ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 617 ไม่กล้าบอกเฉินถิงเซียว
ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่เฉินถิงเซียวจะสำลักจนพูดไม่ออก มู่น่อนน่อนไม่ไว้หน้าสักนิดพลางหัวเราะร่าออกมาทันที
เธอเอาศีรษะแนบลงแผงอกเฉินถิงเซียว และส่งเสียงหัวเราะอู้อี้อยู่ตรงนั้น
เฉินถิงเซียวหน้าตาเคร่งขรึม พร้อมทั้งแสดงสีหน้าไร้ความรู้สึกและปล่อยให้มู่น่อนน่อนได้หัวเราะร่าต่อไป
ผ่านไปชั่วครู่ เขาทำเหมือนเกิดไม่พอใจขึ้นมา จึงเงื้อมือไปตีก้นมู่น่อนน่อนหนึ่งที “ไม่อนุญาตให้หัวเราะแล้ว!”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งแวววาวทั้งน้ำตาคลอเบ้า หน้าแดงระเรื่อ “คุณจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ว่าฉันสามารถทำในสิ่งที่คุณทำไม่ได้?”
“นี่คุณกำลังทำตัวไม่สมเหตุสมผลอยู่นะ!” น้ำเสียงเฉินถิงเซียวเย็นเฉียบ แต่พอมองออก ว่าเขาไม่ได้โกรธเคืองจริงๆ
มู่น่อนน่อนเลิกคิ้วขึ้น “คุณนั่นแหละที่ไม่สมเหตุสมผล!”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง พลางพูดข่มขู่เธอ “คุณพูดอีกสักครั้งสิ?”
มู่น่อนน่อนไม่ยอมที่จะพูดซ้ำอีกครั้ง งั้นไม่เท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัวเหรอ?
เธอสำรวจภายในบริเวณห้องโดยรอบ พลางถามด้วยความระมัดระวัง “มู่มู่ล่ะคะ? ลูก…ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
คำถามนี้เธออยากจะถาม แต่ก็หวาดกลัวอยู่บ้าง
ซึ่งในช่วงเวลานั้นไฟไหม้กระพือโหมแรงขนาดนั้น เธอหวาดกลัวมากว่าเฉินถิงเซียวจะมาช้าไปก้าวเดียวจริงๆ
เมื่อเอ่ยถึงเฉินมู่ น้ำเสียงเฉินถิงเซียวจริงจังขึ้นทันที “ลูกไม่เป็นไรครับ”
ตอนที่เขากระโจนพุ่งตัวเข้าไปในห้องของเฉินมู่นั้น เพิ่งรู้ว่ากองเพลิงยังไม่ได้ลุกลามเข้าไปในห้อง แต่มีเขม่าควันไฟอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
ถ้าเขาไปช้าอีกก้าวเดียว อาจจะไม่เจอเฉินมู่ผู้แสนมีชีวิตชีวาก็ได้
ส่วนเฉินมู่นั้นเป็นเด็กฉลาดคนหนึ่ง พลันมีสัญชาตญาณตระหนักถึงช่วงเวลาอันสมควร ซึ่งรู้ตัวว่าต้องเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำ
หลังจากที่เฉินถิงเซียวหาตัวเธอเจอแล้ว จึงฉีกผ้าปูเตียงมาห่อตัวเฉินมู่เอาไว้ และจัดการปล่อยตัวเธอลงจากชั้นสาม
เด็กที่เติบโตบ้างแล้ว แม้ว่ามีเรื่องราวมากมายที่ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้จักความหวาดกลัว
เขายังจำจดได้ดี ตอนที่เขาอุ้มตัวเฉินมู่มาหยุดตรงขอบหน้าต่างนั้น เธอตกใจจนหน้าซีดเผือดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยการขอร้อง
เธอไม่อยากกระโดดลงไป เพราะว่าเธอหวาดกลัว
เฉินถิงเซียวมองเห็นเต็มสองตา แต่ไม่สามารถมัวแต่มาลังเลจำต้องปล่อยเธอลงไป
ผ้าปูเตียงสามารถรับน้ำหนักได้แค่เด็กน้อยคนเดียว แต่กลับรับน้ำหนักเฉินถิงเซียวไม่ไหว จากนั้นเขาก็อาศัยเดินเลียบทางเข้ามาเพื่อกลับออกไป
แต่ว่า บริเวณตรงกลางนั้นยากลำบากและอันตรายมาก เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้มู่น่อนน่อนรู้
มู่น่อนน่อนย่อมเชื่อเฉินถิงเซียวที่สุด
ปากเขาพูดว่าเฉินมู่ไม่เป็นไร มู่น่อนน่อนก็เชื่อสนิทแล้ว
“งั้นตอนนี้เธออยู่ที่ไหนคะ?” ตอนนี้เธออยากจะเห็นหน้าเฉินมู่
“ผมจัดการให้คนไปส่งเธอกลับที่เมืองหู้หยางในคืนนั้นทันที” เฉินถิงเซียวกล่าวตอบ
มู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดของเขา พลางเงียบงันอยู่ชั่วครู่ ถึงตอบกลับมา “ก็ดีค่ะ”
การได้ออกไปจากเมืองM สถานที่มีแต่ความขัดแย้ง เฉินมู่อยู่ในเมืองหู้หยางถือว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว
“ขอแค่เธอไม่เป็นไร ฉันก็วางใจได้แล้วค่ะ” มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า เธอติดหนี้เฉินมู่ไว้เยอะมากเหลือเกิน
ทั้งสองคนต่างเงียบงันทันที
ผ่านไปสักพัก มู่น่อนน่อนถึงได้เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นการพูดคุยปรึกษาหารือกัน กับเฉินถิงเซียว “เฉินถิงเซียวคะ ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันกลับไปเมืองหู้หยางพร้อมคุณไม่ได้ ฉันจะไปอยู่ทางฝั่งลี่จิ่วเชียน แล้วจะคอยช่วยคุณตรวจสอบให้ได้ ว่าตกลงแล้วทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังคุณขนาดนั้น”
“มู่น่อนน่อน!” เฉินถิงเซียวราวกับกัดฟันพูด “เฉินถิงเซียวคนอย่างผมต้องให้ผู้หญิงคนหนึ่งออกไปเสี่ยงแทนผมมั้ยล่ะ?”
มู่น่อนน่อนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอยู่ในใจบ้างแล้ว
เธอพูดเน้นน้ำเสียง จนเสียงสูงขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าคุณไม่ต้องการ! แต่ฉันอยากจะช่วยคุณนี่ ฉันรู้สึกปวดใจตามคุณ ฉันไม่อยากให้คุณเกิดเรื่องขึ้น ฉันอยากจะช่วยคุณ! คุณไม่เข้าใจเหรอ? ฉันอยากจะช่วยคุณ!”
เธอพูด “ฉันอยากจะช่วยคุณ” ติดกันออกมาหลายครั้ง
เฉินถิงเซียวเบนหน้าไปทางด้านข้าง ไม่อยากจะมองเธออีก
นี่เป็นการปฏิเสธข้อเสนอของเขาด้วยความเงียบ
มู่น่อนน่อนรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ ดังนั้นก่อนหน้าที่เขาอยากจะพาเธอกลับมานั้น ถึงได้ต่อต้านซะขนาดนั้น
สักพัก น้ำเสียงเฉินถิงเซียวค่อยๆ กลับมาดังขึ้น “ถ้าลี่จิ่วเชียนรู้ว่าคุณไปหลอกเขาล่ะ? คุณเคยคิดไว้บ้างไหมว่าเขาจะทำอะไรขึ้นมาบ้าง?”
“เขาไม่มีวันรู้หรอกน่า!” มู่น่อนน่อนพูดอย่างมั่นใจที่สุด
“ถ้าล่ะ? ถ้าเกิดเขาจับได้ขึ้นมาล่ะ?” เฉินถิงเซียวถามเองตอบเอง “เขาต้องทรมานคุณทุกวิถีทางแน่!”
เรื่องนี้มู่น่อนน่อนทราบเป็นอย่างดี
ดังนั้น เธอต้องทำให้สำเร็จไม่สามารถพ่ายแพ้ได้
“เฉินถิงเซียว เชื่อฉันสิ!” มู่น่อนน่อนกุมมือเฉินถิงเซียวเอาไว้ และมองเขาด้วยสีหน้ารอคอยความหวัง
เธอจะทำให้เขาเชื่อมั่นได้ยังไง ว่าเธอสามารถปกป้องตัวเองให้รอดปลอดภัย?
เฉินถิงเซียวดึงมือเธอกลับ โดยใช้แรงมาก
แม้มู่น่อนน่อนยังไม่กล้าบอกเฉินถิงเซียวด้วยซ้ำ ว่าลี่จิ่วเชียนอยากใช้ตัวเธอเพื่อช่วยลี่วานวาน
ลี่วานวานป่วยหนักเอาการ ถ้าต้องการทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เธอกับลี่วานวานต้องดูแลร่างกายให้ดีๆ เพื่อให้ร่างกายของทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุดในการผ่าตัด
ดังนั้น มู่น่อนน่อนย่อมเข้าใจเป็นอย่างมาก การที่เธออยู่ข้างกายลี่จิ่วเชียน มันปลอดภัยที่สุด และยังอันตรายที่สุดด้วย
ที่พูดว่าปลอดภัยนั้น นั่นเป็นเพราะว่าลี่จิ่วเชียนยังอยากใช้เธอในการช่วยลี่วานวาน ก็ไม่มีวันให้เธอเกิดเรื่องขึ้นมาอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องจุดที่อันตรายนั้น ไม่รู้ว่าลี่จิ่วเชียนอยากทำการแหวะร่างกายของเธอตอนไหน ที่จะดึงอวัยวะภายในร่างกายของเธอไปใส่ในร่างกายของลี่วานวาน
เรื่องเหล่านี้ เธอไม่กล้าปริปากบอกเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวซึ่งไม่ยอมให้เธอเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน
ถ้าให้เฉินถิงเซียวมารู้เรื่องราวพวกนี้เข้า เฉินถิงเซียวจะไม่มีวันปล่อยให้เธอกลับไปอยู่ใกล้ตัวลี่จิ่วเชียนอีกเป็นแน่
เฉินถิงเซียวไม่พูดไม่จา พลางลุกขึ้นและลงจากเตียง และสวมใส่เสื้อโค้ทและเดินไปยังระเบียง
ตอนใกล้จะเดินถึงระเบียงนั้น เขากลับเดินกลับมา และหยิบเสื้อคลุมให้เธอหนึ่งตัว
ในห้องเปิดฮีทเตอร์เอาไว้ แต่มู่น่อนน่อนใส่แค่ชุดราตรีที่บางเบาชุดเดียวเท่านั้น
เขาจึงโยนเสื้อผ้ามาอยู่บนเตียง และเดินไประเบียง
มู่น่อนน่อนกำชุดเสื้อคลุมและมองไปทางด้านนอกระเบียง จึงลุกขึ้นและสวมเสื้อคลุมทับ และเดินไปที่ระเบียง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสลัวทางด้านนอกระเบียงและแสงไฟระยิบระยับ
ส่วนเฉินถิงเซียวนั้น ตรงกึ่งกลางนิ้วมือยังคีบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน และหันหลังให้เธอ
เศษขี้บุหรี่ทีสะสมอยู่บนบุหรี่ยังไม่ได้ดีดออก เห็นเต็มตาว่าบุหรี่นั้นมันลวกมือเฉินถิงเซียวแล้ว เฉินถิงเซียวราวกับได้สติกลับมาเช่นนั้น พลางดีดบุหรี่ออก และค่อยวางริมฝีปากและจัดการสูดเข้าไปใหม่อีกครั้ง
เฉินถิงเซียวไม่ใช่คนชอบสูบบุหรี่
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างขอบประตูอย่างเงียบๆ อยู่สักพัก จึงหันตัวเพื่อเตรียมจะเดินออกไป
เฉินถิงเซียวพาตัวเธอออกมา พวกกู้จือหยั่นน่าจะไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงกันนานนัก เธออยากเจอเสิ่นเหลียง
ตอนที่เธอเปิดประตูนั้น ก็ได้ยินเสียงเร่งรัดของเฉินถิงเซียวที่อยู่ด้านหลัง “คุณจะไปไหน?”
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับมา จึงมองเห็นเฉินถิงเซียวสาวเท้ายาวๆ มุ่งหน้าเดินมาทางนี้
หลังจากที่เขาออกตัวเดินมาถึงแล้ว พลันยื่นมือออกไปจัดการประตูที่มู่น่อนน่อนเปิดออกครึ่งให้กลับเข้าที่เดิม
มู่น่อนน่อนมองประตูที่ถูกปิดลง ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “คุณกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงไม่ใช่เหรอ? ฉันจะไปหาเสี่ยวเหลียง”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วถามเธอ “ผมสูบบุหรี่คุณไม่ดูดำดูดีผมเลยเหรอ?”
“คุณก็ไม่ได้สูบบ่อยนี่คะ” มู่น่อนน่อนรู้ดีว่าเขาจะสูบบุหรี่มวนสองมวนเมื่อตอนที่ไม่สบายใจ และไม่ได้ติดบุหรี่ จึงไม่สนใจเขา
“งั้นตอนนี้ผมจะเริ่มสูบทุกวันเลย” เขาพูด และควานหาซองบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าออกมาหนึ่งซอง และจัดการจุดบุหรี่หนึ่งมวนต่อหน้ามู่น่อนน่อนทันที และคีบไว้มุมปาก
เขาอัดควันบุหรี่เข้าปอด และพ่นควันใส่หน้ามู่น่อนน่อน และคีบมวนบุหรี่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง และเอ่ยปากถามอย่างจริงจัง “สนใจหรือยัง?”