ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 525 มู่น่อนน่อน ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามา
มู่น่อนน่อนพูดแล้ว ก็อุ้มเฉินมู่เดินอ้อมเฉินถิงเซียวขึ้นไปที่ชั้นบน
เฉินถิงเซียวยื่นมือออกมาได้ครึ่งทาง ตะลึงงันมองมู่น่อนน่อนขึ้นไปข้างบนแล้ว ถึงได้เก็บมือกลับมา
เขาสูดลมหายใจลึก หลุบตาลงอย่างไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่
……
มู่น่อนน่อนวางเฉินมู่ลงบนเตียง ตอนที่ช่วยเธอถอดเสื้อผ้า เฉินมู่ก็ตกใจตื่นเสียแล้ว
เธอเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย “คุณแม่”
มู่น่อนน่อนรีบกุมมือเธอเอาไว้ และหอมแก้มเธอ “แม่อยู่นี่จ้ะ”
เฉินมู่จึงหลับต่อไปด้วยความสบายใจอย่างรวดเร็ว
เธอเฝ้ามองอยู่ข้างเตียงอีกครู่หนึ่ง ถึงได้หมุนตัวออกไป
เธอเดินไปตามระเบียงทางเดิน ลงไปที่ชั้นล่าง ก็พบว่าภายในห้องโถงว่างเปล่า นอกจากคนรับใช้ไม่กี่คน ก็ไม่มีเงาร่างของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนเดินขึ้นไปยังตำแหน่งที่ตั้งห้องหนังสือของเฉินถิงเซียวที่ชั้นบน เธอเดาว่า เฉินถิงเซียวน่าจะอยู่ในห้องหนังสือ
เธอกำลังจะขึ้นไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวเดินลงมาเสียแล้ว
เขาเปลี่ยนเป็นชุดนอน กลิ่นอายคมปลาบบนร่างกายลดลงไปไม่น้อย
“มู่มู่หลับแล้ว?” เฉินถิงเซียวเดินมาถึงตรงหน้าเธอ ก้มหน้าหอมแก้มเธอครั้งหนึ่ง
มู่น่อนน่อนพยักหน้า “อืม คุณขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า?”
ในตอนนี้เองที่คนรับใช้เดินเข้ามาเอ่ยด้วยท่าทางเคารพนบนอบ “คุณชาย คุณหญิงน้อย อาหารเย็นเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
…….
เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จ มู่น่อนน่อนก็ขึ้นไปดูเฉินมู่ที่ชั้นบน
ก่อนหน้านี้เฉินมู่กินข้าวแล้ว มู่น่อนน่อนจึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าเธอจะตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะหิวข้าว เพียงแต่มาดูเพราะไม่วางใจ
คนเป็นแม่อาจจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ยิ่งมองลูกของตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารักจนแทบทนไม่ไหว
เธออยู่ในห้องของเฉินมู่นานมาก จนกระทั่งเฉินถิงเซียวมาหาเธอ “คุณตั้งใจนอนที่นี่คืนนี้?”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ยื่นนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปาก “ชู่ว เบาหน่อย”
เฉินถิงเซียวเดินเข้ามา และหันหน้าไปมองเฉินมู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นก็หันมามองมู่น่อนน่อน “คุณก็ควรจะเข้านอนได้แล้ว”
มู่น่อนน่อนมองเฉินมู่ เอ่ยเสียงเบาว่า “คืนวันนี้ฉันอยากนอนกับมู่มู่”
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แล้วผมล่ะ”
น้ำเสียงของเขาแทบจะไม่แตกต่างอะไรจากช่วงเวลาปกติ แต่มู่น่อนน่อนฟังออกถึงความรู้สึกคับแค้นใจที่ถูกทิ้งอยู่หลายส่วน
มู่น่อนน่อนมองเขา พลางเอ่ยว่า “คุณก็นอนเองสิ หรือต้องให้ฉันกล่อม?”
“อืม” เฉินถิงเซียวรับคำ กอดอกจ้องมองเธอ คล้ายกับว่ารอคำตอบจากเธอ
มู่น่อนน่อนครุ่นคิด เอ่ยหยั่งเชิงขึ้นว่า “อย่างนั้น…ก็นอนด้วยกัน?”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เธอจึงถือว่าเฉินถิงเซียวเห็นด้วยแล้ว
เธอเลิกผ้าห่มเฉินมู่ออก เอ่ยกับเฉินถิงเซียวว่า “คุณกอดเฉินมู่เถอะ เบาหน่อยนะ อย่าทำให้เธอตื่น”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “นอนด้วยกัน?”
“ใช่สิ พวกเราสามคนนอนด้วยกัน” มู่น่อนน่อนมองสีหน้าไม่เป็นมิตรเท่าไรนักของเฉินถิงเซียวแล้ว ก็เข้าใจได้ว่า ความหมายของคำว่า “นอนด้วยกัน” ที่เฉินถิงเซียวเข้าใจ กับที่เธอเข้าใจนั้นไม่ใช่ความหมายเดียวกัน
การนอนด้วยกันที่เธอพูดถึงก็คือ พวกเราสามคนนอนด้วยกัน
ส่วนการนอนด้วยกันที่เฉินถิงเซียวพูดถึงคือ เขากับมู่น่อนน่อนนอนด้วยกัน
นี่มันช่าง….
เพียงแต่ว่า สุดท้ายเฉินถิงเซียวก็ถูกบีบให้เป็นฝ่ายถอย
เขาอุ้มเฉินมู่ไปที่ห้องนอนหลัก
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป ก็เห็นเฉินถิงเซียววางเฉินมู่ที่ริมเตียงด้านหนึ่ง
เธอเดินเข้าไป ขยับเฉินมู่ไปที่ตรงกลางเตียง
“มู่น่อนน่อน!” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเจือไปด้วยโทสะเล็กน้อย
เขาโมโห? เธอต่างหากที่ต้องโมโห!
มู่น่อนน่อนเดินไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว แหงนหน้ามองเขา จิ้มนิ้วลงบนแผงอกเขา กัดฟันเอ่ยว่า “เฉินถิงเซียว มู่มู่เป็นลูกสาวแท้ๆของคุณหรือไม่ แน่นอนว่าเด็กต้องนอนตรงกลางสิ”
เฉินถิงเซียวเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “เป็นลูกแท้ๆ”
“คุณยังรู้ว่าเป็นลูกแท้ๆ!”
เอ่ยถึงหัวข้อสนทนานี้แล้ว จู่ๆมู่น่อนน่อนก็นึกถึงบทสนทนาของพวกเขาในวันที่เธอออกจากโรงพยาบาลวันนั้น ตอนที่อยู่ระหว่างทางได้พบกับเฉินถิงเซียวและเฉินมู่ “ก่อนหน้านี้คุณยังสงสัยว่าเธอไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของคุณ!”
มู่น่อนน่อนเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างไม่มีหัวไม่มีหาง เฉินถิงเซียวไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร
เฉินถิงเซียวปฏิเสธ “ผมไม่ได้สงสัย”
“วันที่ฉันเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล รถที่ฉันนั่งอยู่ข้างรถของคุณ ฉันได้ยินอย่างชัดเจนว่าคุณพูด คุณพูดว่าอารมณ์สุนทรียศาสตร์ของมู่มู่ทำให้คุณสงสัยว่าเธอเป็นลูกแท้ๆของคุณหรือไม่!”
มู่น่อนน่อนพูดคำหนึ่งก็ถมึงตาใส่เขา
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” ความทรงจำของเฉินถิงเซียวในตอนนี้ จำได้เพียงแค่เรื่องที่เขากับมู่น่อนน่อนแต่งงานกันในไม่กี่เดือนนั้น
เรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นในภายหลัง สือเย่ล้วนเคยบอกเขา เขาก็รู้หมดแล้ว
แต่ว่า รายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ สือเย่กลับไม่เคยบอกเขา
มู่น่อนน่อนก็คิดถึงจุดนี้ เดิมเธอก็ไม่ได้อยากคิดบัญชีเก่ากับเฉินถิงเซียว เพียงแต่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างกะทันหันเท่านั้นเอง
“โอเค ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว มู่มู่ต้องได้นอนตรงกลาง”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ
มู่น่อนน่อนห่มผ้าห่มให้เฉินมู่เรียบร้อยแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความ
ก่อนหน้านี้เสิ่นเหลียงส่งข้อความวีแชทมาหาเธอ เธอไม่เห็น
เสิ่นเหลียงก็ส่งข้อความเสียงมาให้เธอ
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ฉันได้ยินมาว่าพวกเธอเรียกกู้จือหยั่นไปกินข้าวด้วยกัน”
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเสิ่นเหลียงหมายถึงเรื่องอะไร
“ฉันจะเป็นอย่างไรได้ เซ็นชื่อไปแล้ว”
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เสิ่นเหลียงก็ส่งสติ๊กเกอร์หน้าตาออดอ้อนมาภาพหนึ่ง
มู่น่อนน่อนหาสติ๊กเกอร์โปรยเงินเจอแล้วก็ส่งให้เธอ
ตอนนี้เองที่เสียงของเฉินถิงเซียวดังออกมาจากห้องอาบน้ำ “มู่น่อนน่อน ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามา”
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงเขาแล้วก็ส่งข้อความตอบเสิ่นเหลียงไป “ค่อยคุยกันนะ มีธุระ”
ความรวดเร็วในการพิมพ์ของเสิ่นเหลียงนั้นเร็วมาก ตอบข้อความเธอกลับมาประโยคหนึ่ง “กลางดึกแบบนี้ ยุ่งเรื่องอะไร”
มู่น่อนน่อนส่งสติ๊กเกอร์ทุบตีไปให้เธอ และไม่สนใจเธออีก
มู่น่อนน่อนวางโทรศัพท์มือถือ ก็เห็นว่าเสื้อผ้าที่เฉินถิงเซียวหาด้วยตัวเองเรียบร้อยเมื่อครู่ไม่ได้ถูกนำเข้าไป จึงทำได้เพียงแค่หยิบเสื้อผ้าแล้วไปเคาะประตูห้องอาบน้ำ
แอ๊ด….
ประตูห้องอาบน้ำแง้มเปิดเป็นช่อง อากาศด้านในลอยออกมา มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างประตู ยื่นเสื้อผ้าเข้าไป “เสื้อผ้า”
เธอชูขึ้นไม่กี่วินาที ก็ไม่รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวจะหยิบเสื้อผ้าไป จึงหันหน้ามองไปด้านในห้องอาบน้ำด้วยความสงสัย
เพียงแต่ เธอยังไม่ทันจะมองสภาพภายในห้องอาบน้ำได้ชัดเจน ก็รู้สึกว่าข้อมือถูกคนจับเอาไว้แน่น และถูกคนลากเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ประตูห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านหลังปิดลง เธอถูกเฉินถิงเซียวกดให้แนบเข้ากับบานประตู
เฉินถิงเซียวยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าเธอ มือหนึ่งโอบเอวเธอ อีกมือหนึ่งก็ยันอยู่บนบานประตู
มู่น่อนน่อนตะลึงไปครู่หนึ่ง ต่อมาก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เฉินถิงเซียว คุณเบื่อใช่ไหม”
“ก็เป็นเพราะว่าเบื่อเกินไป ดังนั้นจึงต้องหาเรื่องที่มีความหมายมาทำสักหน่อย” เฉินถิงเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
มู่น่อนน่อนฟังออกถึงความนัยที่อยู่ในคำพูดเขา สีหน้าแดงระเรื่อ “ทั้งวันในสมองของคุณล้วนคิดอะไรบ้าง!”
เฉินถิงเซียวตอบอย่างคล้อยตามว่า “คิดถึงคุณ”
หลังจากนั้นก็หลุบตาลง จุมพิตเธอ
เขาเคลื่อนไปตามลำคอขาวเนียนราวกับหิมะ จุมพิตที่ไหปลาร้า มือที่โอบเอวของเธอเอาไว้ดันขึ้น เพื่อให้สายตาของเธออยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเอง……