ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 605 DNA ตรงกับเฉินมู่
ติ๊ด–
ภายในห้องพักผู้ป่วย เสียงเครื่องมือแพทย์ดังขึ้นเป็นระยะตามระบบ
มู่น่อนน่อนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย พลันตื่นขึ้นมาในเวลานี้พอดี
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พลางมีเสียงฝีเท้าจากทางเดินห้องพักผู้ป่วยดังเข้าหูเป็นสิ่งแรก และมีเสียงเครื่องผลิตออกซิเจนอยู่ใกล้ตัว
เธอขยับนิ้วมือ พลางพบว่ามีสิ่งของบางอย่างคีบนิ้วเอาไว้
พลางเอนศีรษะเหลือบมอง จึงพบว่ามีคลิปหนีบนิ้วมือเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์
มู่น่อนน่อนดึงคลิปที่หนีบนิ้วมือออก และใช้มือพยุงตัวให้ลุกนั่ง
เธอประเมินภายในห้องพักผู้ป่วยก่อนเล็กน้อย
ห้องพักผู้ป่วยมองดูกว้างขวางมาก แถมยังปลอดโปร่งและสว่างมาก
น่าจะเป็นห้องพักอันหรูหราของโรงพยาบาลเอกชนสักแห่ง อุปกรณ์มองดูทันสมัยมาก ในห้องพักนอกจากเตียงที่เธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้ว ยังมีโซฟาและโต๊ะ รวมทั้งมีเตียงคนเฝ้าไข้ไว้ด้วย
สมองมีอาการมึนหัวเล็กน้อย
ไฟไหม้ เฉินมู่ เฉินถิงเซียว
ความทรงจำค่อยๆ ฟื้นกลับมา ใบหน้าไม่มีเลือดฝาดของมู่น่อนน่อนเป็นทุนเดิม พลันหน้าซีดลงถนัดตา
เวลานี้เอง มีพยาบาลผลักประตูเดินเข้ามา
เมื่อพยาบาลเห็นมู่น่อนน่อนฟื้นแล้ว พลางพูดอย่างตื่นตระหนว่า “คุณฟื้นแล้วเหรอคะ?”
นางพยาบาลสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
มู่น่อนน่อนเหลือบมองนางพยาบาล แต่ไม่พูดจาอะไร
นางพยาบาลรีบวางสิ่งของที่อยู่ในมือทันที “ฉันจะออกไปเรียกเพื่อนของคุณให้เข้ามา คุณรอเดี๋ยวนะคะ…”
พยาบาลเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไรออกมา พลางคิดว่าเธอฟังภาษาอังกฤษไม่ออก จึงใช้มือเพื่อช่วยแสดงท่าทาง พร้อมทั้งเปล่งคำพูดเป็นภาษาจีนออกมาอย่างสุดกำลัง “รอ…ฉัน”
เธอพูดอย่างยากลำบาก ออกเสียงค่อนข้างเน้นหนักไปหน่อย
มู่น่อนน่อนถึงได้พยักหน้า
พยาบาลยิ้มให้เล็กน้อย พลันหันหลังเดินออกไปทันที
ตอนที่พยาบาลออกไปนั้น ไม่ได้ปิดประตูห้องให้สนิทอย่างเข้มงวดมากนัก ไม่นาน มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบได้ยินมาแต่ไกลจนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
พริบตาเดียวพลันมีเสียง “แอ๊ด” บานประตูถูกเปิดออก
ตอนที่เห็นว่าเป็นใครเข้ามานั้น ความหวังในแววตามู่น่อนน่อนพลันมลายหายไปทันที
“ฟื้นแล้วเหรอคะ?” อาลั่วเดินมายืนตรงหน้าเธอ “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
มู่น่อนน่อนยังไม่ยอมพูดจา
อาลั่วย่นคิ้วเล็กน้อย และหันศีรษะไปพูดกับพยาบาล “ตรวจร่างกายเธอที ดูสิว่าสูดเขม่าควันไฟมาจนสมองได้รับความเสียหายไปหรือเปล่า”
พยาบาลเห็นสีหน้าอาลั่วไม่เป็นมิตร เลยไม่ได้พูดอะไรมา พลางหันกลับออกไปเรียกคุณหมอเข้ามา
หลังจากตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว มู่น่อนน่อนยังคงไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ
ซึ่งเป็นการตรวจร่างกายตามปกติทั่วไป ไม่นานนักผลการตรวจร่างกายก็ออกมา
“คุณอาลั่วครับ ร่างกายของคุณมู่นอกจากอาการอ่อนเพลียเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอื่นอีกแล้วครับ”
เมื่อได้รับคำตอบของคุณหมอ อาลั่วพลางยกมือเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปได้แล้ว
คุณหมอ พยาบาลและลูกน้องของเธอทั้งหมดต่างพลันออกจากห้องทันที
“มู่น่อนน่อน ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณมีความรู้สึกอย่างไร แต่ว่าคนก็เสียชีวิตไปแล้วและไม่สามารถชุบชีวิตได้ คุณตัดใจเถอะ” น้ำเสียงอาลั่วเย็นชาที่สุด
มู่น่อนน่อนที่ไร้ความรู้สึกมาตั้งแต่แรก ในที่สุดก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว พลางถามด้วยเสียงแหบพร่า “ใครตาย?”
ก่อนหน้านี้เธอสูดเขม่าควันในวิลล่าอยู่สักพัก จนลำคอแหบแสบคออยู่พอตอนเวลาพูดคุยจึงลำบากอยู่บ้าง น้ำเสียงแหบพร่า ซึ่งไม่ไพเราะเสนาะหูน่าฟังเหมือนแต่ก่อน
การแสดงออกของอาลั่วดูเหมือนสมเพชอยู่บ้าง “เผชิญหน้ารับความจริงเถอะค่ะ เฉินมู่ตายแล้ว”
มู่น่อนน่อนมีดวงตาอันงดงาม เป็นแบบกลมโตแบบตาแมวที่พบได้น้อยมาก ซึ่งปกติมองว่าอ่อนโยนและสดใส เมื่อยิ้มก็จะส่องความสดใสไปทั่ว ช่างมีเสน่ห์มาก
ทว่าในเวลานี้ เธอลืมตาที่คล้ายดวงตาแมวคู่นั้น จับจ้องอาลั่วอย่างสงบเยือกเย็น
ความเย็นยะเยือกที่อยู่ในแววตาเธอนั้น มันลึกซึ้งจนเหมือนว่าวินาทีต่อไปจะพุ่งออกมาอยู่แล้ว
อาลั่วก็เป็นคนที่คร่ำหวอดกับสถานการณ์ใหญ่มาแล้ว แต่การจ้องมองอย่างนิ่งเฉยของมู่น่อนน่อนในเวลานี้ ถึงขั้นรู้สึกเริ่มหนาวสะท้านอยู่บ้าง
เธอแสร้งทำว่ามู่น่อนน่อนเป็นศัตรู แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเมื่อสักครู่นี้เธอถูกมู่น่อนน่อนจ้องมองจนรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
อาลั่วเผยอปากพูดอย่างไม่รู้ตัว ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “หาศพเจอแล้ว และได้ตรวจDNA ซึ่ง DNA ตรงกับเฉินมู่ คุณไม่จำเป็นต้องมีความคิดว่าโชคช่วยอะไรอีกแล้ว สิ่งที่ฉันพูดออกมามันเป็นความจริงทั้งหมด”
อาการหวั่นไหวที่ปรากฏอยู่บนใบหน้ามู่น่อนน่อนเล็กน้อยพลันมลายหายไปทันที
ราวกับเธอไม่ได้ยินคำพูดของอาลั่วเช่นนั้น พลางหันหน้าจ้องมองช่อดอกไม้ที่วางไว้ตู้หัวเตียง
ซึ่งเป็นช่อดอกลิลลี่สดทั้งช่อ เมื่อสูดหายใจลึกๆ ยังได้กลิ่นหอมของดอกลิลลี่อบอวล
ใต้ช่อดอกไม้เป็นแจกันแก้วสีขาวใส ซึ่งทั้งสวยและใสมาก
สายตามู่น่อนน่อนจับจ้องที่แจกันเหยือกนั้น
อาลั่วมองอากัปกิริยาทุกอย่างของมู่น่อนน่อนอยู่ในสายตา และมองไปที่แจกันดอกไม้ แล้วกลับมามองมู่น่อนน่อนอีกครั้ง คอยถามไถ่อาการ “มู่น่อนน่อน?”
คงไม่ได้โดนถูกกระตุ้นจนส่งผลให้เป็นบ้าไปแล้วมั้ง?
แต่ว่า เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่ามู่น่อนน่อนได้รับการกระตุ้นทางใจถึงขนาดนั้น
ผู้หญิงคนนี้ภายนอกดูอ่อนโยนแต่ภายในแข็งแกร่ง ไม่เหมือนคนอ่อนแอปวกเปียกเช่นนั้น
มู่น่อนน่อนจ้องมองแจกันดอกไม้อยู่สักครู่ พลางยื่นมือไปหยิบแจกันดอกไม้มา และหยิบมาวางด้านหน้าของตนเอง และจัดการวางไว้บนผ้าห่ม
เธอก้มหน้ามองดอกลิลลี่ ราวกับมองหาของเล่นที่พบได้ยากยิ่ง และไม่เบนสายตาเลยสักนิด
เมื่อผ่านไปหลายวินาที เธอก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น และแต่เอ่ยปากกระซิบถามอย่างไร้ความรู้สึก “เมื่อครู่คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ตอนแรกอาลั่วก็คิดว่าพูดจบก็เดินหนีไป ทว่าเมื่อเห็นลักษณะท่าทางมู่น่อนน่อนในเวลานี้ จนเกิดความสงสัยถึงที่สุด ถึงขั้นเลี่ยงไม่ได้ที่อยากมองว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมู่น่อนน่อนกันแน่
ปฏิกิริยาของมู่น่อนน่อนช่างแปลกประหลาดพิกลนัก และยิ่งดูสงบมากเกิน
อาจจะเป็นเพราะเฉินมู่เสียชีวิตไปแล้ว จึงส่งผลกระทบกับเธอหนักมาก
นอกจากมู่น่อนน่อนเอ่ยปากถามแล้ว อาลั่วเองก็ไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจที่จะพูดซ้ำอีกครั้ง
“ลูกสาวคุณตายแล้วค่ะ ตอนนี้สภาพวิลล่าถูกไฟไหม้จนไม่เหลือซาก ภายในยังพบศพเด็กที่ไหม้เกรียม แต่ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง DNA ที่ตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ตรงกับลูกสาวของคุณ ตอนนี้คุณ…”
คำว่า “ได้ยินชัดไหม?” ที่อยู่ท้ายประโยคยังไม่ได้พูดออกไป อาลั่วก็ต้องยกมือขึ้นมาขวางแจกันดอกไม้ที่ลอยพุ่งเข้ามาทางด้านหน้า
แจกันดอกไม้ที่โยนมาหาด้วยแรงมากมายมหาศาล แม้ว่าอาลั่วจะยกมือขึ้นมากั้นเอาไว้ก็ตาม ซึ่งไม่ได้โดนใบหน้าของเธอ ทว่ามือของเธอปะทะกับแจกันดอกไม้จนรู้สึกเจ็บ เจ็บจนเริ่มแสดงอาการชาอยู่บ้าง
อาลั่วใช้มือสะบัดออก พลางพูดด้วยความโกรธเคือง “มู่น่อนน่อน!นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไง!”
เธอรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนถูกกระตุ้นจนบ้าไปแล้วจริงๆ ถึงขั้นใช้แจกันดอกไม้มาเขวี้ยงใส่
นัยน์ตาอันสงบนิ่งราวกับความหนาวเหน็บยามค่ำคืนของมู่น่อนน่อน พลางเผยอริมฝีปากแดงออกมาเล็กน้อย และเปล่งเสียงชัดเจนออกมาจากลำคอ “ไสหัวไป!”
“คุณให้ฉันไสหัวไป คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน!” อาลั่วเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยจองหองอยู่ตลอด เดิมเธอยังคิดว่ามู่น่อนน่อนน่าสงสาร ทว่าในเวลานี้ ความรู้สึกน่าสงสารในใจของเธอนั้นมันได้มลายหายไปโดยสิ้นเชิงอย่างไม่เหลือซาก
สีหน้าที่แสดงออกอย่างไร้ความรู้สึก พลางยื่นมือออกไปหยิบสิ่งของทั้งหมดและหยิบขึ้นมาจากนั้นจัดการเขวี้ยงไปที่ตัวของอาลั่ว
อาลั่วยังไม่ทันป้องกันตัวได้ทันท่วงที พลางยกมือขึ้นมาขวาง แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทบกับสิ่งของที่มู่น่อนน่อนเขวี้ยงมาหาได้
ข้อดีของห้องพักผู้ป่วยอันหรูหราก็คือ มีอุปกรณ์ครบครันมากมาย สิ่งของที่มู่น่อนน่อนจะขว้างลงได้นั้นก็เยอะมาก
อาลั่วรีบหลบทันที พลางถอยหลังไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งอัดแน่นไปด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
และท้ายที่สุด บริเวณข้างตัวมู่น่อนน่อนไม่มีสิ่งของให้ขว้างอีกแล้ว เธอตะคอกด้วยแสงแหบพร่า “ไสหัวออกไป!”
มู่น่อนน่อนนั่งลงบนเตียงผู้ป่วยในเวลานี้ ด้วยใบหน้าซีดเผือดแถมอ่อนแรง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีเรี่ยวแรงจนเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าอาลั่วยังอ้าปากและไม่กล้าส่งเสียงออกมา