ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 597 ขี้โกงอย่างเปิดเผย
โรคแผลกประหลาดแบบนี้ อาจจะเป็นที่จิตใจ อาจจะเป็นที่ความคิด และอาจจะเป็นที่ร่างกาย
ลี่จิ่วเชียนคนนี้เต็มไปด้วยความลับ ซับซ้อนเกินไป
มู่น่อนน่อนหลุบตาไว้ อำพรางอารมณ์ในแววตาไว้แล้วถามว่า:“พวกเราเข้าไปได้หรือยังคะ?”
“เข้ามาเลยครับ”ลี่จิ่วเชียนนี่ถึงสังเกตเห็นว่าเธอได้พาเฉินมู่มาด้วย
รอยยิ้มของลี่จิ่วเชียนได้ลึกซึ้งขึ้นหลายส่วน เขายื่นมือไปจับศีรษะของเฉินมู่:“มู่มู่”
เฉินมู่ได้เรียกอย่างเชื่อฟังคำนึง:“คุณลุงลี่”
มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ว่าเฉินมู่ได้เขยิบมาใกล้เธอเล็กน้อย เหมือนจะต่อต้านลี่จิ่วเชียนนิดหน่อย
ลี่จิ่วเชียนหันหลังเดินเข้าไปด้านใน มู่น่อนน่อนก็ได้พาเฉินมู่ตามเข้าไปด้วย
เข้ามาในห้องอ่านหนังสือ มู่น่อนน่อนกับเฉินมู่ก็ได้นั่งลงที่บนโซฟา
“หาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”มู่น่อนน่อนส่งเสียงถามเขา
บนโต๊ะน้ำชามีกาน้ำวางอยู่ ลี่จิ่วเชียนรินน้ำให้เธอไปด้วยและใช้น้ำเสียงที่ผ่อนคลายเหมือนชิวๆพูดไปด้วย:“คุณไม่อยากรู้เหรอครับ ว่าผมกับเฉินถิงเซียวได้คุยอะไรไปบ้าง?”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมา แววตาไม่มีอารมณ์อะไร:“ถ้าคุณอยากบอกฉัน สามารถพูดออกมาโดยตรงเลย”
เฉินมู่ที่อยู่ข้างๆได้ยินคำว่า“เฉินถิงเซียว”แล้ว ได้เอามือน้อยๆจิ้มเอวของมู่น่อนน่อนทีนึง มู่น่อนน่อนหันมามองเธอ ก็เห็นความข้องใจจากแววตาของเฉินมู่
เฉินมู่เห็นมู่น่อนน่อนมองเธอ ก็ได้พูดเสียงเบาว่า:“คุณพ่อ”
มู่น่อนน่อนได้กุมมือน้อยๆของเธอไว้ และพูดโดยที่ไม่เงยหน้า:“ถ้าคุณอยากบอกฉัน ก็บอกมาตรงๆเลยค่ะ”
ก่อนหน้านี้เธออยู่หน้าห้องอ่านหนังสือของลี่จิ่วเชียน ก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ลี่จิ่วเชียนโมโหจัดเขวี้ยงปาข้าวของแล้ว เธอย่อมสามารถเดาได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินถิงเซียวอยู่ในห้องอ่านหนังสือของลี่จิ่วเชียนไม่ได้พูดคำพูดที่ฟังดูดีแน่นอน
ลี่จิ่วเชียนหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะฟังแล้วเย็นชาเล็กน้อย
เขาผลักน้ำที่รินเสร็จมาที่ตรงหน้าของมู่น่อนน่อน เสียงอ่อนโยนจนใกล้เคียงกับตึง:“ดื่มน้ำครับ”
“ขอบคุณค่ะ”มู่น่อนน่อนกล่าวขอบคุณแต่ก็ไม่ได้ยื่นมือไปหยิบน้ำ
พริบตาเดียวในห้องได้เงียบสงบลง ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีใครพูดจาเลย
เฉินมู่ซบอยู่ที่บนตัวของมู่น่อนน่อน คอยก้มหน้าเล่นซิปบนเสื้อผ้าตัวเอง ไม่โวยวายและไม่งอแง
เหมือนกำลังแสดงละครตลกที่เงียบกริบอยู่ ทั้งๆที่ไม่ได้พูดคำพูดพิเศษอะไรเลย แต่กลับแฝงด้วยความรู้สึกตลกและบ้าบอคอแตกที่อธิบายสาเหตุไม่ได้
ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ลี่จิ่วเชียนถึงค่อยๆพูดออกมาคำนึง:“คอยดูเถอะ ใครจะตายอยู่ในมือของใครก็ยังไม่แน่เลย”
พูดถึงตอนท้าย เขาได้เงยหน้าขึ้นมาเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งกระตุ้นให้เกิดความสนใจให้กับมู่น่อนน่อน
น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความรู้สึกที่แข่งขัน
ดูเหมือนเขาจะเห็นเฉินถิงเซียวเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดคนนึง แต่ทำไมถึงมีการแข่งขันแบบนี้ มู่น่อนน่อนเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน
มู่น่อนน่อนยกมุมปากขึ้น แต่ไม่ได้พูดจา
……
ช่วงพลบค่ำ เฉินถิงเซียวได้มาอีกรอบจริงๆด้วย
มู่น่อนน่อนได้ยินด้านนอกมีเสียงดังขึ้น ยังไม่รอให้เธอได้ออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เฉินถิงเซียวก็ได้เดินเข้ามาจากประตูห้องโถงแล้ว ครั้งนี้ยังได้พาสือเย่มาด้วย
ระยะห่างของพวกเขากับมู่น่อนน่อนยังค่อนไกลอยู่ ตอนที่มู่น่อนน่อนมองไป เฉินถิงเซียวก็ได้มองมาที่เธอ แววตาลุ่มลึกยากที่จะแยกแยะอารมณ์ที่แท้จริงของเขา
สือเย่ได้เดินอยู่ที่ข้างหลังของเฉินถิงเซียวและห่างจากเขาหนึ่งก้าว ได้พยักหน้าให้มู่น่อนน่อนอย่างเล็กน้อยจนมองไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน
นี่ทำให้มู่น่อนน่อนเบลอไปครู่นึง ราวกับว่าพวกเขาได้อยู่ในวิลล่าของเฉินถิงเซียวที่เมืองหู้หยาง แต่ไม่ได้อยู่ในวิลล่าของลี่จิ่วเชียนอยู่ต่างเมืองต่างถิ่นอย่างเมืองM
ลี่จิ่วเชียนลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ข้างหลังมีอาลั่วคอยติดตามอยู่
เขาเดินลงมาจากชั้นบน ได้ยืนนิ่งตรงที่ๆห่างจากเฉินถิงเซียวไม่ไกล พร้อมยิ้มหยันทีนึง:“คุณเฉินนี่เห็นบ้านผมเป็นตลาดรึไงครับ?”
เฉินถิงเซียวยักคิ้ว น้ำเสียงชิวๆ:“คุณลี่ก็ดูถูกตัวเองเกินไปแล้วครับ ผมไม่เคยไปตลาดเลย”
รอยยิ้มที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดของลี่จิ่วเชียนได้จางหายไปตาม แต่ยังได้เก็บอารมณ์ไว้ไม่เปิดปากไล่คน
ได้มีคนรับใช้เดินมาในเวลานี้:“คุณผู้ชายคะ อาหารค่ำเตรียมเสร็จแล้วค่ะ”
ยังไม่รอให้ลี่จิ่วเชียนออกคำสั่ง สือเย่ก็ได้ก้าวมาถามคนรับใช้แล้ว:“ไม่ทราบว่าห้องอาหารไปยังไงครับ?”
สือเย่ใส่ชุดสูททั้งตัว ดูแล้วระมัดระวังและสุภาพ คนรับใช้นึกว่าเป็นแขกของลี่จิ่วเชียน จึงได้ชี้ทิศทางของห้องอาหาร:“เดินไปทางนี้ก็คือห้องอาหารแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”สือเย่พูดจบก็ได้ถอยหลังไปก้าวนึง ยืนอยู่ข้างๆให้เฉินถิงเซียวไปก่อน
เฉินถิงเซียวเหมือนอย่างกับอยู่บ้านตัวเองยังไงอย่างงั้น ได้เดินไปที่ห้องอาหารโดยตรง โดยที่ไม่เกรงใจเลยสักนิด ราวกับว่าอยู่บ้านตัวเอง
มู่น่อนน่อนเคยเห็นแค่หน้าตาที่ไม่มีเหตุผลของเฉินถิงเซียว แต่กลับไม่เคยเห็นหน้าตาที่ขี้โกงอย่างเปิดเผยเช่นนี้ของเขามาก่อน
ลี่จิ่วเชียนถนัดเรื่องเสแสร้ง เขาชินกับการเสแสร้งให้ตัวเองเป็นคนดี และเสแสร้งเป็นสุภาพบุรุษที่ทำอะไรรอบคอบและระมัดระวัง
ถ้าลี่จิ่วเชียนเป็นสุภาพบุรุษคนนึงจริงๆ พฤติกรรมขี้โกงเหล่านี้ของเฉินถิงเซียวก็จะไม่มีผลกระทบอะไรกับเขา แต่ลี่จิ่วเชียนแค่เสแสร้งออกมาเท่านั้น
พอแบบนี้ปุ๊บ พฤติกรรมเหล่านี้ของเฉินถิงเซียว ก็ไม่ต่างกับว่ากำลังท้าทายฟางเส้นสุดท้ายของของลี่จิ่วเชียน
ดูแค่ว่าลี่จิ่วเชียนจะสามารถทนได้นานแค่ไหน
ช่วงนี้ ลี่จิ่วเชียนนอกจากให้คนจัดฉากอุบัติเหตุอยากทำร้ายเฉินถิงเซียว กลับไม่มีแผนการต่อไปที่แน่ชัด
มู่น่อนน่อนมาอยู่ที่นี่ได้ช่วงนึงแล้ว ที่ผ่านมาก็แค่ถูกปักหลักอยู่ที่นี่เฉยๆ
ลี่จิ่วเชียนไม่มีความเคลื่อนไหว เฉินถิงเซียวก็คิดหาวิธีบีบให้เขาเคลื่อนไหว
เฉินมู่เห็นเฉินถิงเซียวเดินไปที่ห้องอาหาร เธอรีบดึงมือมู่น่อนน่อนไว้จะเดินไปที่ห้องอาหาร:“แม่คะ กินข้าวแล้วค่ะ!”
“ไปกันเถอะค่ะ”มู่น่อนน่อนมองลี่จิ่วเชียนแว๊บนึง จากนั้นก็ได้พาเฉินมู่ไปที่ห้องอาหาร
อาลั่วเห็นสถานการณ์แล้ว โมโหจนกำลังจะเปิดปากพูด แต่กลับถูกลี่จิ่วเชียนห้ามเอาไว้
“เฉินถิงเซียวนี่ชักจะเกินไปแล้ว เขาอาศัยว่าพวกเราไม่กล้าเคลื่อนไหวในที่สว่าง ถึงได้มีที่พึ่งจึงไม่เกรงกลัวขนาดนี้ มู่น่อนน่อนก็อีกคน ช่วงนี้พวกเราก็ดีกับเธออยู่ เธอก็ไม่มีน้ำใจเลย!”
อาลั่วยิ่งพูดยิ่งโมโห สุดท้ายได้หันไปกระทืบโซฟาที่อยู่ข้างๆทีนึง
“ไปเถอะ ทานข้าว”อารมณ์ของลี่จิ่วเชียนกลับได้สงบลงมาตั้งนานแล้ว
ตอนที่เขากับอาลั่วเข้ามาในห้องอาหาร เฉินถิงเซียวกับพวกมู่น่อนน่อนได้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งนานแล้ว
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ที่ข้างกายเฉินถิงเซียว สือเย่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของพวกเขา
หลังจากลี่จิ่วเชียนเข้ามา ได้นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะโดยตรง ส่วนอาลั่วได้นั่งลงที่ข้างกายของสือเย่
อาหารค่ำมื้อนี้แปลกมาก นอกจากลี่จิ่วเชียนกับอาลั่วแล้ว คนอื่นล้วนทานอย่างเอร็ดอร่อยมาก โดยเฉพาะเฉินมู่
“พ่อคะ อันนี้อร่อย……หนูจะเอาอันนั้น……”เฉินมู่มือสั้น เธอใช้ตะเกียบเป็น แต่คีบผักไม่ค่อยคล่อง ปกติล้วนมีผู้ใหญ่คอยคีบให้เธอ
วันนี้เฉินถิงเซียวอยู่นี่ เธอย่อมพึ่งพาเฉินถิงเซียวคอยให้เขาคีบผักให้เธออยู่แล้ว
เฉินถิงเซียวคอยดูแลเฉินมู่ทานข้าวอย่างมีความอดทน ความรู้สึกที่ใกล้ชิดผูกพันของพ่อลูกแท้ๆแสดงออกมาได้เฉียบขาดและชัดเจน
แต่มู่น่อนน่อนกลับสังเกตเห็นสีหน้าของลี่จิ่วเชียนยิ่งอยู่ยิ่งแย่
เฉินถิงเซียวกับเฉินมู่ใกล้ชิดผูกพันกัน นี่ก็สามารถกระทบกระเทือนลี่จิ่วเชียน?
เธอคอยสังเกตลี่จิ่วเชียนอย่างสงบเยือกเย็น ก็พบว่าอารมณ์ของลี่จิ่วเชียนยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจน