะยิ้มให้แทน “วันไหนบ้างที่เขาไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นเพลย์บอยอะ งานพบปะหรืองานเลี้ยงฉลองก็จัดอยู่ทุกวัน แค่ไม่ไปร่วมงานวันเดียวคงไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก”
ทว่าในเวลานี้มู่น่อนน่อนกลับคิดไปถึงเรื่องอื่นแทน
เรื่องที่เฉินถิงเซียวเป็นประธานที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทเสิ้งติ่ง และไม่เคยถูกเปิดเผยเรื่องนี้มาก่อน ส่วนเรื่องที่เขากับกู้จือหยั่นเป็นมิตรกัน นอกจากคนใกล้ตัวแล้ว ก็มีคนรู้เรื่องนี้น้อยมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ การที่กู้จือหยั่นไม่ไปร่วมงานเลี้ยงของเฉินถิงเซียวถือว่าพอไปวัดไปวาได้
ตอนที่เธอได้สติกลับมานั้น เสิ่นเหลียงก็โทรศัพท์มาหากู้จือหยั่นทันที
แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่ากู้จือหยั่นพูดอะไรก็ตาม มู่น่อนน่อนก็สามารถจินตนาการออกว่ากู้จือหยั่นตอบตกลงอย่างยินดี
แม้ว่าอุปนิสัยของกู้จือหยั่นจะดูยุ่งเหยิงไปบาง แต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเสิ่นเหลียงนั้น ใครก็สามารถมองออกทั้งนั้นแหละ
แค่คำพูดของเสิ่นเหลียง เขาก็รับพระบัญชาทันที และไม่มีการพูดคำว่าไม่ออกมาแม้แต่คำเดียว
ความรู้สึกที่ใสซื่อและมั่นคงอย่างชัดเจน มันเป็นวิธีการคบหากันของกู้จือหยั่นกับเสิ่นเหลียง
แม้ว่าเสิ่นเหลียงเหมือนกับเก็บงำเอาไว้ในใจก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลงกู้จือหยั่นอย่างจริงจัง แต่ดูการแสดงออกของกู้จือหยั่นแล้ว ก็ต้องหาวิธีให้เสิ่นเหลียงตอบตกลงอยู่ดี
ถ้าเสิ่นเหลียงไม่ยอมตกลงสักที มู่น่อนน่อนก็ยังสงสัยว่ากู้จือหยั่นคงวุ่นวายกับเสิ่นเหลียงไปตลอดชีวิต
ถือว่าเป็นเรื่องดี และก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร
หลังจากมู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงเลือกชุดราตรีเสร็จแล้ว กู้จือหยั่นก็มาถึงพอดี
เฉินมู่ก็ตื่นนอนเวลานี้พอดี
สาวน้อยที่มีอาการงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน พลันลูบคลำผมของมู่น่อนน่อนที่เพิ่งหนีบเสร็จอย่างแปลกใจ
มู่น่อนน่อนเอาใจให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมทั้งอุ้มตัวเธอออกมา
วิธีการเอาใจเด็กอยู่เสมอของกู้จือหยั่น นั่นก็คือ–ลูกอม
ส่วนเฉินมู่นั้นเป็นเด็กที่ชอบกินลูกอมที่สุดแล้ว
เธอรับลูกอมอย่างหน้าตาแจ่มใส จากนั้นกู้จือหยั่นก็ปรบมือทันที “ไหนให้อาอุ้มหน่อยสิ?”
เฉินมู่ตกหลุมพรางของกู้จือหยั่นทันที พลันยื่นแขนเล็กๆ ออกมาและเอนร่างกายไปทางกู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นยิ้มจนตาหยี เดี๋ยวก็ “ลูกรัก” อีกสักพักก็ “ลูกรัก” แสดงท่าทางราวกับเฉินมู่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาเช่นนั้นแหละ
ขนคิ้วของเฉินมู่ย่นเข้าหากันจนจะชิดกันอยู่แล้ว “ชื่อมู่มู่ค่ะ”
กู้จือหยั่นขำกับอาการของเธอ “ทำไมนิสัยถึงได้คล้ายกับถิงเซียวเลย ฮ่า ๆ ๆ …”
กู้จือหยั่นอุ้มเฉินมู่เอาไว้ทั้งพูดทั้งหัวเราะไปด้วย ทั้งสองคนเข้าขากันได้ไม่เลวเลย
“ฉันว่าแล้วว่าใช้งานได้แหละ” เสิ่นเหลียงยื่นมือออกมาพาดหัวไหล่ของมู่น่อนน่อน พลันมองตามสายตาของเธอไปมองกู้จือหยั่นกับเฉินมู่
มู่น่อนน่อนยิ้มให้ พลันเดินไปพูดตรงด้านหน้าของกู้จือหยั่น “คงไม่ทำให้คุณเสียเวลาใช่ไหมคะ?”
“ไม่หรอก ผมว่างมาก” หลังจากกู้จือหยั่นเดินเข้าประตูมาแล้ว รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็ยังไม่หุบยิ้มเลย
เมื่อครู่มู่น่อนน่อนได้อธิบายให้เฉินมู่ฟังแล้ว ก่อนหน้านี้เฉินมู่ก็รับปากเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ว่าจะเชื่อฟังคุณลุงกู้
ผู้ใหญ่สามคนกับเด็กหนึ่งคนออกจากบ้านพร้อมกัน
ตอนนี้เวลาใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว แม้ว่างานเลี้ยงจะมีของกินก็ตาม แต่ก็กินไม่อิ่ม พวกเขาไปหาของกินแบบง่ายๆ กันในร้านอาหารในโรงแรมเจ็ดดาวที่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง
หลังจากกินอาหารเสร็จ กู้จือหยั่นก็ไปเปิดห้อง พร้อมทั้งพาตัวเฉินมู่เข้าไปรอพวกเธออยู่ในห้อง ถ้าเกิดมีเรื่องขึ้น เขาก็สามารถไปรับมู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงที่บอลรูมห้องจัดเลี้ยงได้ทันที
งานเลี้ยงเริ่มงานตอนสองทุ่ม มู่น่อนน่อนจึงลงไปก่อนงานจะเริ่ม
คนยังไม่ได้เยอะมาก มู่น่อนน่อนก็หามุมห้องที่คนมองข้ามเพื่อไปยืนอยู่ตรงนั้น
แขกเหรื่อต่างทยอยเข้างาน ใบหน้าที่คุ้นชินที่อยู่ในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์เหล่านั้น ต่างปรากฏตัวที่นี่ทั้งหมด
ยิ่งคนที่อยู่ในงานเยอะเท่าไหร่ การที่มู่น่อนน่อนมายืนหลบมุมห้องมันยิ่งไม่ทำให้คนสังเกตเห็น
เสิ่นเหลียงที่มาร่วมสนุกไปกับมู่น่อนน่อน ก็อยู่ที่มุมห้องอยู่ตลอดเวลา แถมยังพูดถึงแขกเหรื่อที่เดินผ่านมู่น่อนน่อนอยู่ตลอดเวลา
“คนนั้นอะ มองผิวเผินเป็นคนจิตใจดี แต่ลับหลังยังเลี้ยงดูเมียน้อยไว้ตั้งหลายคน…”
“นักแสดงผู้หญิงที่ใส่ชุดสีแดงคนนั้นอะ เห็นหรือเปล่า ความจริงเธอแอบแต่งงานแล้วนะ”
“ยังมีคนทางนั้นอีกคน ตั้งใจเอาตัวเข้าแลกมาจนได้เป็นผู้กำกับน้องใหม่ไฟแรงเลยแหละ”
มู่น่อนน่อนฟังแล้วยิ่งออกรสออกชาติ “ฉันคิดว่าแกทำงานผิดทางแล้วแหละ แกควรจะไปเป็นนักข่าว”
เสิ่นเหลียงโบกแก้วแชมเปญที่อยู่ในมือทันที น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นมาบ้าง “ในแวดวงการบันเทิงไม่มีความลับหรอก ตัวเองเป็นคนไม่ซื่อสัตย์เอง ไม่ว่าช้าเร็วยังไงก็ต้องถูกขุดขึ้นมา แต่ว่าตอนที่ทุกคนต่างไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกัน ก็ทำเป็นหูทวนลมแสร้งไม่รู้เท่านั้นเอง”
มู่น่อนน่อนตะลึงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงถามเธอกลับ “มันไม่เหนื่อยมากบ้างเหรอ?”
เธอเป็นคนเขียนบทละคร ถือว่าทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่เหมือนกับลักษณะงานของเสิ่นเหลียงเลย
“ยังดี ประเด็นหลังคือการปรับสภาพอารมณ์…”
เวลานั้นเอง บริเวณทางเข้างานก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น
เสิ่นเหลียงลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งเขย่งเท้าและชะเง้อมองไปทางด้านนอก “ท่านประธานใหญ่น่าจะมาแล้ว”
มู่น่อนน่อนก็มองตามสายตาของเธอ จึงเห็นเฉินถิงเซียวกำลังผลักให้เฉินชิงเฟิงเดินเข้ามาในงาน
เฉินถิงเซียวยังคงใส่สูทสีทึบตามความเคยชิน แววตาสดใสเปล่งประกาย แต่มู่น่อนน่อนมักรู้สึกว่าสีหน้าของเขาไม่สู้ดี สีริมฝีปากก็ดูสุขภาพไม่ดีเลย เหมือน…กำลังป่วยอยู่
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก เธอน่าจะคิดมากไปเองแหละ
ร่างกายของเฉินถิงเซียวบึกบึนทนทายาดอย่างกับเหล็กกล้า น้อยครั้งที่จะป่วยกับเขาสักครั้ง
เฉินชิงเฟิงนั่งอยู่บนรถเข็น ทรงผมก็ตัดอย่างดี แต่ด้วยความผอมแห้งเกิน เมื่อใส่สูทที่ตัดพอดีตัวแล้ว มันว่างเปล่าจนฝืนต่อไม่ไหว จนมองไม่เห็นรูปทรง แขนเสื้อข้างหนึ่งก็ว่างเปล่า
แม้ว่าเขาจะก้มหน้าไม่อยากเจอหน้าผู้คนก็ตาม ทว่าพฤติกรรมที่เขาประสานมือไว้แน่น จึงแสดงให้เห็นว่าเขาตื่นเต้นมาก
ยากเกินจินตนาการเหลือเกิน ชายหนุ่มที่มีอำนาจในมือในการบริษัทเฉินซื่อมานับสิบกว่าปี และใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงธุรกิจมาครึ่งชีวิต แต่กลับตื่นเต้นเพราะงานเล็กๆ แค่นี้
หลังจากที่มีข่าวเฉินชิงเฟิงถูกลักพาตัวไปแพร่สะพัดออกมาเมื่อสามปีก่อน จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งออกมาให้เห็นหน้าคร่าตาเป็นครั้งแรก
ท่ามกลางเสียงฮือฮานั้น ก็รับรู้ได้ว่าทุกคนต่างตกใจไปตามๆ กัน
หรือเสียใจ หรือสมน้ำหน้าก็ได้
แขกเหรื่อพลันหลีกทางให้เป็นทางเดินตามความรู้สึกทันที เพื่อเว้นทางเดินให้กับเฉินถิงเซียว
สือเย่เดินตามหลังเฉินถิงเซียวด้วยหน้าตาเคร่งขรึม
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ตรงมุมห้อง ด้านหน้าของเธอยังมีคนยืนอยู่มากมาย เฉินถิงเซียวเข็นเฉินชิงเฟิงไปทางด้านหน้าโดยไม่มองด้านข้างเลย น่าจะไม่เห็นเธอหรอกน่า
แต่ว่า ความคิดแบบนี้ของเธอเพิ่งผุดขึ้นมา เฉินถิงเซียวที่กำลังเข็นเฉินชิงเฟิงเดินผ่านหน้าเธอไปแล้ว กลับหันกลับมา สายตาของเขามองผ่านกลุ่มฝูงชน และจ้องมองที่ตัวของมู่น่อนน่อน
คนอื่นๆ ต่างรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวเหมือนมองหาใครสักคนอยู่ ต่างก็มองมาทางมู่น่อนน่อนทันที
มู่น่อนน่อนเห็นแบบนั้น ก็รีบหันตัวกลับ แสร้งทำเหมือนกับคนอื่นๆ คือการมองไปอีกทาง
ทว่าอารมณ์ของเสิ่นเหลียงช่างต่างกันคนละขั้วกับมู่น่อนน่อนเลย เธอดึงแขนมู่น่อนน่อนอย่างดีใจ “ท่านประธานใหญ่กำลังมองมาทางแก เก่งจริง ห่างขนาดนี้ ยังเห็นแกเลย นี่มันสัมผัสที่ 6หรือเปล่าเนี่ย?”