ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 595 ก็ต้องเดินเข้ามาสิ
เฉินถิงเซียวไม่ใช่คนที่ชอบยิ้ม โดยเฉพาะตอนที่ยิ้มออกมาจากใจจริงยิ่งน้อยจนน่าสงสาร
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตอนที่เฉินถิงเซียวยิ้มอย่างไม่ได้ออกมาจากใจจริงแบบนี้ดูน่ากลัวมาก
เธอก็ไม่ได้พูดอะไร แค่มองเฉินถิงเซียวอยู่อย่างนั้น
จู่ๆเฉินถิงเซียวได้ยื่นมือลูบศีรษะเธอ เดิมทีนี่ก็เป็นท่าทางที่ใกล้ชิดสนิทสนมมากอยู่แล้ว มู่น่อนน่อนยิ่งรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของเขา
“ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวช่วงดึกค่อยมาใหม่”
เขาพูดจบก็ได้ดึงมือกลับ เหมือนกำลังรอมู่น่อนน่อนตอบสนองเขา
มู่น่อนน่อนอึ้งไปสิบกว่าวิ ถึงเบาเสียงถามเขาด้วยสีหน้ามึนงง:“ช่วงดึกจะมายังไงคะ?”
เฉินถิงเซียวพูดจาเรียบเฉย:“ก็ต้องเดินเข้ามาสิ”
“คุณ……”ตอนนี้มู่น่อนน่อนรู้สึกถูกความเคลื่อนไหวของเฉินถิงเซียวทำเอาค่อนข้างมึน
จู่ๆเขามาที่วิลล่าของลี่จิ่วเชียนอย่างกร่างขนาดนี้ และไปอยู่กับลี่จิ่วเชียนที่ห้องอ่านหนังสือมาพักนึง ยังบอกว่าช่วงดึกจะมาอีก
หรือว่าเขาไม่ได้มาพาเธอกับเฉินมู่ไป?
ตามนิสัยของเฉินถิงเซียวแล้ว ในเมื่อเขามาแล้วก็จะต้องพาเธอกับเฉินมู่ไป!
เฉินถิงเซียวย่อมดูความข้องใจของมู่น่อนน่อนออกอยู่แล้ว “ตอนที่ผมมา ได้ปล่อยข่าวออกไปและแจ้งให้สื่อ”
เขาอธิบายแบบนี้ปุ๊บ มู่น่อนน่อนก็เข้าใจในทันทีเลย
เฉินถิงเซียวเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ แต่เพราะธุรกิจของตระกูลครอบคลุมอยู่ทั่วโลก เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกธุกิจ อิทธิพลยิ่งดูถูกไม่ได้ เรื่องอุบัติเหตุของหลายวันก่อน ก็ได้ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง จู่ๆตอนนี้ได้ปรากฏตัวอย่างปลอดภัยไม่มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บ ย่อมดึงดูดความสนใจของสื่ออยู่แล้ว
เขามาที่วิลล่าของลี่จิ่วเชียน จะต้องมีนักข่าวมากับเขาด้วยแน่นอน ไม่ว่าจะนักข่าวในประเทศหรือว่านักข่าวของต่างประเทศ ต่างก็จะต้องตามมาทั้งนั้น เพื่ออยากจะได้ข่าวที่สดๆร้อนๆที่สุด
ลี่จิ่วเชียนอยู่เมืองM อยู่ในธุรกิจจิตวิทยาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ถ้าเฉินถิงเซียวเข้ามาแล้วไม่ได้ออกไป งั้นเรื่องก็เป็นที่ฮือฮากันแล้ว
ดังนั้น เฉินถิงเซียวถึงได้กล้าเข้ามาอย่างกร่างขนาดนี้ และออกไปอย่างปลอดภัย แถมยังบอกว่าช่วงดึกจะมาอีก
มู่น่อนน่อนคิดจุดนี้ได้ ก็ตกใจจนพูดไม่ออกในชั่วขณะ
วิธีที่ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายแถมยังไม่สูญเสียกองทัพแบบนี้ เฉินถิงเซียวก็คิดได้น้อ
วิธีนี้สำหรับเฉินถิงเซียวแล้วมีผลดีเยอะมาก แต่สำหรับลี่จิ่วเชียนแล้วกลับกลุ้มใจมาก
หลายวันก่อน ลี่จิ่วเชียนยังบอกกับเธอว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนแบบเดียวกันกับเขา ดูเหมือนในจิตใต้สำนึกของเขาจะรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวสู้เขาไม่ได้ ใจจิตใจเขาอาจจะยังมีความเกลียดชังที่ซับซ้อนแบบนึงต่อเฉินถิงเซียว
แต่ตอนนี้เฉินถิงเซียวมาหาถึงที่ ลี่จิ่วเชียนกลับทำอะไรเขาไม่ได้ มู่น่อนน่อนยากที่จะจินตนาการว่าตอนนี้อารมณ์ของลี่จิ่วเชียนเป็นยังไง
มู่น่อนน่อนยังมีเรื่องอยากจะถาม แต่เฉินถิงเซียวจิตใต้สำนึกของมู่น่อนน่อนอยากส่งเฉินถิงเซียว แต่เธอเดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็ถูกบอดี้การ์ดขวางเอาไว้แล้ว
เฉินถิงเซียวที่เดินอยู่ข้างหน้าได้ยินความเคลื่อนไหวแล้วหันมามอง สายตาได้หยุดอยู่ที่บนตัวของบอดี้การ์ดที่ขวางมู่น่อนน่อนไว้ แต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ได้เดินออกไปข้างนอกต่อเลย
เมื่อครู่บอดี้การ์ดถูกเฉินถิงเซียวมองอย่างนั้นแว๊บนึง ก็รู้สึกค่อนข้างขนหัวลุก
เดิมทีมู่น่อนน่อนก็มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับเฉินถิงเซียวอยู่แล้ว แต่เวลานี้ไม่เหมาะสม
พอเธอหันหลังก็เห็นเฉินมู่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ มองประตูอย่างคาดหวัง ในใจขมขื่นเล็กน้อย
เธอเดินมานั่งที่ตรงหน้าของเฉินมู่แล้วอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา
เฉินมู่กอดคอเธอไว้ แต่สายตายังได้มองไปข้างนอกอยู่ดี
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเธอกำลังมองเฉินถิงเซียวอยู่ นาทีเธอคงจะข้องใจมากว่าทำไมคุณพ่อมาแล้วและก็กลับเลย แต่กลับไม่รับเธอกลับบ้านด้วย
นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจน
มู่น่อนน่อนเป็นแม่ที่ไม่ได้เพอร์เฟคขนาดนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เธอถึงกับหาวิธีการพูดที่เหมาะสมมาอธิบายให้เฉินมู่ไม่ได้ในชั่วขณะ
เฉินมู่คงจะรู้สึกอะไรได้เลือนราง ตอนที่มู่น่อนน่อนอุ้มเธอขึ้นไปชั้นบน เธอเงียบกริบจนผิดสังเกต
ในขณะเดียวกัน
ในห้องอ่านหนังสือของลี่จิ่วเชียนคือความเละเทะทั้งผืน
ตอนที่อาลั่วผลักประตูเข้าไป ลี่จิ่วเชียนกำลังขว้างปาข้าวของอยู่ในห้องอ่านหนังสืออย่างกระหืดกระหอบอยู่
ถ้วยกาแฟ หนังสือ เจกันดอกไม้……ของทุกอย่างที่สามารถคว้าได้ เขาได้ขว้างลงไปที่พื้นหมด
อาลั่วได้เดินไปหาลี่จิ่วเชียนอย่างระมัดระวังท่ามกลางความเละเทะ
“คุณชาย!”
“ไปให้พ้น!”
ในขณะที่ลี่จิ่วเชียนตะคอกด้วยความโกรธ ได้ตามด้วยขว้างเซรามิกมาที่อาลั่ว
อาลั่วเอียงศีรษะหลบไป เซรามิกที่เป็นของตั้งโชว์นั้นก็ได้แตกสลายอยู่บนพื้น เศษเซรามิกที่อยู่บนพื้นได้เด้งขึ้นมาตำขาของเธอ ไม่เจ็บ แต่เธอก็ยังได้ขมวดคิ้วอย่างแรงทีนึง
เธอถอยหลังไปสองก้าว ไม่ได้ส่งเสียงอีก ปล่อยให้ลี่จิ่วเชียนเขวี้ยงปาข้าวของระบายอารมณ์
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดลี่จิ่วเชียนก็ได้หยุดลง
มือสองข้างของเขาห้อยลงมา มือสองข้างจับโต๊ะทำงานไว้แน่น ทรวงอกกระหืดกระหอบ แสดงให้เห็นว่านาทีนี้เขายังควบคุมความโกรธไว้
อาลั่วรอไปพักนึง เห็นลี่จิ่วเชียนไม่มีท่าทีว่าจะพูดจา ถึงนั่งลงไปและเริ่มจัดเก็บความเละเทะของห้องอ่านหนังสือ
ไม่นานลี่จิ่วเชียนก็สงบสติอารมณ์ได้ หลังจากเขาสงบสติอารมณ์ได้ ก็ได้เดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างหลังของโต๊ะทำงาน
สำหรับอาลั่วที่กำลังจัดเก็บห้องอ่านหนังสืออยู่ เขาไม่ได้เหลียวมองเธอเลย เห็นได้ชัดว่าชินจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ผ่านไปครึ่งค่อนวัน เขาได้ส่งเสียงถามอาลั่วว่า:“ครั้งก่อนที่ฉันขว้างปาข้าวของคือเมื่อไหร่?”
อาลั่วนึกอยู่ครู่นึง ถึงเงยหน้าขึ้นมามองเขาและพูดว่า:“ที่ฉันเห็นกับตาคือเมื่อสามปีก่อนค่ะ ตอนที่อยู่เมืองหู้หยางฉันไม่รู้ว่าคุณชายเคยเขวี้ยงปาข้าวของหรือเปล่าค่ะ”
ลี่จิ่วเชียนฟังแล้วได้ยิ้มหยัน จากนั้นได้หยิบยาขวดนึงออกมาจากลิ้นชักที่อยู่ข้างโต๊ะทำงาน
อาลั่วเห็นแล้วได้รีบพูดว่า:“ฉันไปเอาน้ำให้คุณชายค่ะ”
“ไม่ต้อง”ลี่จิ่วเชียนได้พูดปฏิเสธ จากนั้นได้เทยาออกมาจากขวดหลายเม็ด
เขากำยาไว้กำลังจะกรอกเข้าปาก ก็ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ ไม่นานอารมณ์ก็ได้เปลี่ยนมาค่อนข้างตื่นเต้น จากนั้นได้เทยาออกมาจากขวดอีกกำนึง แล้วกรอกเข้าปากโดยตรง
อาลั่วสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมวิ่งไปกุมแขนของเขาไว้อย่างไว ขัดขวางเขากินยาเยอะขนาดนี้ในพริบตาเดียว
“เดิมทียาพวกนี้ก็มีโทษต่อร่างกายของคุณชายอยู่แล้ว คุณชายจะกินเยอะขนาดนี้ไม่ได้นะคะ”อาลั่วส่ายหัว สีหน้าเต็มไปด้วยการอ้อนวอน:“ฉันขอร้องคุณล่ะ อย่ากินอีกเลยค่ะ”
ถ้าเป็นยาก็ต้องมีผลเสียต่อร่างกายอยู่แล้ว กรอกยาเข้าไปเป็นกำแบบนี้ ยิ่งมีผลเสียต่อร่างกายเข้าไปใหญ่
ลี่จิ่วเชียนไม่เหลียวมองอาลั่วเลย แค่พูดด้วยเสียงเย็นชา:“ปล่อย”
“ไม่ค่ะ!”อาลั่วจงรักภักดีกับลี่จิ่วเชียนมาโดยตลอด แต่ยามคับขันแบบนี้ เธอกลับปล่อยให้เขาทำแบบนี้ไม่ได้
ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้พูดมากอีก ได้ทุบไปที่ข้อมือของอาลั่วโดยตรง อาลั่วเจ็บจนปล่อยมือทันที ได้แต่มองดูลี่จิ่วเชียนกรอกยาทั้งกำเข้าไปในปาก
หน้าห้อง มู่น่อนน่อนมองผ่านช่องโหว่ประตูเห็นลี่จิ่วเชียนกรอกยาเข้าปากเยอะขนาดนี้ ใบหน้าก็มีความประหลาดใจแว๊บผ่าน
ลี่จิ่วเชียนป่วยเป็นโรคอะไร ทำไมต้องกินยาทีเดียวเยอะขนาดนี้?
เมื่อครู่เธอพาเฉินมู่กลับห้องนอน คิดไปคิดมา จึงอยากมาดูที่ห้องอ่านหนังสือหน่อย ยังไม่ทันได้เข้าห้องก็ได้ยินด้านในมีเสียงตะคอกด้วยความโกรธของลี่จิ่วเชียน
เธอพยายามลองเปิดประตูให้เป็นช่องโหว่ ลี่จิ่วเชียนกับอาลั่วที่อยู่ด้านในไม่เห็นเธอ กลับกันทำให้เธอสามารถเห็นสถานการณ์ของด้านในได้อย่างชัดเจน