ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 518 ไม่แต่งก็ต้องแต่ง
มู่น่อนน่อนเดาไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครกล้ามีปัญหากับบริษัทเฉินซื่อ
ในเวลานี้เอง จู่ๆ กริ่งประตูก็ดังขึ้นมา
ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะเปิดประตูออกไป เธอมองผ่านตาแมวและเห็นว่าเป็นสือเย่ เธอจึงเปิดประตูออก
“ผู้ช่วยสือ คุณมาที่นี่ทำไมคะ”
หลังจากเปิดประตู มู่น่อนน่อนก็เห็นทันทีว่าสือเย่พาบอดี้การ์ดมาด้วยอีกสองสามคน
“คุณชายสั่งให้ผมมาครับ” สือเย่ก้มหน้าพูดอย่างนอบน้อมพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนหันกลับไปข้างใดข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “เข้ามาคุยข้างในเถอะค่ะ”
จากความรู้สึกของเธอ สือเย่เป็นคนที่น่าเชื่อถือ
“ผมไม่เข้าไปดีกว่าครับ คุณนายน้อย คุณชายสั่งให้ผมมารับคุณเพื่อไปดูชุดแต่งงานครับ ถ้าคุณสะดวก เราออกเดินทางไปกันได้เลยครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดของสือเย่ มู่น่อนน่อนก็ตกตะลึงไปทันที
เธอยังคงจำสิ่งที่เฉินถิงเซียวพูดก่อนหน้านี้ได้ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะจัดการทุกอย่างได้รวดเร็วขนาดนี้
ดูเหมือนว่าเขาอยากจะแต่งงานกับเธอจนแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามเขา “เฉินถิงเซียวอยู่ที่ไหนคะ?”
สือเย่ยังคงตอบอย่างนอบน้อม “คุณชายกำลังจัดการกับเรื่องอื่นอยู่ครับ”
มู่น่อนน่อนถามขึ้นมาอีกครั้ง “มู่มู่ อยู่ที่ไหนคะ”
“คุณหนูน้อยอยู่ที่บ้านคุณชายครับ” พอพูดถึงเฉินมู่ สือเย่ก็อดยิ้มไม่ได้
“ถ้าฉันบอกว่าไม่อยากไปดูชุดแต่งงานล่ะคะ?”
“งั้นผมจะให้พวกเขาเอาชุดมาให้คุณนายน้อยลองที่บ้าน คุณคิดว่ายังไงครับ?” น้ำเสียงและสีหน้าของสือเย่ดูจริงจังมากผิดปกติ เหมือนกับว่าเขาได้ผ่านการคิดอย่างรอบคอบ แล้วตอบกลับอย่างจริงจัง
“ผู้ช่วยสือ!” มู่น่อนน่อนเรียกด้วยน้ำเสีงที่เคร่งขรึม “คุณเองก็รู้ดีว่านี่มันไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องการแต่งงานของฉันกับเขา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้จัดการ ทำไมคุณถึงไม่เกลี้ยกล่อมเขาคะ ?”
ตอนที่สือเย่ถูกเฉินถิงเซียวสั่งให้จัดการเตรียมการเรื่องการแต่งงานของทั้งสองคน เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เพราะมันกะทันหันเกินไป
และพวกเขาเคยแต่งงาน และจะกลับมาแต่งงานใหม่หลังจากที่เคยหย่าร้างกันไปแล้ว
ผลลัพธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องจัดการเตรียมการด้วยความระมัดระวัง
บางครั้ง ไม่ใช่ว่ารักกันแล้วต้องแต่งงานกัน
เขากับภรรยาแต่งงานกันหลังจบการศึกษา และด้วยความที่พวกเขาแต่งงานกันเร็วเกินไป ดังนั้นพอมีปัญหากับการแต่งงาน พวกเขาทั้งคู่จึงเหนื่อยจนปล่อยมือจากกันไป
ส่วนเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนต่างก็ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เขาที่เป็นคนข้างกายยังรู้สึกเหนื่อยแทน และหวังว่าพวกเขาจะมีความสุข
แต่เฉินถิงเซียวเป็นคนยึดมั่นในความคิดของตัวเองมากเกินไป จนบางครั้งวิธีที่เขาจัดการกับเรื่องต่าง ๆ ก็ค่อนข้างสุดขั้วไปบ้าง
ในโลกของเฉินถิงเซียว เรื่องที่เขาอยากจะทำ เขาก็จะทำให้ได้
“คุณนายน้อยครับ แม้แต่คุณยังเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ แล้วผมจะเกลี้ยกล่อมเขาได้ยังไงล่ะครับ”
คำพูดของสือเย่ ทำให้มู่น่อนน่อนพูดไม่ออก
เฉินถิงเซียวเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองขนาดนั้น น้อยครั้งที่จะฟังคำพูดของคนอื่น
“นิสัยของคุณชายแตกต่างจากคนทั่วไปเล็กน้อย แต่เรื่องที่เขาอยากจะทำไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ ผมรู้ว่าพิธีการแต่งงาน สำหรับคุณกับคุณชายแล้ว มันก็เป็นแค่พิธีการหนึ่งเท่านั้น ที่คุณไม่พอใจคือท่าทีของเขา”
สือเย่พูดแทงใจดำมู่น่อนน่อนมาก
มู่น่อนน่อนนิ่งเงียบไปสักพัก
สือเย่สังเกตเห็นแบบนี้ จึงรีบพูดต่อ “คุณชายมีข้อบกพร่องทางนิสัย เรื่องนี้คุณเองก็รู้ดี แต่เป็นเพราะเขาถูกสะกดจิตจนสูญเสียความทรงจำไป ทำให้นิสัยของเขาแย่กว่าเดิมมาก แต่ยังไงเขาก็ยังรักคุณไม่เปลี่ยน ตรงจุดนี้ ในใจของคุณเองคงจะรู้ดี”
คำพูดของสือเย่ ดูเหมือนมู่น่อนน่อนจะเข้าใจแล้ว
ในคำพูดของเขามีเพียงสองความหมายแอบแฝง
หนึ่งคือ ยังไงเฉินถิงเซียวก็คนเดียวกัน และเขายังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง
สองคือ การแต่งงานครั้งนี้ ไม่แต่งก็ต้องแต่ง ไม่มีใครขัดแย้งเฉินถิงเซียวได้
พอเห็นมู่น่อนน่อนยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สือเย่จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “ลองคิดดูในอีกมุมหนึ่งนะครับ หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว คุณอยากจะทำอะไรกับเขา ก็แล้วแต่คุณไม่ใช่เหรอครับ”
เดิมทีมู่น่อนน่อนต้องขมวดคิ้วเพราะคำพูดประโยคแรกของสือเย่ แต่พอเธอได้ยินประโยคหลัง บนใบหน้าของเธอจึงมีแต่ความตกใจเท่านั้น
มู่น่อนน่อนตกตะลึง “ผู้ช่วยสือ คุณไม่ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาความรักมันน่าเสียดายมากจริงๆ ค่ะ”
สือเย่กระแอมเล็กน้อยเล็กน้อย
ช่างสร้างความลำบากใจให้เขาที่เป็นผู้ช่วยจริงๆ นอกจากจะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายให้แล้วเสร็จ แล้วยังต้องช่วยเขาจัดการกับปัญหาด้านความรักอีก
ทำงานเป็นผู้ช่วยได้แบบเขา ยังจะมีใครทำได้อีก
บนใบหน้าของสือเย่แสดงอาการจนใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามมู่น่อนน่อนว่า “แล้วตอนนี้คุณนายน้อยมีเวลาไปดูชุดแต่งงานไหมครับ”
“ดูค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ “ตอนนี้เฉินถิงเซียวใจร้อนอยากจะแต่งงานกับฉัน อยากให้ฉันเข้ามาแบ่งทรัพย์สินกับเขา ทำไมจะไม่แต่งล่ะ”
……
มู่น่อนน่อนไปร้านออกแบบชุดแต่งงานพร้อมกับสือเย่
คำพูดของสือเย่ มีบทบาทในใจของเธออยู่บ้าง
เรื่องที่เฉินถิงเซียวต้องการจะทำ นั่นคือไม่ว่าจะใช้วิธีไหนเขาก็จะทำให้บรรลุเป้าหมายให้ได้
ผู้ชายคนนี้ จะพูดให้ฟังดูดีก็คงต้องบอกว่าเขาเป็นคนฉลาดมาก จะพูดให้ไม่น่าฟังคงต้องบอกว่าเขาเป็นคนที่มีแผนการเจ้าเล่ห์มากมาย
ความฉลาดแค่เล็กๆ น้อยๆ ของมู่น่อนน่อน พอมาอยู่ต่อหน้าเขามันไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เธอจึงทำตามที่สือเย่พูด แต่งงานกับเขา แล้วจัดการเขาให้อยู่หมัด
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ในรถ หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างที่มีตึกรามบ้านช่องกำลังเคลื่อนไหว และเห็นบริษัทร่วมทุนผ่านขอบตาไป
ทันใดนั้นเอง เธอก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
จู่ๆ มู่น่อนน่อนก็พูดว่า “หยุดรถก่อนค่ะ”
สือเย่มองกลับมาที่มู่น่อนน่อน “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณนายน้อย?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่น่อนน่อนนั้นกว้างมาก “ไปที่บริษัทเฉินซื่อค่ะ ฉันจะไปหาเฉินถิงเซียว”
สือเย่ไม่ได้ถามว่าเธอจะไปหาเฉินถิงเซียวทำไม ก็ขับรถตรงไปไปที่บริษัทเฉินซื่อทันที
เมื่อก่อนเธอกับเฉินมู่นั้น เคยไปหาเฉินถิงเซียวที่บริษัทเฉินซื่อมาก่อน แต่ทุกครั้งที่ไปพวกเธอจะนั่งลิฟต์ชัั้นพิเศษตรงชั้นลานจอดรถตรงขึ้นไปที่ห้องทำงานของเฉินถิงเซียวเลย
พอรถขับไปที่หน้าประตูทางเข้าบริษัทเฉินซื่อ มู่น่อนน่อนก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดตรงประตูทางเข้าบริษัทเลยค่ะ ฉันจะเข้าไปทางนั้น”
สือเย่หันไปมองมู่น่อนน่อนผ่านกระจกมองหลังด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาหยุดจอดตรงหน้าประตูทางเข้าบริษัท
มู่น่อนน่อนไม่รอให้ยามเข้ามาเปิดประตูให้ เธอเปิดประตูเดินออกไปเอง
พอสือเย่เห็นว่าเธอลงจากรถอย่างรวดเร็ว เขาจึงพูดอย่างกังวลว่า “คุณนายน้อยรอผมก่อนครับ เดี๋ยวผมไปจอดรถก่อน”
มู่น่อนน่อนไม่เคยเดินเข้าบริษัทเฉินซื่อผ่านประตูด้านหน้า เพราะแผนกต้อนรับต้องไม่ยอมให้เข้าไปง่ายๆ แน่นอน
มู่น่อนน่อนพูดเพียงแค่ว่า “คุณขึ้นไปก่อนเลยค่ะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองตึกที่ตั้งของบริษัทเฉินซื่อ แล้วก้าวเข้าไปในบริษัทด้วยรองเท้าส้นสูง
แค่เธอเดินเข้าไป ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับก็จำเธอได้ทันที
ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างไม่สามารถปกปิดได้
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าคะ”
มู่น่อนน่อนยกยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อไม่รู้จักฉัน แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าฉันมาที่นี่เพื่อพบใครบางคน?”
พนักงานต้อนรับที่พูดก่อนหน้านี้ มีสีหน้าอับอายปรากฏขึ้นมา
แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ หญิงสาวแผนกต้อนรับจึงยกยิ้มแล้วถามว่า “ขอโทษนะคะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ ฉันมาหาเฉินถิงเซียว ท่านประธานของพวกคุณ” หลังจากที่มู่น่อนน่อนพูดจบ เธอก็พูดเสริมว่า “เขายังอยู่ไหมคะ”
“อยู่ค่ะ… แต่ถ้าคุณต้องการจะพบท่านประธาน รบกวนนัดหมายล่วงหน้ามาด้วยนะคะ”
ดูท่าทางพนักงานต้อนรับสาวคงจะได้อ่านข่าวและเชื่อในข่าวที่เขียนแล้ว ดังนั้นพอมู่น่อนน่อนบอกว่าเธอมาหาเฉินถิงเซียว สายตาของพวกเธอจึงแสดงท่าทีรังเกียจออกมาทันที