ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 647 คุณวุ่นวายอะไรอีก
ช่วงเย็น
มู่น่อนน่อนไปจีนติ่งตามเวลานัด
เมื่อเธอไปถึง กู้จือหยั่นรออยู่ในห้องวีไอพีส่วนตัวแล้ว
สวมเชิ้ตสีชมพูที่ดูน่าหมั่นไส้มาก
“น่อนน่อน รีบเข้ามานั่งเร็ว” กู้จือหยั่นช่วยเลื่อนเก้าอี้ออกให้มู่น่อนน่อนอย่างมีน้ำใจ ส่งสัญญาณให้เธอมานั่ง
มู่น่อนน่อนรู้ชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่กู้จือหยั่นมีน้ำใจขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเสิ่นเหลียง
มู่น่อนน่อนยิ้มพลางส่ายหน้า “ฉันทำเอง”
จากนั้นเธอก็ดึงเก้าอี้ออกนั่งเอง
กู้จือหยั่นเกาศีรษะ ยิ้มอย่างเขินๆ จากนั้นก็จัดๆ เสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเอง และยิ้มร่าให้มู่น่อนน่อน “น่อนน่อน คุณว่าชุดผมเป็นยังไง รุ่นลิมิเต็ดเลยนะ ผมสั่งให้ผู้ช่วยไปสั่งจองมาให้ผมเชียวล่ะ!”
“อืม” มู่น่อนน่อนมองครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดี”
บุคลิกของกู้จือหยั่นเมื่อเทียบกับเฉินถิงเซียว จะค่อนข้างต่างกัน สามารถเห็นความแตกต่างบางอย่างได้จากอาหารและเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน
“คุณดูละเอียดหรือยัง” กู้จือหยั่นดึงๆ กระเป๋าเล็กๆ บนเสื้อของตัวเอง ชี้ที่หัวแมวเล็กๆ บนขอบกระเป๋าและพูดว่า “คุณเห็นนี่ไหม นี่เป็นความพิเศษของเสื้อตัวนี้เลยนะ!”
“………”
มู่น่อนน่อนอ้าปากเล็กน้อย จ้องมองชุดของเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
เธอไม่เข้าใจจริงๆ เสื้อสีชมพูสำหรับผู้ชาย หัวแมวเล็กๆ ที่ปักตรงกระเป๋าเสื้อบนอกมันมีอะไรพิเศษ
เสื้อผ้าสไตล์นี้ เธอที่เป็นผู้หญิงเคยเห็นมาไม่น้อย
มู่น่อนน่อนมองเสื้อของเขาอีกครั้ง แล้วย้ำคำพูดของเขาอีกรอบ “พิเศษ?”
“อืม? เป็นยังไง”
กู้จือหยั่นมองด้วยสายตาคาดหวัง มู่น่อนน่อนพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง “อืม ไม่เลว”
แม้มู่น่อนน่อนจะชมอย่างไม่จริงใจ แต่เวลานี้กู้จือหยั่นอารมณ์ดีมาก จึงไม่ได้ฟังให้ละเอียด
กู้จือหยั่นได้คำชมจากมู่น่อนน่อน จึงกลับลงไปนั่งบนเก้าอี้ จัดๆ แขนเสื้อ จัดระเบียบคอเสื้อ จากนั้นก็รินน้ำให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนคุ้นเคยกับรูปแบบความสัมพันธ์ของกู้จือหยั่นกับเสิ่นเหลียงนานแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่กู้จือหยั่นเป็นแบบนี้
ไม่ช้า เสิ่นเหลียงก็มา
เสิ่นเหลียงเพิ่งออกรายการ เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงค่อนข้างบาง และแต่งหน้าอย่างดี
ทว่า หลังจากเสิ่นเหลียงเข้ามาใกล้ มู่น่อนน่อนสามารถมองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเธอได้
“เสี่ยวเหลียง” มู่น่อนน่อนเรียกเธอด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นเหลียงยิ้มตอบและเดินเข้ามา
กู้จือหยั่นซึ่งรอคอยการมาของเสิ่นเหลียงมาตลอดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เวลานี้กลับไม่มีเสียง สีหน้าท่าทางเย็นชาเป็นพิเศษ
มู่น่อนน่อนแอบประหลาดใจ ผู้ชายเปลี่ยนสีหน้าไวกว่าพวกผู้หญิงเสียอีก
กู้จือหยั่นเป็นตัวอย่างที่ดีมาก
มู่น่อนน่อนเพียงเหลือบมองกู้จือหยั่น ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ลุกขึ้นมาดึงเก้าอี้ออกให้เสิ่นเหลียง “นั่งเร็ว”
“สุภาพทำไมกัน ตกใจหมด” แม้ปากเสิ่นเหลียงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็ยังนั่งลง
หลังจากเธอนั่งลง ก็ไม่ได้มองกู้จือหยั่นเลย แค่หันหน้าไปคุยกับมู่น่อนน่อน “ที่จริง ต่อให้เธอไม่นัดฉัน ฉันก็อยากมาหาเธอ แต่ตารางงานสองวันนี้มันยกเลิกไม่ได้ และก็กังวัลว่าเธอจะยุ่งอยู่กับการเขียนบท จึงไม่ได้มาหาเธอ”
“มาหาฉัน?” มู่น่อนน่อนแปลกใจเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรเหรอ”
โดยทั่วไปแล้ว ในสถานการณ์ที่ทั้งคู่ต่างยุ่ง หากเสิ่นเหลียงนึกอยากมาหาเธอ ก็ต้องแน่นอนว่ามีเรื่องสำคัญ
เสิ่นเหลียงสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดว่า “เรื่องกิจกรรมวันนั้น ฉันได้ยินว่า บอสใหญ่พาซูเหมียนไป”
สีหน้าของมู่น่อนน่อนนิ่งไป สังเกตได้ว่าบรรยากาศรอบกายค่อนข้างเย็น ก่อนจะแย้มยิ้มปรับบรรยากาศ “แม้แต่เธอก็ได้ยิน ดูเหมือนว่าในวงการนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่หลบซ่อนได้เลยจริงๆ”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำตรงหน้าด้วยสีหน้าปกติ จรดริมฝีปาก ดื่มลงไปช้าๆ
แต่เสิ่นเหลียงกลับมองเธอตลอดเวลา เหมือนอยากมองให้ทะลุผ่านตัวเธอ
ทำไมเสิ่นเหลียงจะมองไม่ออกว่าเธอแกล้งทำเป็นสงบ
เสิ่นเหลียงจ้องมองเธออยู่หลายนาที จากนั้นจึงหันหน้าไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองมาดื่มบ้าง
ตั้งแต่เริ่มกู้จื่อหยั่นถูกทิ้งโดยสมบูรณ์ ขณะที่พวกเธอทั้งสองกำลังเงียบ ในที่สุดก็หาโอกาสขัดจังหวะได้
กู้จือหยั่นดันเมนูมาตรงหน้าเธอ ไร้ซึ่งการแสดงออกบนสีหน้า น้ำเสียงดูเย็นชามอง “สั่งอาหารสิ”
เสิ่นเหลียงเหลือบไปที่กู้จือหยั่นราวกับกำลังดูอะไรที่แปลกประหลาด “ไม่ได้เจอหน้ากันไม่นานเลยนะ คุณวุ่นวายอะไรอีก”
“เสิ่นเสี่ยวเหลียง โปรดระวังน้ำเสียงที่คุณพูดด้วย” กู้จือหยั่นเชิดคางขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงขณะที่พูดราบเรียบ
อย่าว่าแต่เสิ่นเหลียง แม้แต่มู่น่อนน่อนยังตกใจจนตาแทบถลน
กู้จือหยั่นพล่ามอะไรออกมา
เสิ่นเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกอดอกเอ่ยถามกู้จือหยั่น “คุณให้ฉันระวังน้ำเสียงงั้นเหรอ”
“แล้วไม่อย่างนั้นเหรอ หรือว่าผมต้องพูดกับน่อนน่อน” กู้จือหยั่นยังคงสีหน้าเรียบเฉย
เสิ่นเหลียงขดยิ้ม วินาทีต่อไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหายไป และเอื้อมมือไปตบศีรษะกู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นกุมศีรษะตัวเอง สีหน้าบึ้งตึงทันที “บอกแล้วว่าให้คุณอ่อนโยนหน่อย พวกบรรดาแฟนคลับของคุณต่างเป็นห่วงว่าคุณเป็นแบบนี้จะหาแฟนไม่ได้ นี่คุณยังจะดุร้าย……”
ตบนี้ของเสิ่นเหลียง เป็นการแสดงร่างที่แท้จริงของกู้จือหยั่น
เสิ่นเหลียงส่งเสียงเยาะ “แฟนคลับชอบวิถีทางของฉัน เป็นแฟนสาวป่าเถื่อนน่ะ เข้าใจไหม”
สายตาของกู้จือหยั่นกวาดผ่านตัวเสิ่นเหลียง แล้วเยาะเย้ยเธอว่า “ป่าเถื่อนก็ป่าเถื่อน แต่แฟนสาวหมายถึงอะไร คุณดูตัวเองตอนนี้ แม้แต่ข่าวคราวกับผู้ชายก็ไม่มี พูดอะไรแฟนสาวป่าเถื่อน……”
“กู้จือหยั่น! คุณอยากมีเรื่องใช่ไหม!” เสิ่นเหลียงพูดอย่างนั้นแล้วยกมือจะตบโต๊ะ
เพียงแต่ ตอนที่มือของเธอกำลังจะตกลงไป กลับถูกกู้จือหยั่นจับไว้
เขาสีหน้าไม่ค่อยดี “อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะตบโต๊ะ ถ้าเจ็บมือขึ้นมาดูสิว่าคุณจะออกรายการยังไง”
“นายทุน! คิดแต่เรื่องรายการ คิดแต่เรื่องที่จะช่วยให้คุณได้เงิน!” เสิ่นเหลียงถลึงตามองเขาอย่างเกลียดชัง สะบัดมือออก ไม่สนใจเขาอีก
มู่น่อนน่อนเห็นว่าในที่สุดทั้งสองคนก็หยุด ถึงได้ส่งเสียงว่า “เอาล่ะ สั่งอาหารเถอะ”
เสิ่นเหลียงกับกู้จีอหยั่นสองคนนี้ ทะเลาะกันเมื่อไรก็เหมือนเด็กสองคน ต้องทะเลาะกันให้ได้ถึงจะพอใจ
แต่หลังจากนั่งกันเงียบๆ สงบๆ ชายสง่างาม หญิงสะสวย ยังเป็นคู่ที่เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก
แค่ไม่รู้ว่า ระหว่างพวกเขา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
มู่น่อนน่อนถอนหายใจ
ความสัมพันธ์แบบนี้ ยากเกินไปที่จะขบคิด
แต่เดิมเธอคิดว่า นิสัยดื้อรั้นอย่างเฉินถิงเซียว ต่อให้เธอพูดว่าเลิกจริงๆ เฉินถิงเซียวก็จะไม่มีทางเห็นด้วย
ทว่า เฉินถิงเซียวไม่เพียงเห็นด้วย ยังไล่เธอออกมาอีกต่างหาก
คิดมาถึงตรงนี้ มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง
โศกนาฏกรรมส่วนใหญ่ในชีวิตคนเรา ล้วนเป็นเพราะการหลอกตนเองและผู้อื่น
คนเรายิ่งมีชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะเท่าไร ถึงจะยิ่งง่ายและอิสระ
แต่ก็มีคนบอกว่า การใช้ชีวิตอยู่อย่างวุ่นวายหน่อยถึงจะมีความสุข