ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 566 เธออย่าเข้ามายุ่งเลย
มู่น่อนน่อนลงรถแล้วกลับเข้าไปในคฤหาสน์อีกที
เธอเดินเข้าไปในคฤหาสน์แล้วมองออกไปที่ประตูใหญ่ด้วย
เดินไปจนไม่เห็นเฉินถิงเซียวที่นอกคฤหาสน์แล้ว เธอก็นั่งลงบนพื้น แล้วรีบเดินไปที่ห้องใต้ดินอย่างรวดเร็ว
พอเธอเดินเข้าไปแล้วก็รีบปิดประตูลง แล้วเดินลงไปเรื่อยๆตามทาง
ไฟในห้องใต้ดินสว่างมาก แถมมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้วย
ตอนที่บอดี้การ์ดเห็นมู่น่อนน่อนมา พวกเขาก็เรียกเธออย่างสงสัย: “คุณหญิงน้อย?”
หลายวันมานี้ พวกเขาเห็นมู่น่อนน่อนลงมาหามู่หวั่นขีครั้งแรก
มู่น่อนน่อนหยุดเดินแล้วมองเข้าไปด้านใน เธอเห็นรูปร่างคนรางๆ เงยหน้าแล้วถามบอดี้การ์ดว่า: “เธอยังไม่ยอมพูดอีกเหรอ?”
เธอไม่รู้ว่าหรอกว่าเฉินถิงเซียวถามมู่หวั่นขีอะไรบ้าง แต่คำถามนี้ ทำให้บอดี้การ์ดเชื่อว่าเธอรู้ทุกเรื่องที่เฉินถิงเซียวรู้
เฉินถิงเซียวตามใจมู่น่อนน่อนแค่ไหน บอดี้การ์ดพวกนี้รู้ดี ได้ยินมู่น่อนน่อนถามแบบนี้ พวกเขาก็คิดว่าเฉินถิงเซียวบอกทุกเรื่องกับเธอแล้ว
บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นก็ตอบว่า: “เธอยังไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ ปากแข็งมาก”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ถามอะไรอีก กลัวว่าจะถูกจับได้เสียก่อน
“ฉันเข้าไปดูเธอก่อนนะ”
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป ก็เห็นมู่หวั่นขีนั่งบนเก้าอี้แล้วถูกล่ามโซ่ไว้บนเท้า
มู่หวั่นขีถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินนี้มานานถึงหนึ่งอาทิตย์กว่า สีหน้าของเธอซีดเซียวแล้วโทรมหนักมาก เสื้อผ้าบนตัวแม้จะสกปรก แต่เหมือนจะไม่เคยถูกทรมานอะไรเลย
มู่หวั่นขีได้ยินเสียงเท้าเดิน เธอก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างขี้เกียจ พอเห็นว่าเป็นมู่น่อนน่อนเข้ามา แววตาของเธอก็ประกายไปด้วยความโหดเหี้ยม: “เธอเองเหรอ?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกใจ เฉินถิงเซียวมีเมตตากับมู่หวั่นขีงั้นเหรอ?
เธอคิดว่าเฉินถิงเซียวจะทรมานมู่หวั่นขีซะอีก
เขากลับไม่ได้ทำอะไรมู่หวั่นขีเลย
“ทำไม? เห็นฉันยังยืนอยู่นี่โดยไม่เป็นอะไรเลย รู้สึกแปลกใจมากเลยล่ะสิ?” มู่หวั่นขีสังเกตดูสีหน้าเธออย่างละเอียด และแววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่ไม่นาน แววตาสงสัยของมู่หวั่นขีก็เปลี่ยนเป็นเข้าใจทันที
“เธอยังไม่รู้หรอกเหรอ?” มู่หวั่นขีแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ้มจนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปหมด
มู่น่อนน่อนกระตุกยิ้มเย็นชา: “ฉันควรรู้อะไร?”
“ฮ่าๆ!” มู่หวั่นขีแหงนหน้าหัวเราะ จนน้ำตาเล็ดออกมา ถึงพูดต่อว่า: “มู่น่อนน่อน โลกนี้มีแม่อย่างเธอได้ยังไงกัน ลูกสาวถูกลักพาตัวไปแล้ว เธอยังไม่รู้สึกอะไรอีก น่าอดสูจริงๆ!”
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงเธอสั่นเทาเล็กน้อย: “เธอว่ายังไงนะ?”
“เธอไม่รู้หรอกเหรอเนี้ย?” มู่หวั่นขีส่ายหน้าแล้วทำท่าถอนหายใจ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า: “เฉินถิงเซียวเขารักเธอมากไม่ใช่เหรอ? แต่กลับไม่บอกเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไปกับเธอ ฮะ……ฮ่าๆๆ”
ก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนก็เคยคิด คนทางฝั่งนั้นของมู่หวั่นขีอาจจะลงมือกับเฉินมู่
แต่ว่า เฉินถิงเซียวยังปลอดภัยดีที่บ้าน และช่วงนี้เธอยังได้โทรศัพท์วิดีโอคอลกับเฉินมู่ด้วย นั่นหมายความว่าเฉินมู่ยังสบายดีอยู่ที่บ้าน
“มู่หวั่นขี เมื่อวานฉันยังคุยโทรศัพท์กับมู่มู่อยู่เลย ตอนนี้เธอกลับมาบอกฉันว่าลูกสาวันถูกลักพาตัวไปงั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนมองดูเธอด้วยสีหน้าดูถูก
มู่หวั่นขีได้ยินแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม: “ถ้าลูกสาวเธอยังอยู่บ้านจริงๆ ทำไมพวกเขาถูกยังไม่พาเธอกลับประเทศอีกล่ะ?”
คำพูดนี้ ทำเอามู่น่อนน่อนไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว
ในใจเธอก็แอบเดาไว้แล้วบ้าง จึงมีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้
เฉินมู่ถูกคนลักพาตัวไป ดังนั้นเฉินถิงเซียวจึงไม่พาเธอกลับประเทศ กลัวจะเห็นว่าเฉินมู่ไม่อยู่บ้าน และช่วงนี้สือเย่ก็อาจจะออกตามหาเฉินมู่ทุกวันก็ได้
เรื่องทุกอย่างกระจ่างแล้ว
มู่น่อนน่อนรู้สึกถึงความเยือกเย็น ไม่นานก็ทะลุเข้าร่างกายเธอทั้งหมด
เธอถอยหลังไปสองก้าว พอได้สติก็รีบกลับหลังหันไปหาเฉินถิงเซียวทันที
แต่ว่า ตอนที่เธอกลับหลังหัน ก็เห็นเฉินถิงเซียวอยู่ในห้องใต้ดินแล้ว
เขายืนอยู่หน้าทางเข้าห้องใต้ดินด้วยสีหน้ามืดมน ทั้งสองสบตากัน
มู่น่อนน่อนมองดูเขา เธอไม่กล้าถามเขาเลยว่าที่มู่หวั่นขีพูดมาคือเรื่องจริงไหม
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินเข้ามา
พอเขาเดินเข้ามาใกล้ มู่น่อนน่อนก็ถึงเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเขา
เฉินถิงเซียวเดินผ่านเธอไป เดินไปตรงหน้ามู่หวั่นขีด้วยความเย็นเยือก และเตะเก้าอี้ที่เธอนั่งออกไปใกล้
มู่หวั่นขีแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ไม่ได้ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ด้วย พอเก้าอี้ตัวนั้นถูกเฉินถิงเซียวเตะกระเด็นไปชนกำแพงจนแตกละเอียด มู่หวั่นขีก็ตกลงพื้นไปด้วย
“โอ๊ย——”
สายตาของเฉินถิงเซียวเยือกเย็นจนเหมือนยมทูตที่มาเอาชีวิต มู่หวั่นขีตกใจจนกรีดร้องออกมา เธอตัวสั่นเทาแล้วขดตัวอยู่กับที่
แต่ว่า เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้ทำอะไรเธอเลย
เพราะเรื่องของแม่ เขาแทบจะไม่เคยทำร้ายผู้หญิงเลย แม้จะเป็นคนที่โหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์อย่างมู่หวั่นขี
ตอนนั้นมู่หวั่นขีเกือบขับรถชนมู่น่อนน่อนตาย เขาโกรธมากแต่ก็แค่สั่งให้บอดี้การ์ดกรีดเนื้อเธอออกมา อยากจะทรมานเธอจนตายแต่ก็ไม่อยากลงมือเอง
ตอนนี้ก็เหมือนกัน
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างๆ มองการกระทำของเฉินถิงเซียวด้วยแววตาที่เย็นชา
มีหลายเรื่องมากที่ไม่ต้องพูดก็รู้แล้ว เธอเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เฉินถิงเซียวหลอกเธอมาแต่แรก เฉินมู่ถูกลักพาตัวไป และถูกจับไปหลายวันแล้วด้วย
และเฉินถิงเซียวก็พยายามปกปิดเธอไว้ ไม่ให้เธอรับรู้เรื่องนี้
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก เดินไปตรงหน้ามู่หวั่นขี ยื่นมือไปบีบคางมู่หวั่นขีไว้แน่น แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ฉันจะถามเธอนะ ใครจับลูกสาวฉันไป?”
เฉินถิงเซียวยังอยู่ที่นี่ มู่หวั่นขีกลัวเขามา แม้เธอจะเกลียดมู่น่อนน่อนมากแค่ไหน แต่เธอก็จำใจต้องตอบคำถาม: “ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้งั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนขยับมือลงไปบีบคอเธอไว้แทน แล้วบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกมู่หวั่นขียังไม่รู้สึกอะไร แต่ว่ามู่น่อนน่อนบีบแน่นมากขึ้น จนเธอหายใจไม่ออก ก็ถึงรู้ว่า มู่น่อนน่อนคิดจะฆ่าเธอจริงๆ
“ปะ……ปล่อยฉัน……ฉะ……ฉันไม่รู้จริงๆ……” มู่หวั่นขีหายใจไม่ออกจนหน้าซีดไปหมด: “ขะ……เขา……จะมา……หาเธอเอง……”
มู่น่อนน่อนยังคงไม่ปล่อยมือออก แล้วถามต่อว่า: “มาหาฉันเองเหรอ?”
ตอนนี้เอง ด้านหลังเธอก็มีมือมาจับแขนเธอไว้ แล้วดึงเธอขึ้นมา
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับไปก็เห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของเฉินถิงเซียว เขาเม้มปากแน่น แววตาประกายไปด้วยความโกรธ
“เฉิน……” มู่น่อนน่อนยังไม่ทันได้เรียกชื่อเขา ก็ถูกเขาลากออกไปจากห้องใต้ดินเสียก่อน
เฉินถิงเซียวดึงเธอแรงมาก จนข้อมือของมู่น่อนน่อนระบมไปหมด
พอออกจากห้องใต้ดิน เฉินถิงเซียวก็สะบัดมือเธอออก แล้วมองเธอด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก: “เธออย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลย!”
“ทำไมฉันจะเข้าไปยุ่งไม่ได้! พวกนั้นจับมู่มู่ไปนะ!” มู่น่อนน่อนโกรธจนขอบตาแดงไปหมด แต่เธอก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา