ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 594 วางยาพิษในกาแฟ
ในขณะที่มู่น่อนน่อนเหม่อลอยอยู่ เฉินมู่นึกว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ จึงได้ทวนซ้ำอย่างไม่หยุดว่า:“แม่ หนูเห็นคุณพ่อ คือคุณพ่อค่ะ!”
“ใช่ค่ะ แม่รู้แล้วว่าเป็นคุณพ่อ”มู่น่อนน่อนวางเธอลง:“หนูลงมาก่อน แม่เมื่อยมือแล้ว”
เธอพบว่าเฉินถิงเซียวพูดไม่ผิด ช่วงนี้เฉินมู่หนักขึ้น เธออุ้มแป๊บเดียวก็เมื่อยมือแล้ว
มู่น่อนน่อนวางเฉินมู่ลงบนพื้น เฉินมู่ก็ดึงมือเธอไว้จะเดินไปที่หน้าวิลล่า ในปากยังคอยเรียกตลอดว่า:“คุณพ่อ คุณพ่อ……”
มู่น่อนน่อนจูงมือเฉินมู่เดินไป
เมื่อครู่ทั้งสองยืนอยู่บนแปลงดอกไม้ มีความได้เปรียบตรงตำแหน่งที่ยืน จึงง่ายต่อการมองเห็นเฉินถิงเซียว แต่ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่บนพื้น ด้านหน้าคือผู้ชายที่ตัวสูงใหญ่ฝูงนึง พวกเธอสองคนแทบจะมองไม่เห็นเฉินถิงเซียวเลย
เฉินมู่ดึงมือมู่น่อนน่อนไว้ จะเบียดจากฝูงชนไปหาเฉินถิงเซียว แต่มู่น่อนน่อนได้ดึงเฉินมู่กลับมา และนั่งลงมาพูดกับเฉินมู่อย่างเบาเสียงว่า:“มู่มู่ ไม่ต้องเบียดแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อก็เข้ามาเอง เรารอในบ้านนะ”
เฉินถิงเซียวสามารถหามาถึงที่ ย่อมสามารถเข้ามาในบ้านอยู่แล้ว พวกเธอเบียดไปเบียดมาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์
เฉินมู่เบะปากไว้ ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังได้พูดอย่างเชื่อฟัง:“โอเคค่ะ”
มู่น่อนน่อนได้พาเธอเดินย้อนกลับไป เดินไปไม่กี่ก้าว เธอได้หันมาดูอีกแว๊บนึงถึงเข้าห้องนอนไป
ทั้งสองเข้าไปในห้องนอนได้ไม่นาน เฉินถิงเซียวก็ได้เข้ามาพร้อมกับลี่จิ่วเชียนแล้ว
เฉินถิงเซียวเข้าห้องปุ๊บ ก็เห็นมู่น่อนน่อนกับเฉินมู่เลย
แววตาที่เดิมทีไร้อารมณ์ของเขา ได้มีรอยยิ้มอ่อนๆแว๊บผ่าน
มู่น่อนน่อนอ่านความหมายของแววตาเขาออก เหมือนกำลังพูดว่า:“ผมบอกแล้วว่าจะมาหาคุณกับลูก”
เธอดึงสายตากลับ หันหน้าไปมองอีกทางและอดหัวเราะไม่ได้
ส่วนเฉินมู่ได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมากว่า เธอได้วิ่งไปยังทิศทางของเฉินถิงเซียวโดยตรงอย่างมีความสุข:“คุณพ่อ!”
เฉินมู่ตัวเล็ก ถึงวิ่งไปก็ได้แค่กอดขาเขาไว้และขอให้เขาอุ้ม
เฉินถิงเซียวโน้มตัวอุ้มเธอขึ้นมาวางที่บนโซฟาของข้างๆ จากนั้นได้ยื่นมือแตะหน้าผากเธอทีนึง:“พ่อยังมีธุระต่อ”
เขาพูดจบก็ได้หันไปมองลี่จิ่วเชียน:“วิธีต้อนรับแขกของคุณลี่ก็คือให้ผมยืนอยู่ที่นี่?”
ลี่จิ่วเชียนแค่มองมู่น่อนน่อนแว๊บนึง ไม่ได้พูดอะไรมาก ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเขาได้ก้าวมาข้างหน้าพร้อมทำท่าเรียนเชิญอยู่ที่หัวบันได:“เชิญทางนี้ครับ”
สถานการณ์ค่อนข้างละเอียดอ่อน เห็นๆอยู่ว่าเฉินถิงเซียวกับลี่จิ่วเชียนไม่ลงรอยกัน แต่เฉินถิงเซียวหามาถึงที่ลี่จิ่วเชียนยังต้อนรับด้วยความสุภาพ
ถ้าพูดตามหลักแล้ว สองคนนี้ควรจะตาต่อตาฟันต่อฟันกันสิถึงจะถูก
ถ้าทุกเรื่องสามารถแก้ไขด้วยความสันติมันก็ย่อมดีที่สุด แต่ตอนนี้คู่กรณีคือเฉินถิงเซียวกับลี่จิ่วเชียน ทีนี้ชักจะละเอียดอ่อนแล้ว
เฉินถิงเซียวขึ้นชั้นบนโดยตรง ได้ไปที่ห้องอ่านหนังสือพร้อมกับลี่จิ่วเชียน
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่เดิม ค่อนข้างมึนงงนิดหน่อย
จนกระทั่งเฉินมู่ที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ที่นั่งข้างๆของตัวเองแล้วเรียกมู่น่อนน่อนว่า:“คุณแม่มานั่งค่ะ”
มู่น่อนน่อนได้เดินไปนั่งลงที่ข้างกายของเฉินมู่
เฉินมู่จับมือของมู่น่อนน่อนไว้และตั้งหน้าตั้งตา:“เรารอคุณพ่อด้วยกันค่ะ”
มู่น่อนจับแก้มเธอ แต่ไม่ได้พูดจาอีก
……
ห้องอ่านหนังสือ
เฉินถิงเซียวเข้ามาในห้องอ่านหนังสือปุ๊บ ก็ไม่ถือว่าตัวเองเป็นแขกเลย ไม่รอให้ลี่จิ่วเชียนพูด ก็ได้ไปนั่งที่โซฟาโดยตรง จากนั้นได้เงยหน้ามองไปที่ลี่จิ่วเชียน:“กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาลครับ”
“คุณเห็นที่นี่เป็นร้านอาหารหรือไง?”ลี่จิ่วเชียนโกรธสุดขีดจนหัวเราะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินถิงเซียวจะกล้ามาหาเขาอย่างกร่างขนาดนี้
เฉินถิงเซียวมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายมู่น่อน ถึงได้มีที่พึ่งจึงไม่เกรงกลัวขนาดนี้!
“คุณลี่ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก คงจะไม่ค่อยรู้การต้อนรับแรกของในประเทศ คนในประเทศจะต้อนรับแขกด้วยจิตใจอันเร่าร้อน มีแขกมาหาถึงที่ ต่างก็ต้องต้อนรับอย่างกินดีอยู่ดีทั้งนั้น”
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา น้ำเสียงเกียจคร้าน พร้อมมองลี่จิ่วเชียนอย่างจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ดูแล้วใจเย็นมากๆ
ลี่จิ่วเชียนจ้องเฉินถิงเซียวไปครึ่งวินาที ก็ได้เรียกคนรับใช้มา:“ชงกาแฟให้คุณเฉินแก้วนึง ไม่ใส่น้ำตาล”
“ไม่ใส่น้ำตาล”คำนี้ เขาได้ตั้งใจเพิ่มน้ำหนักเสียงโดยเฉพาะ
ในห้องโถง
มู่น่อนน่อนเห็นคนใช้ลงมาชงกาแฟขึ้นไปเสริ์ฟที่ชั้นบนแล้วรู้สึกประหลาดใจมาก
ไม่นึกเลยว่าลี่จิ่วเชียนจะเกรงอกเกรงใจกับเฉินถิงเซียวขนาดนี้?
หลังจากคนใช้ยกกาแฟมาเสริ์ฟที่ห้องอ่านหนังสือของลี่จิ่วเชียนเสร็จก็ได้ออกไปเลย
ในห้องยังคงเหลือแค่เฉินถิงเซียวกับลี่จิ่วเชียนสองคนเท่านั้น
อาลั่วไปทำธุระกลับมาจากข้างนอก ได้พาความเหน็บหนาวเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เธอเข้ามาในบ้าน เห็นมู่น่อนกับเฉินมู่แล้วได้ก้าวเท้ายาวเดินมา พร้อมถามโดยตรงว่า:“เฉินถิงเซียวมา?”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมามองชั้นบนแว๊บนึง:“อยู่ที่ห้องอ่านหนังสือ”
อาลั่วหันหลังเตรียมขึ้นไปชั้นบน จู่ๆก็ได้หันมามองมู่น่อนน่อนอีก:“คุณดูแล้วไม่เป็นห่วงเฉินถิงเซียวเลย นี่ไม่ใช่ถิ่นของตระกูลเฉินนะ คุณไม่เป็นห่วงเลยจริงเหรอ?”
“ฉันต้องเป็นห่วงอะไรคะ?”มู่น่อนน่อนหันหน้ามาย้อนถาม
อาลั่วไม่รู้ว่าคำพูดของมู่น่อนน่อนหมายความว่ายังไง ก็เลยไม่ได้เปิดปากพูดในทันที
มู่น่อนน่อนเดินมาที่ตรงหน้าของอาลั่ว ได้หยุดลงในระยะที่ห่างกับอาลั่วครึ่งก้าว
เธอมองหน้าอาลั่ว กดเสียงต่ำพร้อมพูดอย่างใจเย็น:“เป็นห่วงอุบัติเหตุที่ลี่จิ่วเชียนจัดฉากขึ้นมาในก่อนหน้านี้ หรือเป็นห่วงกาแฟที่คนใช้ยกขึ้นไปเมื่อครู่ได้ใส่ยาพิษไว้?”
อาลั่วอุทานอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้ขึ้นชั้นบนไป
อาลั่วเพิ่งเดินขึ้นไป มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเฉินมู่พูดว่า:“แม่กับน้าอาลั่วทะเลาะกันเหรอคะ?”
“เปล่าค่ะ น้าอาลั่วคุยกับแม่เฉยๆ”มู่น่อนน่อนเห็นเฉินมู่เหมือนไม่ค่อยเชื่อ จึงได้อธิบายอีก:“น้าอาลั่วเป็นคนที่เคร่งขรึมตลอด ไม่มีอะไรค่ะ”
เฉินมู่กะพริบตาปริบๆ ได้พยักหน้าอย่างมึนงง
ถึงแม้อาลั่วจะดูเย็นชา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายกับเฉินมู่ แม้กระทั่งเวลามีขนมอร่อยและของกินอร่อย ก็จะให้คนใช้เอามาให้เฉินมู่ตลอด
เฉินมู่ฉลาด รู้ว่าอาลั่วไม่มีเจตนาร้ายกับเธอ เธอก็มีความรู้สึกดีๆให้กับอาลั่วอยู่
อาลั่วขึ้นไปไม่ถึงสิบนาทีก็ได้ลงมาแล้ว
มู่น่อนน่อนเข้าใจในทันทีว่าลี่จิ่วเชียนจะคุยธุระกับเฉินถิงเซียวอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือตามลำพัง
ผู้ชายสองคนนี้ จะสามารถคุยอะไรได้?
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าทุกวินาทีได้กลายมาเรื่องที่ทรมาน
แต่ดีที่ผ่านไปไม่นาน เฉินถิงเซียวก็ได้ลงมาจากชั้นบนแล้ว เขาลงมาคนเดียว ลี่จิ่วเชียนไม่ได้ลงมาด้วย
อาลั่วเห็นเฉินถิงเซียวลงมาปุ๊บ ก็ได้ขึ้นไปดูลี่จิ่วเชียนที่ชั้นบนอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าที่กังวลแล้ว
มู่น่อนน่อนเดินไปหาเฉินถิงเซียว สายตาได้มองอยู่ที่บนตัวเขาอย่างละเอียดพร้อมถามว่า:“เป็นอะไรมั้ยคะ?”
“ไม่เป็นไร”เฉินถิงเซียวหลุบตาไว้ ยังได้ยิ้มให้กับเธอทีนึง
“คุณคุยอะไรกับลี่จิ่วเชียนไปบ้างคะ?”ตอนนี้มู่น่อนน่อนแปลกใจจริงๆว่าพวกเขาได้คุยอะไรกัน
เฉินถิงเซียวหยุดชะงักอยู่ครู่นึง จากนั้นได้พูดอย่างจริงจังว่า:“ผมบอกเขาว่า ขอบคุณมากที่ช่วยผมดูแลภรรยาและลูกสาว”
“……”
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวด้วยสีหน้าตะลึงงัน:“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”
“ผมพูดแบบนี้จริงๆ”เฉินถิงเซียว ได้หัวเราะอีกที เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจจริง