ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 603 นี่คือการปล่อยที่คุณพูดถึงเหรอ?
ลี่จิ่วเชียนเห็นมู่น่อนน่อนไม่ยอมแตะต้องถ้วยชา แต่ไม่ได้โกรธอะไร พลางนั่งไขว่ห้างในท่วงท่าสบายพลันเอนหลังพิงโซฟา และเหล่ตามองมู่น่อนน่อน
“น่อนน่อน ฟังผมสักหน่อยนะ ตอนนี้คุณมานั่งตื่นเต้นอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ถึงเวลานี้เฉินถิงเซียวเขายังหาที่นี่ไม่เจอ พอคาดเดาการแพ้ชนะของผมกับเขาได้แล้วนะ”
ลี่จิ่วเชียนชะงักหยุดพูด พลางหรี่ตามองอากัปกิริยาตอบสนองกลับของมู่น่อนน่อน
เมื่อเห็นว่ามู่น่อนน่อนยังแสดงท่าทางไร้ความรู้สึกเช่นเดิม สุดท้ายการแสดงออกของลี่จิ่วเชียนจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เขาเริ่มเก็บอาการ น้ำเสียงก็เริ่มเย็นชาตามลงมาเล็กน้อย “ผมสามารถให้โอกาสคุณได้อีกครั้ง ให้คุณเลือกเอง ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยพูดกับคุณ มันมียังใช้ได้ผลอยู่ อย่างไรเสีย …”
“พวกเราเป็นคนที่เหมาะสมจะอยู่ด้วยกันที่สุดแล้ว”
มู่น่อนน่อนตอบกลับอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ ฉันคิดว่าเราไม่มีตรงไหนเหมาะสมกันสักนิด”
สีหน้าลี่จิ่วเชียนแข็งทื่อชั่วขณะ วินาทีต่อมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พลางยื่นมือออกไปจัดการกับแขนเสื้อของตนเอง พลางเอ่ยเสียงออกมาอย่างสุขุมและทุ้มต่ำ “ทำให้เธอได้สงบปากสักหน่อย ไม่อยากจะฟังเสียงเธอพูดสักระยะ”
มู่น่อนน่อนยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหมายถึงอะไร พลางหันศีรษะกลับมาก็เห็นอาลั่วกำลังเดินมาทางเธอได้สองก้าว
“คุณ…”
วินาทีต่อมา อาลั่วใช่สันฝ่ามือทุบท้ายทอยของเธอ บริเวณด้านหน้าของเธอดำมืด ร่างกายทรุดลงล้มบนโซฟา
วินาทีก่อนที่จะหมดสติไปนั้น มู่น่อนน่อนตกอยู่ในภวังค์ ที่แท้ลี่จิ่วเชียนให้เธอสงบปาก นี่ก็คือสิ่งที่ลี่จิ่วเชียนความหมายของสงบปากเป็นแบบนี้นี่เอง
……
มู่น่อนน่อนไม่ทราบว่าตัวเองสลบไปนานเท่าไหร่แล้ว
รอจนเวลาที่เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งนั้น ก็ยังคงอยู่ในห้องใต้ดินเช่นเดิม
เธอนอนเอนครึ่งตัวอยู่บนโซฟา บนตัวก็ไม่ได้มีสิ่งของจำพวกผ้าห่มนุ่มๆ คลุมตัวอยู่เลย แม้ว่าห้องใต้ดินจะเปิดฮีทเตอร์แล้วก็ตาม แต่เธอยังคงรับรู้ถึงความหนาวเย็นอยู่บ้าง
อาการเพิ่งตื่นนอนทำให้สายตาฝ้าฟางอยู่บ้าง เธอหลับตาลงเพื่อพักสายตาชั่วครู่ การมองภาพด้านหน้าถึงชัดเจนขึ้น
จึงเห็นโคมระย้าเป็นอันดับแรก เขยิบไปทางด้านข้างคือโซฟา จากนั้นคนที่ยืนอยู่ตำแหน่งไม่ไกลมากนักคือลี่จิ่วเชียนกับอาลั่ว
อาลั่วเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อพูดคุยอะไรบางอย่างกับลี่จิ่วเชียน ลี่จิ่วเชียนกระตุกริมฝีปากขึ้น มุมปากพลันปรากฏรอยยิ้มออกมาให้เห็นเล็กน้อย
รอยยิ้มของเขาที่ปรากฏออกมาทำให้มู่น่อนน่อนหนาวไปทั้งตัว หัวใจก็หม่นหมองหนักมาก ร่างกายตื่นตัวในชั่วขณะนั้นทันที
ลี่จิ่วเชียนหันศีรษะไปพูดประโยคหนึ่งกับอาลั่ว สีหน้าของอาลั่วเปลี่ยนเป็นหม่นหมองเล็กน้อย แต่ยังคงพยักหน้ารับ
จากนั้น ลี่จิ่วเชียนจึงเดินมาทางมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนหันตัวเพื่อนั่งลงบนโซฟาให้เรียบร้อย พร้อมทั้งมองลี่จิ่วเชียนด้วยหน้าตาระแวดระวัง
“อาลั่วเธอลงมือหนักไปหน่อย ต้องขอโทษคุณด้วย คุณ…” ลี่จิ่วเชียนเดินมาหยุดด้านข้างและนั่งลงข้างเธอ พลางยื่นมือออกไปแตะใบหน้าของมู่น่อนน่อน
ทว่ามู่น่อนน่อนกลับเอนตัวถอยหลังและเงยหน้าขึ้น เป็นการหลบเลี่ยงมือของลี่จิ่วเชียนที่ยื่นออกมาได้สำเร็จ
ลี่จิ่วเชียนเหลือบมองมือที่ค้างเติ่งอยู่ในอากาศของตนเอง พลางชะงักเล็กน้อย ไม่นานนักก็สามารถปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว “ตื่นแล้วก็ดี พวกเราไปกันได้แล้ว”
มู่น่อนน่อนก็ไม่มั่นใจว่าตนเองหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันคือเวลาอะไร ซึ่งดูจากสถานการณ์ในห้องใต้ดิน เฉินถิงเซียวคงหาที่นี่ไม่เจอแน่
อาลั่วก็เดินเข้ามา พร้อมจับจ้องมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “คุณจะเดินไปเอง หรือว่าให้ฉันช่วย?”
มู่น่อนน่อนลุกขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอแสดงท่าทางว่าต้องการจะเดินไปเอง
อาลั่วส่งเสียงพึมพำในลำคออย่างเย็นชา และเดินหน้าเป็นการเดินนำทาง
อาลั่วพาพวกเขาเดินลดเลี้ยวไปมาอยู่ในทางเดินชั้นใต้ดิน ท้ายที่สุดก็มาหยุดตรงด้านหน้าของประตูเหล็กบานหนึ่ง เธอค่อยๆ ยกมือขึ้น จากนั้นลูกน้องก็เดินนำหน้าขึ้นไปเปิดบานประตูเหล็กทันที
บานประตูเหล็กหนักอึ้ง ต้องใช้ความร่วมแรงแข็งขันแรงของผู้ชายสองคนถึงสามารถเปิดประตูออก
อาลั่วคอยจับตามองมู่น่อนน่อนอย่างโดยไม่ให้เล็ดลอดสายตา เธอเป็นคนเดินนำทาง ย่อมไม่ปล่อยให้มู่น่อนน่อนไปเดินรั้งท้ายอยู่ทางด้านหลัง
ดังนั้นในเวลานี้ มู่น่อนน่อนเดินอยู่ด้านหน้าแล้ว ส่วนลี่จิ่วเชียนอยู่ด้านหลังของเธอ
เมื่อบานประตูเหล็กเปิดออก มู่น่อนน่อนได้กลิ่นสิ่งของบางอย่างถูกไฟไหม้เกรียมเตะเข้าจมูกทันที
แม้ว่าแสงท้องฟ้าในเวลานี้ยังไม่ทันสว่างมากนัก แต่ก็มีแสงแดดทอแสงลงมาแล้ว หลังจากปรับสภาพจนชินจึงสามารถมองได้ชัดเจนขึ้นเล็กน้อย
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับการมีไหวพริบในการรับรู้ถึงอันตรายกับเรื่องที่ไม่ดีอยู่เสมอ ความรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุขด้วยเศษเสี้ยวจิตใต้สำนึกของมู่น่อนน่อนมันขึ้นมาแตะถึงขีดสุดแล้ว
กระทั่งเธอไม่สนใจหันกลับไปถามลี่จิ่วเชียนด้วยซ้ำ และเริ่มวิ่งออกไปตรงปากทางออก
ด้านนอกบานประตูเหล็กไม่ใช่ทางเดินที่ราบเรียบ แต่เป็นขั้นบันได
“มู่น่อนน่อน!”
อาลั่วเรียกชื่อเธอทางด้านหลัง ส่วนมู่น่อนน่อนนั้นราวกับไม่ได้ยินสิ่งใดพลางวิ่งหนีไปทางด้านหน้าเรื่อยๆ
“คุณผู้ชายคะ ฉันจะวิ่งตามเธอกลับมาค่ะ!” เมื่ออาลั่วหันศีรษะกลับมาพูดคุยกับลี่จิ่วเชียนเสร็จแล้ว จึงวิ่งตามมู่น่อนน่อนไปทันที
น้ำเสียงลี่จิ่วเชียนขรึมลงเล็กน้อย “กลับมา”
อาลั่วหันตัวกลับมาอย่างไม่เต็มใจ เมื่อได้ยินลี่จิ่วเชียนพูด “เธอวิ่งหนีไปไหนไม่ได้หรอก”
มู่น่อนน่อนวิ่งไปทางด้านหน้า เมื่อวิ่งมาถึงประตูทางออกนั้น จังหวะผลักบานประตูที่อยู่ด้านนอกที่สุดออกมานั้น สิ่งแรกที่มองเห็นคือเปลวไฟ
ทางออกของห้องใต้ดินก็คือภายในสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังวิลล่า
มู่น่อนน่อนพักอยู่ในวิลล่าของลี่จิ่วเชียนมานานขนาดนี้แล้ว ย่อมรู้ว่าวิลล่าของเขาทั้งใหญ่โตและหรูหรา
ทว่า วิลล่าหลังนี้กลับถูกไฟไหม้ไปเกินครึ่งแล้ว เปลวเพลิงลุกโชนทะยานพุ่งสู่ท้องฟ้า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไฟไหม้มาหลายชั่วโมงแล้ว
“มู่มู่!”
ปฏิกิริยาแรกของมู่น่อนน่อนนั้นคือคิดถึงเฉินมู่เป็นอันดับแรก เธอก้าวเท้าวิ่งไปทางวิลล่า
แต่ทว่า เธอเพิ่งจะก้าวเท้าเพียงก้าวเดียว กลับถูกคนคว้าข้อมือเอาไว้แทน
เธอหันศีรษะกลับมา จึงเห็นสีหน้าลี่จิ่วเชียนทำหน้าตาเขียวปั๊ดใส่
“คุณพูดว่าจะปล่อยมู่มู่ไป!” มู่น่อนน่อนพลางใช้อีกมือที่เป็นอิสระชี้ไปทางวิลล่าที่มีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนสูงตระหง่านท้องฟ้า น้ำเสียงสั่นเทาอยู่บ้าง “นี่คือสิ่งที่คุณพูดว่าปล่อยไปงั้นเหรอ? ลี่จิ่วเชียนฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่า คุณจะเลวทรามต่ำช้าถึงขั้นนี้ได้ ถ้ามู่มู่เกิดได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ฉันไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่!”
สำหรับคำต่อว่าจากมู่น่อนน่อนนั้น ลี่จิ่วเชียนแค่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ถ้าผมปล่อยมู่มู่ไป เฉินถิงเซียวจะปล่อยผมไปไหมล่ะ?”
“ยังมีอีกอย่างที่คุณพูดผิดไปแล้ว ถ้าเฉินมู่ตายอยู่ที่นี่ คุณมาโทษผมไม่ได้ ต้องโทษเฉินถิงเซียวนู่น เพราะว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะปกป้องพวกคุณไว้ได้ เขาเป็นคนทำร้ายลูกสาวของคุณ มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด!”
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากเอาไว้ โมโหจนตัวสั่น พลางเงื้อมือแล้วตบหน้าลี่จิ่วเชียนอย่างแรง
เธอตบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลี่จิ่วเชียนไม่ทันป้องกันตัวได้ทันเวลา จึงต้อนรับกับฝ่ามือของเธออย่างเต็มแรง
แรงฝ่ามือนี้ มู่น่อนน่อนใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ทั้งเกลียดทั้งโมโห ผสมปนเปลงไปในฝ่ามือนั้น ครึ่งใบหน้าของลี่จิ่วเชียนแดงแปร๊ดทันที
“อย่าหาข้อแก้ตัวกับสิ่งชั่วร้ายที่ตัวคุณเองลงมือทำ เฉินถิงเซียวเขาเลวแต่ไม่เหมือนคุณที่เลวทรามต่ำช้าผิดมนุษย์มนา!” มู่น่อนน่อนพูดว่าจอย่างดุเด็ดเผ็ดมันดุเดือด และอยากจะสะบัดมือให้หลุดจากเขา
ทว่าลี่จิ่วเชียนคว้าข้อมือไว้แน่นเหลือเกิน มู่น่อนน่อนใช้เรี่ยวแรงมากมาย แต่ก็ไม่สามารถสะบัดให้หลุด
ลี่จิ่วเชียนถูกมู่น่อนน่อนตบหน้าหนึ่งที เดิมสีหน้าที่ดูย่ำแย่อยู่เดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ที่เธอพูดออกมา สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นย่ำแย่หนักกว่าเดิม
เขาสะบัดมือออกอย่างแรง มู่น่อนน่อนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนทรงตัวไม่อยู่พลางล้มไปกองอยู่ที่พื้น
บนพื้นปูหินกรวดไว้ทั่ว แขนของมู่น่อนน่อนโดนหินกรวดขูดจนถลอกเป็นแผล
อย่างไรก็ตาม ลี่จิ่วเชียนไม่ได้มองเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย เขายืนอยู่ด้านหน้ามู่น่อนน่อน พลางชำเลืองมองต่ำถือไพ่ที่เหนือกว่า “น่อนน่อน อย่าได้บีบบังคับผมนะ”