ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 555 ให้คุณรับรู้ข้อเท็จจริง
มู่น่อนน่อนมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า ถึงคืนพรุ่งนี้ก่อนฟ้าจะมืด ก็ไม่ถึง24ชั่วโมงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงจากที่เธอไปสนามบินว่าไกลขนาดไหน แค่อยู่บนเครื่องบินก็ต้องใช้เวลากว่าสิบชั่วโมงแล้ว
แม้ว่าเธอจะไปสนามบินในตอนนี้ เธอก็อาจไม่สามารถซื้อตั๋วและออกเดินทางได้ในทันที
เฉินถิงเซียวนี่เป็นเรื่องบังคับให้คนลำบากใจชัดๆ
มู่น่อนน่อนพูดอย่างไม่พอใจ “คุณคิดว่าบนตัวฉันมีปีก สามารถบินกลับด้วยตัวเองได้หรือไง?”
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้พูด ท่าทีของเขาชัดเจนมากแล้ว เขาไม่สนใจว่ามู่น่อนน่อนจะมีปีกหรือจะกลับไปอย่างไร เขาเพียงแค่ต้องการให้เธอกลับ
ผู้ชายอย่างเขา ก็ไร้เหตุผลแบบนี้แหละ!
มู่น่อนน่อนพูดอีกสองสามคำ โดยไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวฟังเข้าหูหรือเปล่า ท้ายสุด เขาพูดเพียงประโยคเดียว “ผมมารับคุณ”
มู่น่อนน่อนหลังจากฟังคำพูดของเฉินถิงเซียวแล้ว ยังไม่ทันตั้งสติ
ในเวลานี้เฉินถิงเซียวพูดขึ้นว่า “ผมจะกินข้าวละ”
นี่เขาหมายถึงให้มู่น่อนน่อนวางสายเหรอ
ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะวางสาย ได้บอกกับเขาประโยคหนึ่งว่า “ฉันจัดการเองได้ คุณไม่ต้องมา”
หลังจากที่เธอวางสาย เธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เธอมัวแต่พูดเรื่องไร้สาระมากมายกับเฉินถิงเซียวแต่เธอไม่ได้พูดเรื่องสำคัญสักคำ
มู่น่อนน่อนวางโทรศัพท์ลงด้วยความรำคาญ สายตาจ้องมองไปที่กระเป๋าเดินทางด้านข้าง
เธอจ้องไปที่กระเป๋าเดินทางสักพัก แล้วจึงเริ่มจัดของของตัวเอง
เธอมาพักที่ลี่จิ่วชังนี่แค่วันเดียว ก็ไม่มีของอะไรต้องจัดมากนัก ดังนั้นใช้เวลาไม่นานเธอก็จัดกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อย
ถ้าหากเธอจากไปแบบนี้ลี่จิ่วชังจะปล่อยเธอไปจริงหรือ?
ถ้ามันเป็นไปตามที่ลี่จิ่วเชียนพูด เธอจะไปลี่จิ่วชังก็จะไม่ขวาง เธอก็เชื่อคำพูดของลี่จิ่วเชียน เชื่อว่าที่เขาบอกว่าไม่มีอะไร
หลังจากตัดสินใจแน่วแน่ มู่น่อนน่อนก็ลากกระเป๋าเดินทางออกไป
ทันทีที่เธอออกไปก็ได้พบกับอาลั่ว
อาลั่วถือถาดไว้ในมือ ในถาดมีถ้วยกาแฟวางอยู่
เธอเห็นมู่น่อนน่อนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณมู่”
มู่น่อนน่อนเดาว่าเธอกำลังส่งกาแฟให้ลี่จิ่วชังและถามว่า “ลี่จิ่วชังอยู่ที่ไหน?”
“เขาอยู่ในห้องหนังสือ…” อาลั่วมองดูกระเป๋าเดินทางที่อยู่ด้านหลังมู่น่อนน่อนและถามด้วยความสงสัย “คุณมู่นี่คุณ… กำลังจะไปเหรอคะ? ”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตอบคำถามของอาลั่ว แต่ถามไปตรงๆว่า “ห้องหนังสืออยู่ฝั่งไหน ฉันมีธุระจะหาเขา”
อาลั่วเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่มีท่าทีที่จะตอบ ก็ถือถาดเดินมาที่ด้านหน้า “คุณตามฉันมา”
อาลั่วพามู่น่อนน่อนไปที่ประตูห้องในส่วนลึกที่สุดของระเบียง เธอเคาะประตูก่อน จากนั้นจึงเปิดประตูและเดินเข้าไป
มู่น่อนน่อนเดินตามหลังอาลั่ว เพียงแค่ชำเลืองก็มองเห็นลี่จิ่วชังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
ด้านหลังของลี่จิ่วชังเป็นชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ ที่มีหนังสือปกแข็งภาษาอังกฤษดั้งเดิมจำนวนมาก ยังมีเครื่องประดับบางส่วน นอกจากนั้นยังมีโมเดลนิดหน่อย
ที่นี่ไม่เหมือนห้องหนังสือของเชฟเลย?
ยิ่งกว่านั้นมู่น่อนน่อนเหลือบไป ก็เห็นหนังสือเกี่ยวกับแพทยศาสตร์ ไม่มีเล่มไหนเกี่ยวกับทำอาหารเลย
ดังนั้นลี่จิ่วชังอาชีพเชฟในโรงแรมก็จะเป็นแค่ในนาม จริงๆแล้วเขาทำอะไร เกรงว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ชัดเจน
อาลั่วเดินตรงไป และวางกาแฟไว้ตรงหน้าลี่จิ่วชัง”คุณคะ กาแฟของคุณค่ะ”
ลี่จิ่วชังเห็นมู่น่อนน่อน
อาลั่ววางกาแฟลงแล้วออกไปอย่างรู้หน้าที่และถือโอกาสปิดประตูด้วย
“หาผมมีธุระอะไร? “ลี่จิ่วชังถามเธอ
มู่น่อนน่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันต้องการออกไปจากที่นี่ และกลับไปที่เมืองหู้หยาง”
ลี่จิ่วชังได้ยินเช่นนี้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะออกมา “อยู่แค่วันเดียว ก็ร้อนใจจะจากไป คิดไม่ถึงว่าลี่จิ่วเชียนก็มองผิดพลาดได้เหมือนกัน ดูเหมือนคุณก็ไม่ได้เป็นห่วงเขาสักเท่าไหร่ ผู้หญิงเนรคุณ”
คำพูดของเขาฟังดูแล้วโหดร้ายไปหน่อย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ฟังดูรู้สึกจงใจเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงและพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องไร้สาระพวกนี้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แล้วนะ”
ลี่จิ่วชังเปิดลิ้นชักด้านข้าง หยิบกุญแจรถออกมาแล้วโยนให้เธอ “ไม่ส่งนะ”
มู่น่อนน่อนจำป้ายบนกุญแจรถได้ ก็คือเป็นกุญแจรถของลี่จิ่วชังเมื่อวานที่เขาขับมา
การกระทำของเขา กระตุ้นความสงสัยของมู่น่อนน่อน
เธอไม่คิดว่าลี่จิ่วชังจะปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้
มู่น่อนน่อนเอื้อมมือไปหยิบกุญแจรถไว้ในมือ คำพูดที่มาถึงปากเธอเลยพูดแบบนี้ออกมาว่า “ให้ฉันไปง่ายๆแบบนี้เหรอ งั้นทำไมตอนแรกคุณถึงพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ฉันมาที่ประเทศZล่ะ?”
ลี่จิ่วชังเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างด้วยสายตาที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ในใจของมู่น่อนน่อนรู้ชัดเจน เธอเอนตัวไปข้างหน้าบนโต๊ะด้วยมือข้างหนึ่ง และจ้องไปที่ลี่จิ่วชัง และพูดอย่างเบาๆ “ถูกฉันทายถูกละสิ?”
ดวงตาของลี่จิ่วชังเย็นชาลง “เดิมทีคุณสามารถไปได้ แต่ตอนนี้ คุณไปไม่ได้แล้ว”
“ในเมื่อคุณจงใจล่อฉันมาที่ประเทศZ คุณควรรู้ว่าเฉินถิงเซียวเป็นใคร ในเมื่อคุณรู้เรื่องลี่จิ่วเชียนช่วยฉัน คุณก็ควรรู้ว่าฉันกับเฉินถิงเซียวมีความสัมพันธ์อะไร การที่ฉันจะจากไปได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาตัดสินใจ”
มู่น่อนน่อนมีใบหน้าบึ้งตึง สีหน้าเย็นชาเมื่อเผชิญหน้ากับลี่จิ่วชังไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย
ขณะนี้ ข้างนอกมีคนมาเคาะประตู
มันเป็นเสียงของอาลั่วที่ดังขึ้น
“คุณชายคะ มีแขกมาค่ะ”
ลี่จิ่วชังได้ยินเช่นนี้ ถึงเอนไปข้างหลัง
“นี่คุณกำลังข่มขู่ผมเหรอ? ”
“ไม่ได้ข่มขู่ แค่ให้คุณรับรู้ถึงข้อเท็จจริง” มู่น่อนน่อนยกริมฝีปากของเธอ และมองเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่า น้ำเสียงที่เย่อหยิ่งของเธอเหมือนกับเฉินถิงเซียวไม่มีผิด
ลี่จิ่วชังสูดหายใจเข้าลึกๆ และโบกมือ “เอาล่ะ ผมเข้าใจข้อเท็จจริงแล้ว คุณไปเถอะ”
ประนีประนอมอย่างง่ายดาย?
นี่ไม่ใช่สไตล์ของลี่จิ่วชัง
แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะสงสัยในใจ แต่เธอก็ยังคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกไป
ไปก็ไปสิ เธอก็อยากดูว่า คนแซ่ลี่นี้จะมาไม้ไหน
เธอมาหาลี่จิ่วชังที่นี่ คิดไปคิดมาก็แค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเอง แม้ว่าในระหว่างยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่เธอกลับยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกๆ
บางที การออกไปจากที่นี่ก่อนอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แม้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ตลอด เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถูกกักขังในบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ ทางที่ดีควรออกจากที่นี่ก่อนจะดีกว่าแล้วค่อยหาทางตรวจสอบสิ่งเหล่านี้จากช่องทางอื่น
ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งของเธอก้าวออกไป ก็ได้ยินเสียงเก้าอี้บนพื้นข้างหลังเธอขยับ
ลี่จิ่วชังตามมา เธอนึกขึ้นได้เมื่อกี้อาลั่วบอกว่ามีแขกมา ถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลี่จิ่วชังจะลงไปพบแขก ไม่ใช่เปลี่ยนใจกะทันหัน
ในบ้านพักตากอากาศไม่มีลิฟต์ มู่น่อนน่อนเลยต้องถือกระเป๋าเดินทางลงด้วยตัวเองเท่านั้น
เพียงแต่ว่า เมื่อตอนเดินไปถึงชั้นบันได ก็มีคนนำหน้าเธอหนึ่งก้าว และถือกระเป๋าเดินทางไว้ในมือ
เมื่อเธอหันศีรษะมา ก็เห็นลี่จิ่วชัง
เขาไม่ได้พูดอะไรกับมู่น่อนน่อนมาก แล้วเดินลงไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเธอ