ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 608 การหลอกลวงตั้งแต่ต้น
ลี่จิ่วเชียนยังคงก้มหน้ามองเด็กสาวที่อยู่บนเตียง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“น่อนน่อน แม้ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่แสนเฉลียวฉลาดมากก็ตาม แถมผมก็ยังชื่นชมในตัวคุณมาก”
สำหรับคำพูดของลี่จิ่วเชียน มู่น่อนน่อนแทบไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ แต่จ้องมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมให้โอกาสสุดท้ายกับคุณอีกครั้งนะ คุณลองคิดดูในใจ เฉินถิงเซียวเขามีความสำคัญมากกับคุณขนาดนั้นจริงๆ ใช่ไหม”
ลี่จิ่วเชียนยืดลำตัวตรง พลางเดินมายืนอยู่ด้านหน้ามู่น่อนน่อน แล้วก้มศีรษะพูดกับเธอ “นี่ถือว่าเป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้วนะ”
“ดังนั้น ฉันควรจักขอบอกขอบใจกับความเมตตาปรานีของคุณใช่ไหม?” มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าท่าทางเสียสละทำบุญทำทานเช่นนี้ของลี่จิ่วเชียนช่างน่าขยะแขยงที่สุด
ลี่จิ่วเชียนหัวเราะเบาๆ และพูดสื่อความหมายไม่ชัดเจน “คุณฉลาดขนาดนี้ ผมเชื่อมั่นว่าคุณได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างข้อดีและสิ่งที่จะสูญเสียไป สุดท้ายคุณจะตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับคุณ”
“ไม่จำเป็นต้องคิดอีกแล้วแหละ นอกจากคุณตายไปซะ” ประโยคท่อนสุดท้าย มู่น่อนน่อนเน้นย้ำทุกคำ ความโกรธเคืองและเกลียดชังต่างสุมกองรวมกันอยู่ในนั้น
ลี่จิ่วเชียนสีหน้าเคร่งขรึมลง และตีหน้าเข้ม พลางกัดฟันพูด “ดูเหมือนว่าคุณจะอดใจรอไม่ไหว อยากจะช่วยเธอแล้ว”
“คุณรู้ไหมว่าจะช่วยเธอได้ยังไงหรือเปล่า?” ลี่จิ่วเชียนยื่นนิ้วชี้ไปทางเด็กสาวที่อยู่บนเตียงคนไข้
แม้ว่าเขาจะถามมู่น่อนน่อนก็ตาม แต่กลับไม่มีท่าทีรอคำตอบของเธอด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นชั่วครู่ ลี่จิ่วเชียนเขาก็พูดเองเออเอง “พูดกันแบบง่ายๆเลยแล้วกัน แค่ต้องเปลี่ยนอวัยวะในร่างกายที่มันล้มเหลวไปถือว่าเป็นอันใช้ได้แล้ว”
มู่น่อนน่อนกำมือทั้งสองข้างที่อยู่ข้างกายแน่น
เธอสามารถคาดเดาได้ทันที ต้องการช่วยเด็กสาวคนนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ทว่าคำพูดของลี่จิ่วเชียนยิ่งตราตรึงในความคิดที่อยู่ในใจของเธอทันที
เปลี่ยนอวัยวะเหรอ? อวัยวะอะไรบ้างล่ะ?
หัวใจเหรอ? หรือจะเป็นไต?
ถึงเวลานั้น มู่น่อนน่อนเกรงว่ายังมีชีวิตอยู่รอดออกไปหรือเปล่า
ไม่นานนัก ลี่จิ่วเชียนพาเธอออกจากห้องพักผู้ป่วย
ตอนเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยนั้น จู่ ๆ มู่น่อนน่อนก็นึกขึ้นมาได้ ครั้งแรกที่เธอถูก “ลี่จิ่วชัง” คนไม่ได้เรื่องลักพาตัวมานั้น เธอพักอาศัยอยู่ในห้องซึ่งมีเสื้อผ้าแขวนจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่เป็นแถว
“เสื้อผ้าพวกนั้นที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า คุณเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เธองั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนไม่ได้ชี้ชัดว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นของ “เธอ” คนไหน แต่เธอรู้ดีว่าลี่จิ่วเชียนเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้
ลี่จิ่วเชียนไม่ได้บ่ายเบี่ยงสักนิด “ไม่ผิด เตรียมให้เธอทั้งหมดนั่นแหละ”
มู่น่อนน่อนถามไถ่ “เธอเป็นอะไรกับคุณ? ชื่ออะไรเหรอ?”
ลี่จิ่วเชียนราวกับแปลกใจอยู่บ้างที่มู่น่อนน่อนจะถามเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหตุเพราะตั้งแต่ที่เธอออกจากโรงพยาบาลมา ก็ไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่นัก และไม่พูดคุยกับเขาเลยด้วยซ้ำ
มู่น่อนน่อนเห็นว่าเขาไม่พูดไม่จา สีหน้าไร้ความรู้สึก “ถ้าคุณจะเอาชีวิตของฉันไปแลกกับเธอ ฉันตายก็ต้องอยากเข้าใจอะไรไว้บ้าง”
“น้องสาวแท้ๆ ของผมเอง เธอชื่อลี่วานวาน”
ว่าแล้วเชียว!
หลังจากที่มู่น่อนน่อนเคยแอบได้ยินลี่จิ่วเชียนพูดคุยกับอาลั่วก่อนหน้านี้ ก็พอจะเดาได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ “วานวาน” ที่แท้เธอก็ทายถูก
“วานวาน” คนที่ป่วยหนัก ที่แท้ก็คือน้องสาวแท้ๆ ของลี่จิ่วเชียน ชื่อลี่วานวาน
“ที่คุณเริ่มตีสนิทกับฉัน ก็เพื่อให้ฉันไปช่วยชีวิตของลี่วานวาน แต่ตอนนั้นฉันเป็นภรรยาของเฉินถิงเซียว ดังนั้นคุณเลยไม่ได้ลงมือกับฉันทันที แต่กลับใช้ประโยชน์จากตัวฉันแทน เพื่อสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานและความวุ่นวายให้กับเฉินถิงเซียว คุณอยากใช้ประโยชน์จากตัวฉันจนฉันไร้คุณค่าใดๆแล้ว จากนั้นก็ค่อยเอาอวัยวะในร่างกายของฉันไปช่วยน้องสาวของคุณ”
มู่น่อนน่อนวิเคราะห์อย่างใจเย็น ราวกับกำลังพูดเรื่องของคนอื่นอยู่
ลี่จิ่วเชียนหรี่ตามองมู่น่อนน่อน สักพักถึงได้พูดออกมา “ผมเคยพูดแล้วนะ ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง หวังว่าสักวันหนึ่งคุณจะเลือกสิ่งที่ฉลาดสำหรับคุณ”
จากนั้น เขาก็ตีหน้าขรึม พลันพูดเสียงเข้ม “ส่งคุณมู่กลับไปพักผ่อน”
เมื่อสิ้นเสียง ก็มีคนเข้ามาจับมู่น่อนน่อน และบังคับพาเธอเดินออกไป
พวกเขาพาตัวมู่น่อนน่อนมายังห้องว่างเปล่าห้องหนึ่ง หลังจากพวกเขาโยนตัวเธอเข้ามาในห้องแล้ว พลันล็อกประตูและออกไปทันที
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างประตู และพยายามบิดลูกบิดนานอยู่สักพัก ก็ไม่สามารถเปิดประตูได้
พวกเขาล็อกประตูปิดตาย
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากเอาไว้ และนั่งพิงบานประตู
ภายในห้องไม่มีเครื่องนอนใด ๆ เลยสักชิ้น และไม่ได้เปิดฮีทเตอร์ พื้นห้องเย็นเฉียบจนหนาวเข้ากระดูก
การปรากฏตัวของลี่จิ่วเชียน เป็นการจัดฉากโกหกกันมาตั้งแต่ต้น
ความทะเยอทะยานราวหมาป่าของเขา ตีสนิทมู่น่อนน่อน และใช้ประโยชน์จากเธอเพื่อให้เขาสำเร็จตามเป้าหมายที่เขาได้วางไว้ ปลอมแปลงตัวเอง เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นจากเธอ
ทุกขั้นตอนที่เรื่องมาถึงทุกวันนี้ ต่างขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจลี่จิ่วเชียนทั้งสิ้น
เป้าหมายของลี่จิ่วเชียนได้เปิดเผยจนรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
ทว่า มีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งที่มู่น่อนน่อนยังไม่เข้าใจตั้งแต่แรก
ทำไมลี่จิ่วเชียนจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับเฉินถิงเซียวให้ได้ด้วยล่ะ?
มู่น่อนน่อนหยิบปากกาหมึกซึมเก่าด้ามนั้นออกมาจากร่างกายเสื้อผ้า ด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เฉินถิงเซียว คุณต้อง… ไม่เป็นไรนะ
เธอจ้องมองปากกาหมึกซึมด้ามนั้นอยู่นานมาก ทันใดนั้นเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอาปากกาด้ามนั้นมาดูใกล้ๆ สักหน่อย เพื่อตรวจสอบปากกาหมึกซึมด้ามนั้นให้ละเอียด
ตอนเด็ก ปากกาหมึกซึมยี่ห้อนี้เหมือนว่าทุกคนมีกันคนละด้ามอยู่แล้ว ตอนที่ทางโรงเรียนแจกปากกาเพื่อเป็นของรางวัล เพื่อแสดงความแตกต่าง จึงสลักชื่อคนที่ได้รับรางวัลบนตัวปากกานั้นเอาไว้ด้วย
ซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นมาสิบกว่าปีแล้ว แม้ว่าจะรักษาปากกาหมึกซึมเป็นอย่างดี ถ้าบนนั้นสลักชื่อเอาไว้ด้วย ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ
มู่น่อนน่อนเอาปากกาหมึกซึมมามองอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่สักพัก ในที่สุดก็เจอร่องรอยเล็กน้อยบนปากกานั้น
เหมือนจะเห็นตัวอักษร “มู่” อยู่ลางๆ ด้านข้างยังมีตัวอักษร “ยรื่อ”
ทั้งหมดนี่มันเป็นส่วนประกอบของอักษรและหมวดคำ
คงไม่ใช่ชื่อของเธอมั้ง?
จากการคาดเดาตามอุปทานนี้แล้ว อาศัยความคาดเดาของตนเองและคอยเพ่งมองตัวอักษรที่สลักชื่อบนนั้น ยิ่งมองแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนชื่อเธอ
ตอนเด็กๆ มู่น่อนน่อนคะแนนดีมาก และได้รับสมุดกับปากกาหมึกซึมที่โรงเรียนแจกเป็นของรางวัลอยู่บ่อยครั้ง
ปีนั้นเธอได้รับปากกาหมึกซึมไม่ใช่แค่ด้ามเดียว
ถ้าปากกาหมึกซึมด้ามนี้เป็นของเธอจริง แล้วทำไมมาอยู่ที่เฉินถิงเซียวได้ล่ะ?
เธอแทบไม่มีความทรงจำสักนิดเลย
พอจำได้ลางๆ เธอให้ปากกาหมึกซึมกับขอทานเด็กคนหนึ่งไป
ตอนนั้นเด็กคนนั้นกำลังนั่งขดตัวอยู่บนทุ่งหญ้าข้างถนน เสื้อผ้าขาดวิ่นไปทั่วตัว เป็นหญิงหรือชายมู่น่อนน่อนเองก็ไม่แน่ชัด
มู่น่อนน่อนถามเขาแต่เขากลับไม่พูด วันนั้นเธอเพิ่งจะได้ปากกาหมึกซึมเป็นของรางวัลที่เพิ่งได้มาใหม่ เมื่อเห็นเด็กคนนั้นน่าสงสาร จึงส่งให้เขาไป
นั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่ส่งปากกาหมึกซึมให้คนอื่น ต่อจากนั้นก็ไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลย
เฉินถิงเซียวเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเฉิน แม้ว่าตอนเด็กผ่านเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ มามากมายก็ตาม แต่ก็น่าจะใช้ชีวิตสุขสบายมีอาหารการกินทุกอย่างเพียบพร้อม แล้วจะไปเป็นขอทานได้อย่างไรกัน?
คิดไม่ออกจริงๆ
แต่มู่น่อนน่อนยังรู้สึกตงิดใจ ว่าปากกาหมึกซึมด้ามนี้อาจจะเป็นเธอส่งให้เขาจริงๆ
คิดแล้วก็รู้สึกตลก พอผ่านครั้งนั้นไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็จงใจสอบให้ได้คะแนนน้อยหน่อย และไม่ได้รับของรางวัลอะไรอีก
สำหรับเธอแล้วมันเป็นเพียงเรื่องราวเล็กน้อย ถ้าไม่เห็นปากกาหมึกซึมด้ามนี้อีกครั้ง เธอแทบนึกไม่ออกด้วยซ้ำ
มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจเข้าลึก พลางตัดสินใจแล้วว่าหยุดคิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
เธอเรียกพลังให้ตัวเอง และลุกขึ้นจากพื้นห้อง พร้อมทั้งประเมินห้องห้องนี้แทน