ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 632 เป็นการไว้หน้าคุณ
ทันทีที่สิ้นเสียงมู่น่อนน่อน ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบอันน่าอึดอัด
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ต่อหน้ามู่น่อนน่อน ไม่มีการส่งเสียงโดยตลอด
มู่น่อนน่อนยื่นมือผลักเขา “พูดสิ!”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร หันตัวเดินออกไป
มู่น่อนน่อนกัดฟัน ชี้ด้านหลังของเขาพร้อมกับพูดว่า “เฉินถิงเซียว ถ้าวันนี้คุณออกไปทั้งแบบนี้ ก็รับผลที่ตามมาเอาเอง!”
แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่แค่เฉินถิงเซียวที่พูดจารุนแรงได้ เธอก็ทำได้!
เพียงแต่ ส่วนใหญ่แล้วที่เฉินถิงเซียวพูดจารุนแรงใส่เธอ ก็แค่พูดออกมาเพื่อทำให้เธอกลัวเท่านั้น ไม่ได้จะทำอะไรเธอจริงๆ
เฉินถิงเซียวเป็นคนปากร้ายใจดี
และมันแตกต่างจากมู่น่อนน่อน ปกติแล้วส่วนใหญ่เธอจะจิตใจอ่อนโยน แต่ถ้าเธอพูดจารุนแรงออกมา มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการพูดคำไหนคำนั้น
การก้าวของเฉินถิงเซียวหยุดเล็กน้อย หยุดขณะห่างจากมูน่อนน่อนสามเมตร จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยว่าจะหยุดอีกเลย
ปัง!
เสียงของประตูที่ปิดลงนั้นดังสนั่น เหมือนเป็นค้อนทุบหัวใจมู่น่อนน่อนอย่างรุนแรง ทะลวงหัวใจให้เจ็บปวด
มู่น่อนน่อนหมดเรี่ยวแรง เซไปทรุดลงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ก้มหน้ายกมือขึ้นกุมใบหน้า นานมากก็ไม่มีการเงยหน้าขึ้นเลย
……
มู่น่อนน่อนอยู่ในห้องของเฉินถิงเซียวเป็นเวลานาน
กระทั่งมีคนมาเคาะประตู
มู่น่อนน่อนถึงได้พบว่า นอกหน้าต่างเป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว
ที่แท้ก็เย็นแล้ว
“มาแล้ว” มู่น่อนน่อนส่งเสียงตอบข้างนอก ก่อนจะลุกขึ้นยืน
แต่เพราะเธอนั่งนานเกินไป สองขาจึงชาเล็กน้อย เอามือเท้าขอบโต๊ะครู่หนึ่ง ถึงบรรเทาอาการชาที่ขาลงได้บ้าง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกไป
เธอเปิดประตู มองเห็นสือเย่ยืนอยู่หน้าประตู เกิดอาการค่อนข้างคาดไม่ถึง
“ผู้ช่วยสือ? คุณมาได้ไง” บางครั้งสือเย่จะมาทานอาหารเย็นที่วิลล่า แต่ก็เป็นในตอนที่ก่อนหน้านั้นเฉินถิงเซียวทำงานที่บริษัท แล้วสือเย่มาส่งเขาในเวลาอาหารเย็นพอดี
ภายใต้สถานการณ์ปกติ สือเย่จะมาแค่ส่งเอกสาร และรายงานเรื่องงานกับเฉินถิงเซียว โดยพื้นฐานแล้วก็จะไม่อยู่นาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาหามู่น่อนน่อน
สือเย่มีสีหน้าลำบากใจ เขาขยับริมฝีปาก ดูเหมือนมีบางถ้อยคำที่ยากจะพูด ลังเลอยู่นานก็ไม่พูด
“มีอะไรก็พูดตรงๆ” ความสงสัยในใจมู่น่อนน่อนขยายขอบเขตไม่หยุด เรื่องอะไรที่สามารถทำให้สือเย่ผู้สุขุมสงบนิ่งอยู่เสมอมีลักษณะอึกๆ อักๆ เช่นนี้
สือเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนว่าในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ก้มหน้าลง พูดค่อนข้างเร็วกว่าที่เคยเป็น ฟังดูไม่เหมือนสงบนิ่งเช่นปกติ “คุณหญิงน้อย คนรับใช้ได้เก็บสัมภาระของคุณเรียบร้อยแล้ว และรถพร้อมแล้ว คุณสามารถไปได้ตอนนี้เลยครับ”
“หมายความว่ายังไง” สีเลือดบนใบหน้ามู่น่อนน่อนพลันจางหายไป หน้าซีดลงทีละน้อยๆ น้ำเสียงสั่นเครือ “คุณเงยหน้าขึ้นมองฉัน บอกฉันมาให้ชัดเจน นี่มันเรื่องอะไร!”
สือเย่ไม่ได้เงยหน้า “คุณชายฝากบอกว่า นี่คือบ้านของเขา ตอนนี้คุณกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น…..ตอนนี้คุณ……”
มู่น่อนน่อนขัดจังหวะคำพูดของสือเย่ “เฉินถิงเซียวไล่ฉันไปเหรอ”
สือเย่ไม่กล้าพูดอีก ใช้ความเงียบเป็นคำตอบรับโดยปริยาย
มู่น่อนน่อนก็รู้ ว่าครั้งนี้เธอกับเฉินถิงเซียวทะเลาะกันหนัก แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะถึงกับไล่เธอไป!
ตอนนั้นที่เฉินถิงเซียวพยายามทุกวิถีทางให้เธอมาอยู่ที่นี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะไล่เธอไปแบบนี้!
มู่น่อนน่อนยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเอง ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ย ก่อนจะพูดเสียงดัง “เฉินถิงเซียวล่ะ เขาอยู่ที่ไหน ฉันต้องการพบเขา! เขาจะไล่ฉันไป ก็ให้เขามาบอกกับฉันเอง!”
สือเย่เงยหน้าขึ้นเหลือบมองเธอ เม้มริมฝีปาก ไม่ได้ตอบรับ
เดิมทีมันเป็นเรื่องของเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนสองคน แต่เฉินถิงเซียวดันต้องการให้เขามาจัดการ
ครั้งแรกเขาได้รับคลื่นความรุนแรงอันเยือกเย็นของเฉินถิงเซียวก่อน ตอนนี้ต้องเผชิญกับความโกรธของมู่น่อนน่อนอีก
สือเย่รู้สึกว่า เป็นไปได้ว่าชาติก่อนเขาอาจจะเป็นหนี้บุณคุณอันใหญ่หลวงของเฉินถิงเซียว ดังนั้นชาตินี้จึงต้องมาทดแทนคุณ ถึงได้ถูกเฉินถิงเซียวไช้เยี่ยงทาส
มู่น่อนน่อนไม่ได้รับการตอบจากสือเย่ ความโกรธในจิตใจไม่ลดลงมีแต่จะเพิ่ม “ได้! คุณไม่บอกฉันว่าเฉินถิงเซียวอยูที่ไหน ฉันไปหาเขาเอง!”
เธอผลักสือเย่ เพิ่งก้าวไปก้าวเดียว ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉินถิงเซียว
ชุดสูทที่เฉินถิงเซียวสวมยังเป็นชุดเดียวกับที่เขาทะเลาะกับมู่น่อนน่อนในห้องทำงานก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอออกไปเมื่อเช้าได้เตรียมมันไว้ให้เฉินถิงเซียวเป็นพิเศษ
และตอนนี้เขา ใส่สูทตัวนั้นที่เธอเลือกให้เขาเมื่อเช้านี้ เดินมาตรงหน้าเธอ เพื่อขับไล่เธอไป!
มือของมู่น่อนน่อนที่ตกอยู่ข้างตัวกระชับเข้าหากันแน่นโดยอัตโนมัติ กำจนข้อนิ้วเริ่มเจ็บ
เธอจ้องมองเฉินถิงเซียวเขม็ง แม้ดวงตาก็ไม่มีการกะพริบสักนิด เพราะกลัวจะพลาดการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเดินมาตรงหน้าเธอ เลื่อนสายตาลงเหล่มองเธอ บนใบหน้าเจือความเฉยเมยไม่แยแสแสดงออกชัดว่าไม่มีการยอมอ่อนข้อให้
ดวงตาของเขาแปลกประหลาดและไร้ซึ่งความรู้สึก ขณะที่พูด แต่ละอย่างล้วนไม่หลงเหลือความผูกพันในอดีต “ผมให้สือเย่มาพูดกับคุณ เพื่อไว้หน้าคุณ แต่คุณต้องการให้ผมมาพูดเอง ได้ ผมจะช่วยให้คุณสมปรารถนา”
มู่น่อนน่อนควบคุมตัวเอง พยายามพูดน้ำเสียงราบเรียบ “คุณพูดมา”
“เราหย่ากันเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้จึงไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน” เฉินถิงเซียวไม่เคยพูดอะไรให้มากความ แต่ทันทีที่เขาพูด ล้วนแทงใจทุกถ้อยคำ
“ความหมายของคุณคือ……แยกทาง?” สองคำหลัง มู่น่อนน่อนแทบจะเค้นออกมา
“ส่วนแบ่งที่ควรให้คุณ ผมจะไม่ให้คุณน้อยแน่นอน ส่วนเฉินมู่ ตอนนี้คุณไม่สะดวกดูแลเธอ ก็ให้เธออยู่กับผมก่อน ถ้าต่อไปคุณต้องการสิทธิ์เลี้ยงดู ก็มาหาผมโดยตรง”
ความสงบของเฉินถิงเซียว กับน้ำเสียงเรียบนิ่งของเขา ในเวลานี้ล้วนแล้วแต่ทำให้มู่น่อนน่อนตัวสั่นน้อยๆ ท่าทางตื่นตระหนกจนผิดปกติ
เธอรู้ว่าเธอควรเรียนรู้ที่จะสงบเยือกเย็นอย่างเฉินถิงเซียว แต่เธอทำไม่ได้!
เธอมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่อยากเชื่อ “แม้แต่มู่มู่คุณก็ไม่ต้องการเหรอ”
“ไม่ว่ามู่มู่จะอยู่กับคุณหรืออยู่กับผม สำหรับผมมันก็เหมือนกัน ยังไงที่ไหลเวียนในตัวเธอทั้งหมดก็เป็นเลือดของผม”
เฉินถิงเซียวพูดถึงตรงนี้ ก็ชำเลืองมองมู่น่อนน่อน ยกข้อมือขึ้นมองดูเวลา ก่อนสายตาจะกลับไปตกที่ตัวมู่น่อนน่อน “ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก หวังว่าก่อนผมกลับมา คุณจะรีบออกไปโดยเร็ว”
เขาพูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป
“คุณชาย……” สือเย่เห็นสีหน้าท่าทางของมู่น่อนน่อน จึงเรียกเฉินถิงเซียวไว้อย่างค่อนข้างทนไม่ได้
เฉินถิงเซียวกวาดมองเขา น้ำเสียงสบายๆ “สือเย่ ผมเชื่อความสามารถในการจัดการของคุณ”
สือเย่ปวดหัว “……ผมเข้าใจแล้วครับ”
เฉินถิงเซียวก้าวกว้างเดินจากไป ไม่มีการหยุดหรือลังเลแม้แต่น้อย
“คุณหญิงน้อยครับ คุณ……” สือเย่หันหน้ากลับมา เห็นมู่น่อนน่อนยังคงมองไปยังทิศทางที่เฉินถิงเซียวจากไป คำพูดในตอนหลังไม่รู้จะพูดออกไปอย่างไร
มู่น่อนน่อนหายใจหนักครู่หนึ่ง น้ำเสียงนิ่งสงบกลับคืนมา “ผู้ช่วยสือ ฉันจะไปเอง ไม่ทำให้คุณลำบากหรอก หลังจากที่ฉันไม่อยู่ หากคุณมีเวลาว่างก็มาดูมู่มู่ด้วยนะ”