ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 601 ฆ่ากันเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของลี่จิ่วเชียนในเวลานี้ เธอเพิ่งจะรู้ตัว ที่แท้ตอนนั้นเฉินถิงเซียวคอยให้คนปกป้องเธออย่างลับๆ อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเธอคิดมาโดยตลอดว่า หลังจากที่เธออยู่ที่ออสเตรเลียผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว เฉินถิงเซียวเขาถึงส่งคนมาคอยคุ้มกันให้เธอ
ทว่าเธอกลับคาดไม่ถึงว่า เมื่อเธอถึงทางฝั่งนั้นแล้ว คนที่เฉินถิงเซียวส่งมาก็ตามมาถึงติดๆ
หลังจากผ่านเรื่องราวนั้นไปแล้ว แต่กลับมารู้เรื่องเหล่านี้ภายหลัง หัวใจของมู่น่อนน่อนพลางเกิดความรู้สึกซาบซึ้งกินใจ
“เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องโกหก คุณได้ช่วยผมไว้จริงๆ” แววตาของลี่จิ่วเชียนแสดงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป รอยยิ้มไม่ได้คลี่ยิ้มเหมือนเมื่อครู่แล้ว
มู่น่อนน่อนถามเขากลับ “เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ลี่จิ่วเชียนเหลือบมองเธออย่างสื่อความหมาย ทว่ากลับไม่พูดว่าเธอไปช่วยเขาไว้ตอนไหน
“มาพนันกันไหม คุณลองเดาสิว่าเฉินถิงเซียวจะตามหาประตูที่พวกเราออกไปได้อย่างถูกต้องหรือเปล่า?”
เรื่องราวเหล่านั้นที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่เธอได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย มู่น่อนน่อนโกรธจนหัวเราะออกมา “นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไงกัน?”
ลี่จิ่วเชียนเป็นคนบ้าไปแล้วจริงๆ ช่วงเวลานี้ ใครจะมาเดิมพันกับเขากัน?
เดิมมู่น่อนน่อนก็แค่โมโหจัดจนด่าเขาไปเท่านั้นเอง ทว่าความรู้สึกที่ปรากฏอยู่บนสีหน้าของลี่จิ่วเชียนมองด้วยตาเปล่าก็เห็นถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกดั่งน้ำค้างแข็งคอยปกคลุมอีกชั้นลง ซึ่งมันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การแสดงออกของเขายิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกลงอีก “ผมเป็นบ้า แต่บ้าน้อยกว่าเฉินถิงเซียว”
มู่น่อนน่อนกัดฟันแน่น พลางเบนศีรษะไปมองทางอื่นแทน ไม่อยากจะสนใจลี่จิ่วเชียนอีกต่อไป
ยิ่งพูดกับเขามากขึ้นเท่าไหร่ เธอยิ่งโมโหอยู่ในใจมากขึ้นเท่านั้น และกลัวว่าจะไปเป็นการยั่วยุเขาจนเกินเหตุ เดี๋ยวเขาจะทำเรื่องอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถแบบรับไว้ได้
เป้าหมายของลี่จิ่วเชียนในเวลานี้ก็ไม่ชัดเจน แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเขากำลังเตรียมการแผนใหญ่อยู่
เขาใช้เวลา 3-4 ปีในการเตรียมการนี้ หรือว่าอาจจะมากกว่านั้น
แต่มู่น่อนน่อนยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ ลี่จิ่วเชียนใช้ความสามารถอันมากมายถึงเพียงนี้เพื่อวางแผนเรื่องนี้ไว้ ตกลงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการพุ่งเป้าโจมตีเฉินถิงเซียว หรือพุ่งเป้ามาที่เธอกันแน่?
ถ้าเป้าหมายที่แท้จริงคือเฉินถิงเซียว เช่นนั้นทำไมเขาถึงต้องเบี่ยงเบนประเด็นจนหักมุมมาทำตัวสนิทสนมกับเธอด้วยล่ะ?
หลังจากเกิดระเบิดขึ้นบนเกาะเล็กๆ แล้ว เธอกับเฉินถิงเซียวบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย ลี่จิ่วเชียนสามารถช่วยเหลือเธอออกมาจากเกาะเล็กๆ นั้นได้ และสามารถลงมือฆ่าเฉินถิงเซียวบนเกาะเล็กๆ นั้นได้ทันที
ทว่า เขากลับไม่ได้ฆ่าเฉินถิงเซียวด้วยซ้ำ แถมยังช่วยชีวิตเขาเอาไว้ด้วย
ถ้าจะพูดว่าตอนนั้นเขาทำอะไรไว้กับเฉินถิงเซียว ซึ่งมีเพียงเรื่องเดียวคือการสะกดจิตเฉินถิงเซียวเอาไว้เท่านั้นเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องการสะกดจิตเฉินถิงเซียวยังเป็นปริศนาที่ไม่สามารถปลดล็อกให้หลุดได้สักที
หลังจากที่เฉินถิงเซียวเกิดความสงสัยในตัวลี่จิ่วเชียนแล้วนั้น ซึ่งเป็นเวลาไม่นานนัก ลี่จิ่วเชียนพลันถูก ‘ลี่จิ่วชัง’ คนไม่ได้เรื่องลักพาตัวไป
ลี่จิ่วเชียนสามารถทำเรื่องราวได้ตั้งมากมาย เวลานี้มู่น่อนน่อนจึงไม่ต้องสงสัยว่าเป็นเขาที่สะกดจิตเฉินถิงเซียวเอาไว้
มู่น่อนน่อนมองหน้าเขาอย่างเย็นชา พลันใช้น้ำเสียงเย็นเฉียบ “คุณเป็นคนสะกดจิตเฉินถิงเซียวใช่ไหม?”
“ในที่สุดก็เดาได้ว่าเป็นผมแล้วสินะ?” ลี่จิ่วเชียนแสดงแววตาลุกพราวปรากฏทางสีหน้า “พลังจิตของเฉินถิงเซียวแรงกล้ามาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บจนสลบไป … ไม่ถูกต้องสิ พูดว่าสลบก็ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ เดิมทีเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนักมากนักจนใกล้จะฟื้นอยู่รอมร่อ แต่พี่สาวแท้ๆ ของเขากลับใส่ยาให้เขาแทน เพื่อให้เขาสลบไสลต่อไป…”
“ส่วนผม ก็แค่ทำตามความปรารถนาคำขอร้องของพี่สาวแท้ๆ ของเขาก็เท่านั้นเอง”
คำพูดของลี่จิ่วเชียนทั้งสองประโยค ต่างเน้นคำว่า “พี่สาวแท้ๆ” อย่างชัดเจน พอฟังดูราวกับเขาอยากเห็น เฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นสองคนนี้ห้ำหั่นฆ่ากันเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นก็ไม่ค่อยลงรอยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนนั้น ยังไม่ถึงขั้นพลิกหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นอริศัตรูคู่แค้นกัน
แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนนั้น จึงส่งผลให้เฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นถึงกลายเป็นอริศัตรูกันอย่างชัดเจน
“ที่แท้ก็เป็นคุณจริงๆ ด้วย!” ก่อนหน้าที่ลี่จิ่วเชียนจะยอมรับออกมา มู่น่อนน่อนก็มีแค่ความสงสัยเท่านั้นเอง
เธอเชื่อว่าเฉินถิงเซียวไม่มีการคาดเดาโดยไร้มูลเหตุ แต่เธอก็ยังมีความสงสัยมากอยู่ในใจเช่นเดิม
บางครั้ง แม้ว่าตอนนี้ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว มนุษย์อาจตั้งข้อสงสัยเพราะความเชื่อมั่นที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ปรากฏออกมา
“คุณเหมือนดูไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด” ลี่จิ่วเชียนมองเธออย่างสนอกสนใจ และเตรียมจะพูดต่อ แต่อาลั่วกลับเดินเข้ามาพอดี
“คุณผู้ชายค่ะ จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เมื่อครู่อาลั่วได้ยินเนื้อหาที่มู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนพูดคุยกัน พลันเข้าใจความหมายลี่จิ่วเชียนว่าต้องการพูดทุกอย่างออกไปให้มู่น่อนน่อนฟังอย่างหมดเปลือก
ในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดนี่เป็นการยืนยันแล้วว่า ครั้งนี้ลี่จิ่วเชียนไม่มีทางใจอ่อนยอมออมมือจริงๆแล้ว
เขาถึงขั้นบอกทุกอย่างกับมู่น่อนน่อนไปหมดแล้ว ซึ่งไม่ปล่อยให้มู่น่อนน่อนกลับออกไปได้อย่างสุขสบายแน่ เรื่องนี้ทำให้สีหน้าของอาลั่วผ่อนคลายลงบ้าง
ลี่จิ่วเชียนหันศีรษะกลับมามองอาลั่ว “งั้นก็เริ่มกันเถอะ”
บรรดาลูกน้องของอาลั่ว ทำตามแผนการเมื่อครู่ที่วางแผนเอาไว้ พลันคนมีคนกลุ่มหนึ่งล่วงหน้าออกจากประตูหลังไปก่อน ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินออกไปทางประตูด้านหน้า
ส่วนลี่จิ่วเชียนไม่ได้เดินไปยังทางด้านหน้า และไม่ได้เดินไปทางประตูทางด้านหลัง แต่กลับมุ่งหน้าเดินไปยังห้องใต้ดินแทน
มู่น่อนน่อนพักอยู่ที่วิลล่าหลังนี้มานานขนาดนี้ โดยไม่ทราบเลยว่าใต้วิลล่ายังมีห้องใต้ดินขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้
ห้องใต้ดินมีสิ่งของมากมาย อย่างครบครันทุกอย่าง
ลี่จิ่วเชียนเดินนำอาลั่ว และมีลูกน้องอีกหลายคน
มู่น่อนน่อนเหลือบสำรวจมองห้องใต้ดินโดยรอบ สถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้องมีทางออกหลายทางเป็นแน่
ตอนนี้เองเธอถึงได้สติฉุกคิดได้ว่า ในสิ่งที่ลี่จิ่วเชียนเดิมพันกับเธอก่อนหน้านี้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ไม่ว่าเธอจะเดิมพนันว่าประตูหน้าหรือประตูหลังก็ตาม เฉินถิงเซียวก็ไม่มีวันสกัดกั้นพวกเขาไว้ได้ทั้งสองทาง
เพราะลี่จิ่วเชียนไม่คิดจะเดินออกไปซึ่งๆ หน้า
ตัวตน ชื่อเสียงเรียงนามของลี่จิ่วเชียน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปทั้งหมดอาจจะจอมปลอมทั้งเพ แต่เรื่องที่เขาจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยามานั้นต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่การอ่านใจคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วเขาสามารถวางแผนการอย่างละเอียดแยบยลเช่นนี้ในทุกเรื่องได้อย่างไรกัน?
ลี่จิ่วเชียนนั่งลงบนโซฟา และพูดจากับมู่น่อนน่อนสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย “เฉินถิงเซียวมีไหวพริบไวขนาดนั้น ต้องเจอกับสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน คุณว่าตอนนี้เฉินถิงเซียวน่าจะอยู่ด้านบนแล้วหรือยัง?”
เขาพูดและเอาชี้ไปบนฝ้าเพดานเหนือห้องใต้หลังดิน ด้านบนซึ่งหมายถึงห้องโถงในวิลล่า
ลี่จิ่วเชียนพูดไม่ผิดไปหรอก แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืนก็ตาม เธอเพิ่งจะส่งข้อความหาเฉินถิงเซียว ตอนนี้เฉินถิงเซียวต้องอยู่ในวิลล่าของลี่จิ่วเชียนอย่างแน่นอน
ถึงแม้ไม่ได้เข้ามาในวิลล่าก็ตาม ก็ต้องเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านแล้วแน่
ราวกับทุกการเคลื่อนไหวของเฉินถิงเซียว มิสามารถหลุดพ้นจากสายตาของลี่จิ่วเชียนไปได้
ก้นบึ้งหัวใจมู่น่อนน่อนพลันเกิดความรู้สึกหนาวเหน็บจู่โจมขึ้น เธอเองที่มองลี่จิ่วเชียนผิดไป ในหัวสมองเธอพลันมีความทรงจำว่าลี่จิ่วเชียนเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตแถมยังอ่อนโยนมีเมตตา
แม้ว่าเธอจะรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของเขาแล้วก็ตาม ทว่าในความคิดของเธอก็ยังคงจัดลี่จิ่วเชียนอยู่ในจำพวกคนมีจิตใจเมตตาตามสัญชาตญาณ
……
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ข้างหน้าต่าง และไม่ได้แสดงท่าทีจะนอนด้วยซ้ำ
เวลากลางดึก โทรศัพท์ของเขาจู่ ๆ ก็สั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซึ่งเป็นเพียงการเตือนเมื่อมีข้อความใหม่เข้ามา
เฉินถิงเซียวกดเปิดโทรศัพท์ จึงเห็นข้อความสั้นๆ ในนั้น : เขาเริ่มลงมือแล้ว มารับมู่มู่ออกไป
ข้อความสั้นกระชับที่สุด และยังเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ ไว้ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนตอนที่มู่น่อนน่อนส่งข้อความสั้นๆ อันนี้มานั้น ดูใจเย็นมาก
ดังนั้นสามารถคาดเดาได้ว่า ลี่จิ่วเชียนไม่ได้ใช้วิธีการรุนแรงในการบังคับขู่เข็นแต่อย่างใด
เฉินถิงเซียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น พลางหันตัวมุ่งหน้าเดินออกไปข้างนอก พร้อมทั้งเรียกสือเย่มาด้วย
“สือเย่!”
เฉินถิงเซียวยังไม่นอน สือเย่กำลังจัดการให้ลูกน้องตรวจสอบรายละเอียดของเด็กสาวที่ชื่อว่า “วานวาน” ไม่นานนักจึงมีข้อมูลส่งมาให้ เขาเองก็ยุ่งอยู่ตลอดจึงยังไม่ได้เข้านอนเช่นกัน