ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 624 ทำไมถึงเหมือนกับก้อนหิน
“ทำไม่เป็น” เฉินจิ่งหยุ้นวางตำราอาหารลง ท่าทางจริงจัง: “เธออาจจะอาหารเป็นพิษก็ได้นะ”
ท่าทางของเฉินจิ่งหยุ้นจริงจังมาก ทำให้มู่น่อนน่อนเชื่อได้ยากว่าสิ่งที่เฉินจิ่งหยุ้นพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง
มู่น่อนน่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นถามเธอขึ้น:“มู่มู่ทานอะไร”
“ของที่มู่มู่ทานฉันไม่ได้เป็นคนทำ” เฉินจิ่งหยุ้นกล่าวประโยคนี้อย่างเย็นชา แล้วก็ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องครัว
ในเมื่อมู่น่อนน่อนยังไม่คิดที่จะกลับตอนนี้ เฉินจิ่งหยุ้นที่ก็ทำอาหารไม่เป็น เธอจึงได้เดินตามเฉินจิ่งหยุ้นเข้าไปห้องครัวทันที
เฉินจิ่งหยุ้นที่กำลังจะเป็นตู้เย็น ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลัง จึงถามมู่น่อนน่อน:“เธอเข้ามาทำไม”
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้บอกว่าจะมาทำอาหาร เพียงแค่กล่าวว่า:“ฉันอยากช่วยเธอ”
เฉินจิ่งหยุ้นก็ไม่เกรงใจเธอ เปิดตู้เย็นอีกครั้งหยิบวัสดุทำอาหารหลายอย่างออกมา:“เธอช่วยฉันล้างของเหล่านี้แล้วหั่นให้ด้วย”
มู่น่อนน่อนมองดูเธอแวบนึง ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ทำตามอย่างเงียบ ๆ
มู่น่อนน่อนทำอาหารเป็นประจำ ทักษะการใช้มีดจึงเยี่ยมยอด หั่นได้เร็ว
ร่องรอยของความชื่นชมปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในดวงตาของเฉินจิ่งหยุ้น
เมื่อรอมู่น่อนน่อนหั่นผักเสร็จแล้ว เฉินจิ่งหยุ้นก็กล่าวขึ้นอีก:“ในเมื่อหั่นเสร็จแล้ว อย่างนั้นเธอก็ผัดด้วยแล้วกัน”
มู่น่อนน่อน:“……”
สิ่งที่เฉินจิ่งหยุ้นกับเฉินถิงเซียวเหมือนกันก็คือ ชอบวางอำนาจ
เธอไม่รูว่าเฉินถิงเซียวทำไมถึงฝากเฉินมู่ให้กับเฉินจิ่งหยุ้น แต่ในเมื่อเขาฝากเฉินมู่ให้เฉินจิ่งหยุ้น เขาย่อมต้องมีเหตุผลของเขา
ถึงแม้ว่าเธอในตอนนี้ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจต่อเฉินจิ่งหยุ้นอยู่เล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา
ขณะที่ มู่น่อนน่อนกำลังทำอาหารอยู่นั้น เฉินจิ่งหยุ้นก็ยืนอยู่ข้าง ๆ คอยสั่งการตลอด
“ใส่หัวหอมน้อย ๆ หน่อย!”
“แครอทนี้ใส่เยอะอีกหน่อย……”
“ฉันไม่กินเผ็ด……”
มู่น่อนน่อนอดทนจนทำอาหารเสร็จ
สุดท้าย ตอนที่ทานอาหารนั้น มู่น่อนน่อนแทบไม่อยากจะสนใจเฉินจิ่งหยุ้นเลย
แต่กลับเฉินจิ่งหยุ้นที่ทานอาหารทุกอย่าง จากนั้นก็วางตะเกียบลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองมู่น่อนน่อน:“เฉินถิงเซียวคงชอบทานอาหารที่เธอทำมากสินะ”
มู่น่อนน่อนเงียบ ถือเป็นการยอมรับโดยปริยาย
“รสชาติเหมือนกับอาหารที่แม่ฉันทำเลย” เฉินจิ่งหยุ้นสูดลมหายใจเข้าลึก ราวกับกำลังคิดถึงเรื่องในอดีต จากนั้นกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค: “อร่อยมาก”
มู่น่อนน่อนมองไปทางเฉินจิ่งหยุ้นด้วยความประหลาดใจ
เธอรู้ว่ามาโดยตลอดว่าเฉินถิงเซียวชอบทานอาหารที่เธอทำมาก เธอมั่นใจฝีมือในการทำอาหารของตัวเองอย่างมาก
เพียงแต่เธอไม่เคยได้ยินเฉินถิงเซียวพูดว่าอาหารที่เธอทำนั้นเหมือนกับรสชาติของคุณแม่ของเขา
เฉินจิ่งหยุ้นเอนหลังไปพิงเก้าอี้ ฟังจากน้ำเสียงค่อนข้างซับซ้อน:“หลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้ทานอาหารแบบนี้”
เธอเป็นคุณหนูใหญ่แห่งบริษัทเฉินซื่อ ตอนที่พักอาศัยอยู่ในบ้านนั้น มีแม่ครัวที่คอยทำอาหารให้เธอโดยเฉพาะ ทั้งกลิ่นรูปรสชาติอาหารมีครบ หาจุดบกพร่องไม่มี
ตอนที่ทำงานอยู่ข้างนอก จะมีผู้ช่วยคอยจองร้านอาหารระดับไฮเอนด์ให้เธอ
เธอมีชีวิตที่หรูหราสง่างามมาโดยตลอด เธอคือคุณหนูใหญ่แห่งบริษัทเฉินซื่อที่มีคนอิจฉานับไม่ถ้วน
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นทำไมถึงพูดเรื่องราวเหล่านี้ เธอก้มหน้าทานอาหารอย่างเงียบ ๆ ทานอย่างรีบร้อน ทานเสร็จก็กลับไปที่ห้องครัวดูโจ๊กที่เธอทำให้เฉินมู่
ก่อนหน้านั้นเฉินจิ่งหยุ้นบอกกับเธอว่า เฉินมู่นั้นค่อนข้างเลือกทาน บางครั้งทานตามอารมณ์
มู่น่อนน่อนตักโจ๊กมาหนึ่งถ้วย แล้วเดินขึ้นตึกไปหามู่มู่
เธอผลักประตู สาวเท้าเดินเข้าไป แล้วกล่าวเบา ๆ อย่างอ่อนโยน:“มู่มู่ ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วจ้ะ!”
เฉินมู่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ ไม่มองเธอ ไม่พูดจา
เมื่อมู่น่อนน่อนเห็นเธอเป็นแบบนี้ ในใจก็เกิดความเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่ง แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเกลี้ยกล่อมให้เฉินมู่ทานอาหาร
เธอวางโจ๊กลงบนโต๊ะ จากนั้นเดินไปเพื่อจะอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา
“มู่มู่ ทานอาหารกับคุณแม่ดีไหม” มู่น่อนน่อนกล่าวกับเฉินมู่ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
แต่ว่าเฉินมู่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ยื่นมือจะไปอุ้มเธอ
ในตอนแรกเฉินมู่นั้นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ต่อมาก็เกิดการต่อต้านทันที พร้อมมีเสียงปฏิเสธเปล่งออกมาจากปาก
มู่น่อนน่อนกอดเธอไว้แน่น:“มู่มู่ เด็กดี นี่แม่เอง……แม่เป็นแม่ไง……”
การต่อต้านของเฉินมู่ค่อย ๆ เบาลง แต่ก็ยังไม่นิ่งสงบ
มู่น่อนน่อนอุ้มเธอไปวางลงบนเก้าอี้อย่างทุลักทุเล เพียงแต่ว่าเมื่อเฉินมู่นั่งลงแล้ว ก็ก้มหน้าเล่นเชือกของตัวเองต่อ
มู่น่อนน่อนตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งช้อนป้อนไปที่ริมฝีปากของเฉินมู่ แต่เธอไม่แม้แต่จะมอง
ไม่ว่ามู่น่อนน่อนจะหลอกล่ออย่างไร เฉินมู่ก็จมอยู่ในโลกของตัวเอง
มู่น่อนน่อนดึงช้อนกลับมาวางลงในถ้วย จากนั้นหันหลังไป ยื่นมือออกมาทาบที่ทรวงอกของตัวเอง แล้วกัดริมฝีปากแรง ๆ
เห็นเฉินมู่เป็นแบบนี้ เธอประหนึ่งถูกมีดกรีดกลางใจ
ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงดัง “แกร๊ง”เบา ๆ อย่างชัดเจนจากด้านหลัง
เมื่อเธอหันหน้าไป ก็เห็นเฉินมู่กำลังหยิบช้อนตักอาหารใส่ปากคำเล็ก ๆ
มู่น่อนน่อนใบหน้าประกายความดีใจ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปาก เฉินมู่ก็มองเธอแวบหนึ่งอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็โยนช้อนลงในถ้วยทันที จนเกิดเสียงดัง “แกร๊ง” ขั้น
มู่น่อนน่อนตกใจ หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป
หลังจากที่เธอเดินออกไป ก็ได้ปิดประตู แต่ว่าไม่ได้ปิดสนิท เปิดแง้มนิดหน่อยให้พอมีช่องเห็นภาพจากด้านใน
หลังจากที่เธอออกมาได้ประมาณสิบนาที เธอเห็นเฉินมู่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงมองไปรอบ ๆ เหมือนกำลังมองหาของบางอย่าง
จากนั้นเธอก็จ้องโจ๊กที่อยู่ตรงหน้าอยู่สักพัก แล้วก็ยื่นมือไปหยิบช้อนมาตักทาน
เมื่อก่อนเฉินมู่นั้น เวลาทานอาหารจะค่อนข้างเก่ง ตอนนี้ก็เช่นกัน
มู่น่อนน่อนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ในใจรู้สึกเจ็บแปลบ
เธอขยับไปด้านข้างสองก้าว เอนศีรษะไปพิงกับผนังแล้วเหม่อลอย
เธอไม่คิดถึงว่าลี่จิ่วเชียนจะลงมือกับเฉินมู่อย่างใจร้ายได้ขนาดนั้น
เฉินมู่ยังเด็กขนาดนั้น อยู่คนเดียวในห้องตอนที่ไฟลุกโชน และต่อมาก็ถูกเฉินถิงเซียวโยนลงมาจากตึกชั้นสามอีก……
เรื่องราวทั้งหมดนี้ สำหรับเด็กอายุที่เพียงสามขวบแล้ว มันน่ากลัวแค่ไหน
แต่ว่าตอนนั้นเธออยู่แห่งหนใด
การตำหนิติโทษตัวเองและความเสียใจค่อย ๆ แผ่ซ่านในใจ ก่อตัวโตขึ้นราวกับวัชพืชก็ไม่ปาน
ทันใดนั้นเสียงของเฉินจิ่งหยุ้นดังขึ้นจากด้านข้าง :“เธอรู้สึกผิดมากเหรอ”
เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เธอดูออกว่ามู่น่อนน่อนกำลังคิดอะไรในใจ
มู่น่อนน่อนไม่ได้มองไปทางเฉินจิ่งหยุ้น เธอในตอนนี้ไม่อยากจะคุยกับเฉินจิ่งหยุ้น
เฉินจิ่งหยุ้นเดินมาที่ด้านหน้าเธอ แล้วพูดช้า ๆ อย่างชัดเจนว่า :“เธอไม่ต้องโทษตัวเองหรอก มีหลายเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม เมื่อเทียบกับแม่บังเกิดเกล้าของเธอ กับพ่อของฉัน เธอถือว่าเป็นคุณแม่ที่ดีคนหนึ่งแล้ว”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นตอบกลับเธอ :“มาตรฐานของแม่ที่ดีไม่ได้ต่ำขนาดนี้”
เฉินจิ่งหยุ้นขมวดคิ้ว :“เธอทำไมถึงเหมือนกับก้อนหินเลย”
มู่น่อนน่อนเบือนหน้าไป ไม่อยากมองเธอ
“แล้วแต่เธอจะพูดอะไรเถอะ” เฉินจิ่งหยุ้นเดินมาที่ด้านหน้าประตูแล้วมองเข้าไปด้านในแวบนึงแล้วกล่าวขึ้น: “โดยปกติแล้ว อาหารที่ส่งมาให้นั้นมู่มู่จะทานน้อยมาก โจ๊กถ้วยที่เธอให้นั้น ดูเหมือนเธอจะชอบทานมาก ทานจนหมดเลย”
มู่น่อนน่อนพบว่าเฉินจิ่งหยุ้นไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วจริง ๆ
เธอจ้องเฉินจิ่งหยุ้น แล้วถามคำถามที่ค้างอยู่ในใจมานาน:“ทำไมเธอถึงกลับประเทศ”
เฉินจิ่งหยุ้นจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ฉับพลันเอื้อมมือออกมาดึงผมของตัวเองไว้ แล้วดึงกระตุกอย่างแรง…