ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 636 บอกว่าแยกจากก็แยกจาก
เพิ่งสิ้นเสียงมู่น่อนน่อน ซูเหมียนก็กรีดร้องเรียกชื่อเธอเสียงแหลม “มู่น่อนน่อน!”
ความโกรธในน้ำเสียงไม่อาจซ่อนได้
เดิมทีซูเหมียนอยากโอ้อวดต่อหน้ามู่น่อนน่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วเฉินถิงเซียวก็เป็นผู้ชายที่ทำให้ซูเหมียนพลาดหลุดจากมือไป
ไม่ง่ายที่ตอนนี้เธอจะได้สเตจของผู้ชนะ แน่นอนว่าความคิดแรกของซูเหมียนคือต้องการอวดต่อหน้ามู่น่อนน่อน
แต่มู่น่อนน่อนกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย กลับกันยังบอกว่าเฉินถิงเซียวเป็นผู้ชายที่เธอใช้แล้ว จะให้ซูเหมียนไม่โกรธได้อย่างไร
มู่น่อยน่อนขดยิ้มมุมปาก สีหน้าสงบเรียบเฉย
เธอเงยหน้าขึ้น กำลังจะพูดต่อ แต่หางตาเหลือบไปเห็นเฉินถิงเซียวยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ดูเย็นชา จ้องมองมู่น่อนน่อนด้วยสายตานิ่งๆ
คำพูดของมู่น่อนน่อนมาถึงริมฝีปากแล้ว แต่จำต้องกลืนมันลงไป
เฉินถิงเซียว……เขา ได้ยินคำที่เธอเพิ่งพูดเหรอ
สายตาของมู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะไปตกที่ตัวเฉินถิงเซียวโดยอัตโนมัติ พยายามมองสีหน้าของเขา เพื่อคาดเดาว่าเขาได้ยินสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปหรือเปล่า
แต่เฉินถิงเซียวไม่ได้ให้โอกาสเธอ
เฉินถิงเซียวแค่มองจ้องตากับเธอก่อนจะเบี่ยงสายตาไปยังซูเหมียน
“ซูเหมียน”
เสียงต่ำลึกถึงกระดูกนั่นเธอคุ้นเคยดี ในเวลานี้เขากลับเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเธอ
ความโกรธจัดของซูเหมียนเมื่อครู่ เมื่อเฉินถิงเซียวเรียกชื่อเธอ ก็มลายหายวับไปทันที
เธอชำเลืองมองมู่น่อนน่อน แววตาภูมิใจในตัวเองแสดงออกชัด
จากนั้นเธอก็ทำเหมือนคนที่ได้กอบกู้ชื่อเสียง ก้าวกว้างเดินเข้าไปหาเฉินถิงเซียว
ซูเหมียนเดินไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว ลองหยั่งเชิงยื่นมือไปคล้องแขนของ “ไปเถอะค่ะ”
สายตาของมู่น่อนน่อนไปตกบนแขนของเฉินถิงเซียวที่ซูเหมียนจับอยู่
นิ้วเรียวขาวเนียน แถมยังทำเล็บอย่างวิจิตรงดงาม อยู่บนผ้าสูทสีเข้ม ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
หลังจากที่มือของซูเหมียนคล้องแขนของเขา ก็ไม่ได้มีการขยับออกอีก
เธอไม่ได้ขยับออก เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้มีการสะบัดมือของเธอออก
มู่น่อนน่อนอ้าริมฝีปากเล็กน้อย ถอนสายตาอย่างแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หันตัวเดินไปล้างมือหน้ากระจก
เฉินถิงเซียวไม่อยู่ต่อแม้สักวินาที หันหลังจากไปโดยมีซูเหมียนคล้องแขนไปด้วย
มู่น่อนน่อนเหลือบมองเห็นร่างของทั้งสองหายลับไป ถึงได้ปิดก๊อกน้ำอย่างเลื่อนลอย วางมือบนขอบอ่างล้างมือ สติสับสนวุ่นวาย
ซูเหมียนคล้องแขนเฉินถิงเซียวออกจากห้องน้ำ ยังเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกเฉินถิงเซียวสะบัดมือออก
ซูเหมียนมองมือตัวเองที่ถูกสะบัดออก ในใจพลันครุกรุ่น รีบก้าวเดินไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว ไปขวางทางเขา และถามด้วยเสียงเย็นชา “เฉินถิงเซียว คุณหมายความว่ายังไง เมื่อครู่คุณจงใจถูกไหม คุณกับมู่น่อนน่อน พวกคุณ……”
ทันทีที่เฉินถิงเซียวกวาดสายตามองมา ส่งผลให้เธอเงียบเสียงโดยอัตโนมัติ
สายตาของเขาหยุดที่มือของซูเหมียนครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่เร่งไม่ช้า “เมื่อครู่คุณไม่ได้ล้างมือ”
ซูเหมียนสีหน้าแข็งทื่อ อ้าปากเหวอ ริมฝีปากสั่นครู่หนึ่ง แต่แม้แต่คำเดียวก็พูดไม่ออก
เมื่อครู่เธอไม่ได้ล้างมือจริงๆ แต่เธอแค่เติมหน้าเท่านั้น
สถานการณ์แบบนั้นใครยังจะมีแก่ใจคิดล้างมือกันล่ะ
ต่อให้เธอไม่ได้ล้างมือ ในฐานะที่เป็นสุภาพบุรุษ พูดแบบนี้ออกมาให้เธออับอายได้ยังไง
“คุณ……”
ผ่านไปนานมาก แต่เธอก็เค้นออกมาได้แค่คำเดียว
เฉินถิงเซียวจัดปรับเสื้อผ้าตัวเอง แล้วยกมือขึ้นปัดๆ แขนตัวเอง ราวกับมีสิ่งสกปรกติดอยู่
สีหน้าของซูเหมียนยิ่งแย่ลง
เฉินถิงเซียวเบี่ยงตัวผ่านเธอ เดินตรงไปข้างหน้า ไม่มีความตั้งใจจะบรรเทาความอับอายเลยสักนิด
แม้ใจซูเหมียนจะค่อนข้างโกรธ แต่มันไม่ง่ายที่เฉินถิงเซียวจะเข้าหาเธอก่อน เธอไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ได้แต่ฝืนทนเดินตามไป
เฉินถิงเซียวก้าวกว้าง เดินอย่างรีบร้อน ซูเหมียนเดินบนรองเท้าส้นสูงตามเขาอย่างยากลำบาก
ซูเหมียนตามเขาไปสักพัก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เฉินถิงเซียว คุณรู้ไหมว่าเวลาเดินกับสุภาพสตรี ต้องพยายามคล้อยตามสุภาพสตรีหน่อย นั่นถึงเป็นสิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำ”
“คล้อยตาม?” เฉินถิงเซียวหัวเราะเย็นชา “ผมคิดว่าคนที่มีความรู้อย่างคุณซู จะไม่มีรสนิยมต่ำแบบนั้น ตอนนี้กำลังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผู้ชายต้องคล้อยตามผู้หญิงด้วยล่ะ”
ตอนที่เขาพูด ช่วงตาและคิ้วดูจริงจัง ทำให้ซูเหมียนไม่รู้เลยว่าควรโต้แย้งอย่างไร
ซูเหมียนไม่สามารถพูดอะไรกับเฉินถิงเซียวได้ จำต้องอดทนไปห้องจัดเลี้ยงกับเฉินถิงเซียวเงียบๆ
ถึงหน้าประตูห้องจัดเลี้ยง ซูเหมียนสงบจิตสงบใจ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย หันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว กำลังคิดจะยื่นมือไปคล้องแขนเขา แต่เธอคิดไปถึงคำพูดของเฉินถิงเซียวก่อนหน้านี้ จึงจำต้องยับยั้งความคิดนี้ลงไปอีกครั้ง
ความแปลกก็คือ หลังจากมาถึงห้องจัดเลี้ยง เฉินถิงเซียวเดินค่อนข้างช้า เหมือนจงใจปรับตัวให้เข้ากับจังหวะของเธอ
ซูเหมียนปลอบใจตัวเอง เมื่อครู่ที่เฉินถิงเซียวเดินเร็วมาก อาจจะรีบกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง
……
ไม่ว่าต่อหน้าซูเหมียนจะแสร้งทำเป็นว่าไม่สำคัญเพียงใด แต่เมื่อเห็นเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนพากันจากไป จิตใจมู่น่อนน่อนก็ยังเจ็บปวดหม่นหมอง
เธอหลอกคนอื่นได้ แต่กลับหลอกตัวเองไม่ได้
ภายนอก เธอดึงเกมกลับมาได้ต่อหน้าซูเหมียน
แต่ว่า เมื่อเฉินถิงเซียวยืนอยู่ตรงประตูห้องน้ำแล้วส่งเสียงเรียกชื่อซูเหมียน มู่น่อนน่อนก็รู้ว่า ความจริงแล้วเธอสูญเสียอย่างสมบูรณ์
ที่จริงเธอคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดเธอกับเฉินถิงเซียวถึงเดินมากันถึงจุดนี้
ความเฉียบขาดของเฉินถิงเซียว ทำให้เธอค่อนข้างงุนงง
แต่ปัญหาระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียว ก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่มาแค่วันสองวัน
และมันยิ่งค่อยๆ เพิ่มพูนสะสมขึ้นทุกวันๆ
บางครั้งเธอหงุดหงิดกับความเผด็จการของเฉินถิงเซียว แต่เมื่อเขาตัดสินใจไล่เธอขึ้นมาจริงๆ ยกเว้นความภาคภูมิใจเล็กๆ ที่เธอเหลือไว้ ที่ไม่ได้เอาสิ่งของอะไรจากเขามาเลย และมันก็ทำอะไรไม่ได้อีก
เฉินถิงเซียวเป็นคนเด็ดขาดมาก บอกว่าแยกทางก็แยกทาง ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
หึ
มู่น่อนน่อนหัวเราะเยอะกับตัวเอง เงยหน้าหลับตาสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของเธอกลับคืนสู่ความสงบดังเดิมแล้ว
ทันทีที่เธอออกไป ก็พบว่าฉินสุ่ยซานมาหาเธอ
ฉินสุ่ยซานเห็นเธอ อดไม่ได้ที่จะทำตาดุใส่ “ฉันคิดว่าคุณตกหลุมไปแล้ว นานมากก็ไม่ออกมา”
มู่น่อนน่อนเสยผมตัวเอง พูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ท้องเสียน่ะ เลยนั่งนานไปหน่อย”
ฉินสุ่ยซานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างสบายๆ ว่า “ท่านนักเขียนบทใหญ่มู่ คุณมีภาพลักษณ์ไอดอลหน่อยได้ไหม”
“ไปเถอะ จบงานเลี้ยงที่น่าเบื่อนี่ให้เร็วที่สุด แล้วเราไปดื่มกัน” มู่น่อนน่อนยกมือขึ้นโอบไหล่ฉินสุ่ยซาน พาเธอไปยังห้องจัดเลี้ยง
ฉินสุ่ยซานถูกบังคับให้เดินตามมู่น่อนน่อน ขณะที่เดินเธอก็หันหน้าไปมองมู่น่อนน่อนด้วย “ดื่มเหล้าเหรอ คุณจะไปดื่มจริงเหรอ ไปดื่มที่ไหน”
มู่น่อนน่อนหยุดก้าวเท้า ครุ่นคิด ก่อนจะหันไปยิ้มเล็กๆ ให้ฉินสุ่ยซาน ริมฝีปากสีแดงขยับเปิดบางเบา “จีนติ่ง”