ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 634 คู่ควงของเขา
ทั้งคู่มองหน้ากันสามนาที ก่อนจะตั้งสติแล้วละสายตากันออกไป
หู้หยางเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่โอกาสในการเจอคนรู้จักนั้นสูงเกินไป
แค่ออกมาดูชุดเท่านั้น ก็สามารถประสบพบเจอคนที่ไม่ได้เจอมานาน
โลกนี้มันกลมจนง่ายต่อการเจอศัตรูจริงๆ
เวลานี้ ฉินสุ่ยซานก็ออกมาพอดี
“มู่น่อนน่อน ดูชุดนี้หน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง” ฉินสุ่ยซานถามเธอหน้าตายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าตัวเธอพอใจชุดนี้มาก
ชุดนี้ค่อนข้างดูดีกว่าชุดก่อนหน้านี้ มู่น่อนน่อนจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นก็เอาตัวนี้!” ฉินสุ่ยซานยิ้มแล้วหันหน้าไป แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าพลันจางหาย
เธอโน้มไปข้างหูมู่น่อนน่อนด้วยหน้าตาระมัดระวัง และถามว่า “ซูเหมียนมาเมื่อไร”
คนที่เพิ่งมองหน้ากันกับมู่มู่น่อนน่อน ก็คือซูเหมียน
มู่น่อนน่อนมองไปยังทิศทางของซูเหมียน แล้วตอบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เพิ่งมา”
ฉินสุ่ยซานสังเกตมู่น่อนน่อนอย่างระมัดระวัง พยายามค้นหาร่องรอยความรู้สึกอื่นๆ บนใบหน้าของเธอ แต่ในที่สุดฉินสุยซ่านก็ผิดหวัง
เธอไม่เห็นอารมณ์อื่นใดบนใบหน้าของมู่น่อนน่อนเลย
ซูเหมียนเคยมีเรื่องอื้อฉาวกับเฉินถิงเซียวมาก่อน ถึงสุดท้ายแล้วเว่ยป๋อของตระกูลเฉินจะออกมาปฏิเสธข่าวลือ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกว่า “จะมีคลื่นได้อย่างไรหากไร้ลม”
รวมถึงฉินสุ่ยซานที่เป็นคนใน ก็รู้สึกว่าระหว่างเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนนั้นไม่ธรรมดา
แต่ว่าเธอรู้สึกได้ ว่าเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนนั้นไม่ธรรมดายิ่งกว่า
ทว่ามู่น่อนน่อนปากแข็งเกินไป โดยพื้นฐานแล้วเธอแทบจะไม่รู้สิ่งใดเลย
ฉินสุ่ยซานเลิกล้มความคิดที่จะได้ฟังข่าวซุบซิบจากมูน่อนน่อน และพูดเดาว่า “หรือว่าเธอก็จะเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย”
คำพูดของฉินสุ่ยซานเตือนมู่น่อนน่อน
ซูเหมียนก็ทำงานในสถานีโทรทัศน์ การมีส่วนร่วมในงานแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“รีบไปเปลี่ยนชุด” มู่น่อนน่อนไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงดันฉินสุ่ยซานเข้าห้องลองชุด
ฉินสุ่ยซานปิดประตูไปด้วยและพูดไปด้วย “รอฉันนะ ฉันจะรีบออกมา”
มู่น่อนน่อนหันตัวไป พบว่าซูเหมียนไม่รู้เดินเข้ามาหาเธอเมื่อไร
อยากแกล้งทำเป็นไม่เห็น มันก็สายเกินไปแล้ว
“คุณมู่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทำไมรู้สึกว่าคุณดูผอมลงไปเยอะเลย” ซูเหมียนยืนอยู่ตรงหน้ามู่น่อนน่อน เชิดคางขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าแม้เจือรอยยิ้ม แต่ความเย่อหยิ่งที่ซึ่งลึกถึงกระดูกไม่อาจซ่อนได้
ซูเหมียนที่อยู่ตรงหน้า ก็เหมือนเฉินจิ่งหยุ้นในอดีตอีกคน
เพียงแต่ ซูเหมียนดูเก็บอารมณ์มากกว่าเฉินจิ่งหยุ้นในอดีตเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนเลิกคิ้ว นั่งบนโซฟาอย่างขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัว น้ำเสียงเกียจคร้าน “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณซู คุณดูอ้วนขึ้นเยอะนะ ช่วงนี้อาหารการกินคงดีมากแน่เลยใช่ไหม”
จู่ๆ มู่น่อนน่อนก็นึกไปถึงก่อนหน้านี้ตอนที่ซูเหมียนพูด ดูเหมือนจะพูดกับใครสักคน แต่ตอนนี้ ข้างๆ ซูเหมือนไม่มีคนอื่นเลย
คนที่มาดูชุดเป็นเพื่อนเธอ ทำไมอยู่ดีๆ ก็ไปแล้วล่ะ
ซูเหมียนโดนคำพูดของมู่น่อนน่อนเข้าไปจนสำลัก สีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย และไม่รู้ว่าคิดอะไร ไม่นานก็กลับเป็นปกติ “คุณมู่ล้อเล่นแล้ว ไม่จำเป็นว่าปัญหาต้องเป็นเพราะอาหาร บางทีอาจเป็นเพราะมีเรื่องที่สุขใจเกิดขึ้นก็ได้นะ……”
ซูเหมือนเบะปากยิ้มลึกขึ้น และพูดอย่างสื่อความหมายว่า “คุณมู่สีหน้าไม่ค่อยดี คงจะไม่เพราะมีเรื่องเศร้าอะไรเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนหรี่ตาเล็กน้อยมองซูเหมียน “คุณซูหวังให้ฉันเกิดเรื่องเศร้างั้นเหรอ”
เธอรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างในคำพูดของซูเหมียน
“ทำไมคุณถึงคิดกับฉันแบบนั้นล่ะ ถึงยังไงเราสองคนก็รู้จักกันมานาน แน่นอนว่าฉันหวังให้คุณประสบกับเรื่องที่มีความสุข……”
มู่น่อนน่อนมองซูเหมียน โดยไม่พูดอะไร
เธอเหลือบมองไปทางห้องลองชุด คิ้วขมวดเล็กน้อย ทำไมฉินสุ่ยซานยังไม่ออกมาอีก
ฉินสุ่ยซานอาจจะรู้สึกได้ถึงความวิตกกังวลของมู่น่อนน่อน ประตูห้องลองชุดที่เดิมทีปิดสนิท วินาทีต่อมาก็ถูกคนเปิดออกจากด้านใน
ฉินสุ่ยซานเดินออกมา หยิบการ์ดออกมายื่นให้พนักงานขายที่รออยู่ “ห่อชุดนี้ให้ด้วยค่ะ”
มู่น่อนน่อนจึงลุกขึ้นยืน “ไปได้แล้วใช่ไหม”
“อื้ม เดี๋ยวนี้เลย” ฉินสุ่ยซานตอบด้วยรอยยิ้ม
พนักงานเคลื่อนไหวรวดเร็ว ไม่ให้พวกเขาต้องรอนานนำชุดที่ห่อเรียบร้อยแล้วส่งให้
ฉินสุ่ยซานรับชุดที่ห่ออย่างดีแล้วจูงมู่น่อนน่อนเดินไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้พูดกับซูเหมียนสักคำ
แน่นอนว่าฉินสุ่ยซานรู้จักซูเหมียน แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก
พูดอีกนัยหนึ่ง ซูเหมียนไม่ถูกชะตาฉินสุ่ยซาน ฉินสุ่ยซานก็ไม่ถูกชะตาซูเหมียน
แต่ทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องในเชิงแข่งขัน ถ้าไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน โดยพื้นฐานแล้วทั้งสองคนจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน
ออกจากร้าน ฉินสุ่ยซานโน้มมาข้างๆ มู่น่อนน่อนและนินทา “เมื่อครู่ที่ฉันอยู่ในห้องลองชุด ได้ยินคุณคุยกับซูเหมียน ถึงไม่รู้ว่าพวกคุณคุยอะไรกัน แต่คนที่หาเรื่องคนอื่นก่อนนิสัยเสีย ซูเหมียนเจตนาไม่ดี เป็นคนร้ายลึก”
“งั้นเหรอ” แม้แต่ฉินสุ่ยซานก็รู้สึกแบบนี้ มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเธออาจจะคิดไม่ผิด ซูเหมียนไม่ได้มาคุยกับเธอโดยไม่มีเหตุมีผล
“เลิกพูดถึงเธอเถอะ พูดถึงเธอแล้วหมดสนุก พวกเราไปดูอย่างอื่นกัน……”
ฉินสุ่ยซานจูงมู่น่อนน่อนไปซื้อรองเท้า กระทั่งถึงตอนเย็นจึงไปทำผม เปลี่ยนชุดและไปยังสถานที่จัดงานด้วยกัน
งานกิจกรรมครั้งนี้ มีหลายผู้สนับสนุนที่ได้รับเชิญมางาน
เมื่อมู่น่อนน่อนเดินเข้าไป พบว่าคนภายในงานกิจกรรมมีมากกว่าที่เธอคิด
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่กิจกรรมใหญ่อะไร ตามหลักแล้ว คนที่มาควรจะมีไม่มากถึงจะถูก
ทันทีที่ฉินสุ่ยซานมาถึงงาน ก็ไปพูดคุยกับบรรดาคนที่มีความเกี่ยวข้องในงานของเธอ
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง นั่งมองคนไปๆ มาๆ ด้วยความเบื่อหน่ายสุดจะทานทน เอาเครื่องดื่มมาก็ดื่มไปไม่เท่าไร
“มู่น่อนน่อน!”
จู่ๆ ฉินสุ่ยซานก็รีบวิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมรีบร้อนขนาดนี้” มู่น่อนน่อนเหล่มองเก้าอี้ข้างๆ ส่งสัญญาณมองฉินสุ่ยซานให้มานั่งแล้วค่อยพูด
“ฉันไม่นั่งแล้ว ฉันเพิ่งได้ยินข่าวล่าสุด เฉินถิงเซียวกำลังจะมา!”
มู่น่อนน่อนฟังแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำ “มิน่าล่ะ……”
มิน่าคืนนี้ถึงมีคนมาร่วมงานเยอะมาก ที่แท้ทั้งหมดก็มาเพราะเฉินถิงเซียว
ฉินสุ่ยซานเห็นเธอเงียบ จึงถามว่า “คุณเป็นยังไง พูดหน่อยสิ”
“เขาจะมาก็มา มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน” มู่น่อนน่อนยกเครื่องดื่มที่ยังไม่พร่องขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
พนักงานเสิร์ฟเดินผ่านมาพอดี มู่น่อนน่อนหยิบแชมเปญหนึ่งแก้ว ดื่มไปกว่าครึ่งในชั่วอึดใจ
ฉินสุ่ยซานอ้าปากพะงาบๆ มองดูเธอเรอเพราะฤทธิ์แชมเปญ พลางพึมพำ “นี่เรียกว่าไม่เกี่ยวข้องเหรอ”
ดูไปแล้วไม่เพียงมีความเกี่ยวข้อง แต่ยังเกี่ยวข้องอย่างมากด้วย
แต่คำพูดนี้ฉินสุ่ยซานไม่ได้พูดออกมา
เวลานี้ ทันใดนั้นฝูงชนต่างมองไปยังทิศทางเดียวกัน แถมยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ซุบซิบกันด้วย
มู่น่อนน่อนไม่ต้องมองก็รู้ เป็นเพราะเฉินถิงเซียวมาแล้ว
ฉินสุ่ยซานเห็นมู่น่อนน่อนไม่มีแผนที่จะลุก จึงเดินไปดูความครึกครื้นคนเดียว
แต่ไม่นาน ฉินสุ่ยซานก็กลับมาอีกครั้ง
เธอพูดกับมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าที่หลากหลาย “เฉินถิงเซียวพาคู่ควงมาด้วย! คุณเดาไม่ได้แน่ว่าคู่ควงของเขาคือใคร!”