ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 546 ไม่ได้ช่วยคุณ
สำหรับคำพูดของมู่น่อนน่อนแล้ว เฉินถิงเซียวไม่ได้พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ส่ายหัว
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดสักพักจึงพูดขึ้นว่า “ดังนั้น ตอนนี้ถ้าพวกเราสืบได้ว่าลี่จิ่วชังอยู่ที่ไหน ก็หาตัวลี่จิ่วเชียนเจอแล้วนะซิ”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร แต่ยกข้อมือขึ้นดูเวลา แล้วลุกยืน “ฉันกลับบริษัทก่อน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ”
มู่น่อนน่อนกำลังจะพยักหน้า แต่คิดอะไรได้ จึงพูดว่า “รอแปบค่ะ”
หลังจากนั้น เธอก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมา แล้วฟอร์เวิร์ดเมล์ในมือถือของเฉินถิงเซียวส่งให้เธอ แล้วส่งมือถือคืนให้เฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวรับมือถือมา ถือเสื้อคลุมเดินออกไป
มู่น่อนน่อนหยิบมือถือแล้วเดินขึ้นบ้านไป หยิบคอมพิวเตอร์ของตัวเองไปที่ห้องหนังสือของเฉินถิงเซียว
อีเมลฉบับเมื่อกี้เธอยังอ่านไม่จบ อ่านได้แค่ครึ่งเดียว
ข้อมูลที่เหลือก็คือประสบการณ์ส่วนตัวของลี่จิ่วชังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยไหน ทำงานที่ไหน
สิ่งที่ทำให้มู่น่อนน่อนประหลาดใจก็คือ อาชีพของลี่จิ่วชังคือพ่อครัวในโรงแรมห้าดาว
อาชีพของเขากับลี่จิ่วเชียนช่างแตกต่างกันมาก
ไม่ว่าลี่จิ่วชังจะทำอะไรก็ตาม แต่เขาบังคับพาตัวลี่จิ่วเชียนไป ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ๆ
บางทีพี่น้องสองคนนี้อาจจะแค่ขัดแย้งกันบางอย่าง อาจจะแค่ปิดประตูแล้วตีกันทะเลาะกันบ้าง แต่มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า เพื่อความปลอดภัย ยังไงก็ต้องได้เห็นว่าลี่จิ่วเชียนไม่เป็นอะไร เธอถึงจะสบายใจ
มู่น่อนน่อนวางมือถือไว้ข้างๆ แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ เสิร์ชหาโรงแรมห้าดาวที่ลี่จิ่วชังทำงานอยู่
เธอหยิบปากกาขึ้นมา จดที่อยู่ลงบนสมุดบันทึก
มู่น่อนน่อนยังเช็คเที่ยวบินที่ใกล้ที่สุดอีกด้วย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในภวังค์
ตอนที่ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวคิดอะไรในใจ มู่น่อนน่อนยังโทษเฉินถิงเซียวโดยไร้เหตุผล แต่ตอนนี้ เธอจะไปโทษเขาลงได้อย่างไร
เฉินถิงเซียวยอมที่จะช่วยเธอสืบเรื่องของลี่จิ่วชัง แต่ถ้าพูดกันจริงๆแล้ว เรื่องนี้ควรจะเป็นเรื่องของเธอ
สายตาของมู่น่อนน่อนกลับมาโฟกัสที่หน้าจอ มือที่จับเมาส์เคลื่อนไหว จองตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งบินข้ามมหาสมุทรพรุ่งนี้เช้า
เวลาไม่คอยท่า ยิ่งไวก็ยิ่งดี
เธอจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ ก็หยิบมือถือโทรหาฉินสุ่ยซาน “พรุ่งนี้ฉันจะไปต่างประเทศนะ อยากจะรบกวนให้เธอช่วยฉันหาคนทำ วีซ่าให้หน่อย”
ทันทีที่ฉินสุ่ยซานได้ยินคำพูดของเธอ ทำให้เธอต้องจัดการกับภาวะหงุดหงิด “เหล่าโกว คุณประเมินฉันสูงเกินไปหรือเปล่า? คิดว่าฉันเป็นโดเรมอนที่ทำได้ทุกอย่างเหรอ……”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ขัดฉินสุ่ยซาน รอให้เธอพูดจบ แล้วเธอจึงค่อยๆถามฉินสุ่ยซานว่า “จะช่วยไม่ช่วย?”
“คุณนี่มันจริงๆ…..” ฉินสุ่ยซานไม่รู้จะทำยังไงกับเธอ “ช่วย! จะไม่ช่วยได้ไงล่ะ!”
“ขอบคุณนะ” มู่น่อนน่อนรู้ว่าฉินสุ่ยซานเป็นคนกว้างขวาง เรื่องแบบนี้ต้องมาหาเธอถูกแล้ว
เวลานี้ ฉินสุ่ยซานถึงได้รู้สึกตัวแล้วคิดได้ว่า “คุณจะไปต่างประเทศทำไม? บทละคร เมืองพัง2 เพิ่งเขียนได้ไม่เท่าไรเอง? คุณให้ฉัน…..”
เสียงตอบกลับเธอ คือ เสียงวางสายของโทรศัพท์
ฉินสุ่ยซาน “……”
……
เย็นวันนั้น เมื่อเฉินถิงเซียวกลับมา มู่น่อนน่อนก็ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว
อาหารกว่าครึ่งเป็นอาหารที่เฉินถิงเซียวชอบกิน
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ยิ้มพิมพ์ใจมองเขา
เฉินถิงเซียวขยับเน็กไทให้หลวม ส่งเสื้อคลุมในมือให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ นั่งลงข้างหน้ามู่น่อนน่อน ถามเธอว่า “นี่คุณทำอะไร?”
มู่น่อนน่อนยิ้ม “ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่คุณช่วยฉันสืบเรื่องลี่จิ่วชัง”
“ไม่ได้ช่วยคุณ” เฉินถิงเซียวพูดหน้านิ่ง
มู่น่อนน่อนยักคิ้ว
เฉินถิงเซียวก้มหน้าลง หลังจากหยิบตะเกียบก็พูดเสริมขึ้นว่า “เรื่องของคุณ ก็เหมือนเรื่องของผมไม่ใช่เหรอ?”
มู่น่อนน่อนตกใจไปชั่วครู่ หยิบถ้วยที่วางไว้ด้านหน้าของเขาตักซุปให้ครึ่งถ้วย แล้ววางไว้ด้านหน้าของเขา ไม่พูดอะไร ได้แต่มองเขาด้วยรอยยิ้ม
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงมองเธอ จู่ๆก็พูดขึ้นว่า “ทำดีหวังผล”
“ฉันบอกแล้วไงว่าอยากจะขอบคุณคุณ หวังผลตรงไหนกัน” มู่น่อนน่อนจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วก็ละสายตา
จริงๆแล้วเธอรู้สึกใจเต้น
เธอรู้สึกค่อนข้างเป็นกังวลว่าเฉินถิงเสียวจะดูออกว่าเธอคิดจะไปหาลี่จิ่วชังคนเดียวที่ต่างประเทศ
ดีที่เฉินถิงเซียวไม่ได้ถามซอกแซกอะไรอีก ได้แต่ก้มหน้ากินข้าว
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเฉินถิงเซียวตื่นนอน มู่น่อนน่อนก็ตื่นขึ้นพร้อมเขา
ตอนที่เฉินถิงเซียวกำลังผูกเน็กไท เธอเดินเข้าไป ดึงเน็กไทของเขาช่วยเขาผูกจนเสร็จ
หลังจากนั้น เธอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นเฉินถิงเซียวจ้องเธอด้วยสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาซ่อนเร้น
ทั้งสองประสานตากันเพียงไม่กี่วินาที มู่น่อนน่อนก็ถามเขาก่อนว่า “มีอะไรเหรอ?”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร พยุงศีรษะเธอไว้ด้วยมือเดียว แล้วจูบเธอ
มู่น่อนน่อนนิ่งงันไปชั่วครู่ แต่ร่างกายก็อ่อนระทวยลงอย่างรวดเร็ว ยอมให้เฉินถิงเซียวจูบเธอโดยดีโดยไม่ขัดขืนใดๆ
หลังจากจูบที่ยาวนานเฉินถิงเซียวลูบไล้ใบหน้าของเธอ “วันนี้จะออกไปไหนไหม?”
“น่าจะนะ” มู่น่อนน่อนพยักหน้า
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวอ่อนโยนอย่างผิดวิสัย “จะไปด้วยกันไหม? ผมไปส่งคุณก่อนได้นะ”
ดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขา ทำให้มู่น่อนน่อนมีความรู้สึกว่าตัวเองถูกเขามองออกทะลุปรุโปร่ง
มู่น่อนน่อนหันหน้าหนี หลบสายตาเขา เอื้อมมือทัดผมยาวสลวยข้างใบหู “ไม่ต้องหรอก คุณไปก่อนเถอะ ฉันยังต้องรอเฉินมู่ตื่นก่อนถึงจะไปได้”
นับวันอากาศก็ยิ่งหนาวขึ้นทุกวัน เฉินมู่เริ่มที่จะขี้เกียจลุกจากที่นอน ตอนเช้าขณะที่เฉินถิงเซียวไปแล้ว เธอก็ยังไม่ตื่น
เฉินถิงเซียวได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แล้วแต่คุณนะ”
แล้วก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก
ส่งเฉินถิงเซียวไปทำงานแล้ว มู่น่อนน่อนก็ไปดูเฉินมู่
เฉินมู่ตื่นแล้ว กำลังงัวเงียๆให้คนรับใช้ช่วยใส่เสื้อผ้า
“มู่มู่?”
เมื่อเธอเห็นมู่น่อนน่อน ก็หรี่ตายิ้ม “คุณแม่”
“ตื่นแล้วเหรอ” มู่น่อนน่อนนั่งลงที่ข้างเตียง “แม่มีเรื่องนิดหน่อยจะต้องไปในสถานที่ไกลมาก ต้องไปสักพักถึงจะกลับมา หนูอยู่บ้านจะต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะ”
เฉินมู่ถามเธอว่า “ต้องนั่งเครื่องบินเหรอค่ะ?” เธอเคยดูการ์ตูน รู้ว่าจะต้องนั่งเครื่องบินไปในสถานที่ที่ไกลมาก
“ใช่แล้วลูก แม้แต่เรื่องนี้มู่มู่ก็ยังรู้ ฉลาดจริงๆเลยลูก” มู่น่อนน่อนลูบหัวเธอเบาๆ
มู่น่อนน่อนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย “หนูก็อยากนั่งเครื่องบิน”
“ครั้งหน้ามีโอกาสแม่จะพาหนูไปด้วย”
“ไม่เอา……”
“แม่ไม่โกหกหนูหรอก ถ้ามีโอกาสแม่จะพาหนูนั่งเครื่องบินจริงๆ”
แม้ว่าเฉินมู่จะไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยังบุ้ยปากและพยักหน้าไปด้วย พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ก็ได้ค่ะ”
……
มู่น่อนน่อนปลอบโยนเฉินมู่แล้ว ก็ขับรถออกไปจากคฤหาสน์
ก่อนที่เธอจะมาพักที่นี่กับเฉินถิงเซียวเธอไม่ได้ลากกระเป๋าเดินทางอะไรมาเลย ตอนนี้เธอต้องกลับไปที่ห้องเก่าเพื่อเอากระเป๋าเดินทาง
นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวในตอนนั้น จะมอบความสะดวกให้เธอในตอนนี้
ถ้าหากเธอลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากที่บ้านของเฉินถิงเซียว บอดี้การ์ดในคฤหาสน์นี้จะต้องบอกเฉินถิงเซียวแน่ๆ ไม่แน่ว่าเธอยังไม่ทันถึงสนามบิน ก็อาจจะถูกเฉินถิงเซียวจับตัวกลับไปก็เป็นได้
เมื่อถึงห้องพักเก่าที่เช่าไว้ มู่น่อนน่อนก็รีบเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วรีบขับรถไปสนามบิน