ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่189 ผู้ก่อตั้งบริษัทเสิ้งติ่ง
บทที่189 ผู้ก่อตั้งบริษัทเสิ้งติ่ง
ฝีเท้าของเฉินถิงเซียวหยุดลง “กลับไปแล้วค่อยคุย”
เขาพูดอย่างนี้แล้ว มู่น่อนน่อนก็เข้าใจขึ้นมา เขาไม่มีทางจะไม่สนใจเรื่องนี้
เป็นอย่างที่คิด ทันทีที่กลับไปถึงบ้าน เฉินถิงเซียวก็ตรงเข้าห้องทำงานไป
มู่น่อนน่อนกลับไปยังห้องนอน คิดว่าจะเขียนต้นฉบับในโทรศัพท์ แต่เขียนไปเขียนมา ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปในWeibo ดูว่าในWeiboมีการแฉเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทเสิ้งติ่งหรือเปล่า
ประเด็นนี้ตอนแรกเริ่มนั้นยังวนเวียนอยู่กับซือเฉิงหยู้และมู่น่อนน่อน ความคิดเห็นและWeiboที่ด่าบริษัทเสิ้งติ่งไม่ได้เยอะเลย
แต่ก็เริ่มจะมีเค้าลางว่าจะมีการขุดประวัติศาสตร์มืดของบริษัทเสิ้งติ่งพวกนั้นออกมาเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนก็เคยสืบหาข้อมูลของบริษัทเสิ้งติ่งมาแล้วเหมือนกัน ก็พอจะมีประวัติที่ไม่ดีนิดๆหน่อยๆอยู่บ้าง แต่เพราะว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นแล้วก็ยังนับได้ว่าใสสะอาดเลยทีเดียว
มู่น่อนน่อนคิดอะไรไม่ออกเลย จึงได้ถือคอมเดินออกไปหาเฉินถิงเซียวที่ห้องทำงาน
ยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงาน เธอเคาะประตูเป็นนัยออกไป จากนั้นค่อยๆแง้มประตูออกมาเบาๆ ชะโงกหน้าเข้าไป “ฉันเข้ามารบกวนคุณหรือเปล่าคะ?”
มือหนึ่งถือคอม มือหนึ่งยันเอาไว้ที่ประตู โน้มตัวชะโงกหน้าเข้าไปตรงประตูที่แง้มออกมา ท่าทางดูมีมารยาทและระมัดระวังอย่างมาก ทำเอาเฉินถิงเซียวหลุดยิ้มออกมา
เขาเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้ม “คงจะรบกวนผมเข้าแล้วล่ะ”
มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เขา
เธอเห็นว่าทันทีที่เขากลับมาก็เข้าไปในห้องทำงานทันที นึกว่าเขาจะร้อนใจกับเรื่องนี้ กลัวว่าจะไปรบกวนเขาให้จริงๆ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังมีกะจิตกะใจมาหยอกล้อเธออยู่อีก
มู่น่อนน่อนปิดประตูลง ถือคอมพิวเตอร์เดินอ้อมไปด้านหลังโต๊ะทำงาน สายตาจรดลงไปที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เขาเองก็กำลังดูWeiboอยู่เหมือนกัน แล้วยังเปิดหน้าต่างเว็บอื่นอยู่อีกด้วย ชื่อของหน้าเว็บอื่นก็คือ “ตัวอย่างการประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ” “สิ่งที่ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับบริษัทเสิ้งติ่ง…” ช็อก! ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงแห่งหนึ่ง…” หัวข้อเรื่องอะไรทำนองนี้
มู่น่อนน่อนถามเขาออกไปด้วยความอยากรู้ “นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?”
“คุณคิดว่าผมกำลังทำอะไร ผมก็ทำอย่างนั้นนั่นแหละ” เฉินถิงเซียวปิดหน้าต่างที่เปิดดูเสร็จแล้วพวกนั้น พร้อมดึงมู่น่อนน่อนเข้ามาสู่อ้อมแขน
มู่น่อนน่อน “…”
เธอนี่ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
จึงได้คิดว่าเรื่องเล็กๆอย่างนี้จะทำให้เฉินถิงเซียวตกอยู่ในความกดดันได้
เฉินถิงเซียวก้มลงไปจูบเธอ
มู่น่อนน่อนผลักออก พร้อมเอ่ยถามออกไป “เรื่องนี้อันที่จริงแล้วจัดการได้ง่ายนิดเดียว คุณยอมรับความสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ หรือไม่ก็ให้ฉันกับพี่ใหญ่ออกไปชี้แจงสักหน่อยก็ได้ ไม่เห็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นเลยนี่คะ”
หลังจากที่ความสัมพันธ์ของซือเฉิงหยู้กับเฉินถิงเซียวเปิดเผยออกไป คนที่หยิบเอาประเด็นเรื่อง “บริษัทเสิ้งติ่งต้องปฏิบัติต่อซือเฉิงหยู้ให้ดี” มาแสดงความคิดเห็นกันใหญ่โต จะได้หุบปากกันไปได้เสียที
“ไม่ได้” เฉินถิงเซียวส่ายหน้า “ถึงตอนนั้นแล้วพวกเขาก็จะพุ่งเป้าโจมตีไปที่พี่ใหญ่ หรือไม่ก็จะพุ่งเป้าไปที่คุณ บางทีจากวิธีที่คุณพูดมา มันอาจจะสามารถจัดการเรื่องครั้งนี้ได้ง่ายๆ แต่มันอาจจะเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากในอนาคตก็ได้”
มู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร
ในใจของเธอ อันที่จริงคิดว่าสิ่งพวกนี้มันไม่ได้มีอะไรเลย
ซือเฉิงหยู้เป็นนักแสดง เดิมทีก็เป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว นั่นก็คือมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสายตาของประชาชน เพราะว่ามีอิทธิพลต่อสาธารณะ ก็เลยต้องแบกรับความรับผิดชอบที่พึงปฏิบัติ นี่มันเป็นเรื่องปกติ
แต่ตอนนี้เธอเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง ไม่ใช่คนดังและก็ไม่นับว่าเป็นคนในวงการเลยด้วยซ้ำ คนพวกนี้ถึงแม้ว่าจะมีความสงสัยใคร่รู้ต่อเธอ โต้แย้งกันไปสักพักไม่นานมันก็ผ่านไปแล้ว
ทั้งๆที่มีวิธีที่มันง่ายกว่าอยู่แล้วแท้ๆ แต่เฉินถิงเซียวก็ดันเลือกวิธีที่มันซับซ้อนกว่ามาจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้
เฉินถิงเซียวแค่ไม่ต้องการให้เธอกับซือเฉิงหยู้ได้รับผลกระทบเพียงเท่านั้น
ตรงจุดนี้ ในช่วงเวลานี้เองมู่น่อนน่อนก็มองมันออกได้อย่างแจ่มแจ้งขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
อิงจากหลายปีนี้ ข่าวฉาวและเรื่องไม่ดีของซือเฉิงหยู้ไม่มีเลยแม้แต่น้อย มันก็พอที่จะสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นได้ปกป้องเขามากแล้ว
ในวันปกติแล้วเฉินถิงเซียวจะเป็นคนที่มีนิสัยเย็นชาคนนึง ตอนที่ดีต่อคนอื่น ก็จะไม่มีการพูดจาอะไร ก็เลยจะถูกคนละเลยไปง่ายๆ
เฉินถิงเซียวที่เป็นอย่างนี้ จะให้เธอไม่หวั่นไหวได้ยังไง
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นไปจูบลงบนริมฝีปากเขาเบาๆ “ให้กำลังใจคุณค่ะ”
เพิ่งจะจูบเสร็จ มู่น่อนน่อนก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาเล็กน้อย
เธอกำลังนั่งอยู่บนขาของเฉินถิงเซียว การตอบสนองของร่างกายเขา มู่น่อนน่อนรู้สึกได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
“คุณ…”
แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้ทำอะไรเธอ เพียงแค่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ตอนนี้ต้องทำงาน ไม่อาจให้ของขวัญตอบกลับคุณได้ รอคืนนี้นะ”
พูดจบ ก็ยังจงใจดันขึ้นมาเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนหน้าแดงออกมา “พรึบ” ลุกลงไปจากขาของเขาทันที เตะเขาไปทีนึงด้วยความไม่พอใจ “หน้าไม่อาย”
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้โกรธ แต่ได้เบนสายตามองไปยังบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เปิดไฟล์เอกสารเปล่าออกมา เหมือนเตรียมที่จะเขียนอะไรบางอย่าง
มู่น่อนน่อนคาดว่าเขาก็คงจะต้องร่างเอกสารประชาสัมพันธ์แน่เลย
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่รบกวนเขา กอดคอมเดินหนีไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ถอดรองเท้างอขานั่งบนโซฟา เอาคอมวางลงบนตัว ค่อยๆเขียนต้นฉบับไปช้าๆ
สิ่งที่ค่อนข้างจะน่าแปลกใจเลยก็คือ เธออยู่ในห้องนอนใจก็เอาแต่กระสับกระส่ายอยู่ตลอด มาถึงที่นี่ นึกไม่ถึงว่าจะสงบลงได้ ไอเดียก็ไหลลื่น แรงบันดาลใจก็เกิดขึ้นมาเร็วเสียจนผิดปกติ
รอจนถึงตอนที่เธอเขียนเสร็จ ถึงได้พบว่าเกือบห้าโมงไปแล้ว
พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเฉินถิงเซียวยังนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนกับว่าจะกำลังลบแล้วลบอีก ขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางดูจริงจังสุดๆ
เฉินถิงเซียวถือเมาส์ไม่รู้ทำอะไร ลุกยืนขึ้น “นี่ก็ดึกแล้ว ไปกินข้าวเถอะ”
มู่น่อนน่อนวางคอมลงแล้วเดินเข้าไป เอ่ยพูดออกไปด้วยความอยากรู้อยู่นิดหน่อย “คุณเขียนมาทั้งบ่าย เขียนอะไรหรอคะ?”
“คุณเขียนอะไรล่ะ?” เฉินถิงเซียวมองไปที่คอมของเธอ
มู่น่อนน่อน “บทละครไงคะ”
“ให้ผมดูหน่อยสิ”
“ไม่…” มู่น่อนน่อนคุยเรื่องบทกับเสิ่นเหลียงได้ แต่เอาให้เฉินถิงเซียวดู มันรู้สึก…น่าอายแปลกๆ
เฉินถิงเซียวเหมือนราวกับว่าไม่ได้คิดจะดูจริงๆ “งั้นก็ไปกินข้าว”
ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาเขียนอะไรอยู่หรอ? มันจำเป็นจะต้องอ้อมค้อมใหญ่โตขนาดนี้มั้ย เล่นเสียซับซ้อนขนาดนี้
มู่น่อนน่อนเดินอยู่ข้างหน้าก็ลงบันไดไปแล้ว เฉินถิงเซียวเดินช้าๆอยู่ข้างหลัง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากู้จือหยั่น “ฉันโพสต์Weiboไปอันนึง นายไปแชร์ให้หน่อย”
“หา Weiboนายครั้งที่แล้วยังใช้บัญชีฉันไปแสดงความคิดเห็นเลยนี่?” ตรงจุดที่กู้จือหยั่นสนใจนั้นมันผิดไปอย่างเห็นได้ชัดเลย
เขาพูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอันเยือกเย็นออกมาจากทางปลายสาย ไม่มีรูปไม่มีเสียง แต่กลับทำให้แผ่นหลังของเขาเย็นเฉียบขึ้นมา
“โอเคๆๆ นายส่งชื่อมาให้ฉัน ฉันติดตามนายก่อน แล้วค่อยแชร์ให้นาย”
“หลังจากแชร์แล้ว ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์หยุดไปก่อนสักพัก คืนนี้ค่อยมารับช่วงต่อ” เฉินถิงเซียวพูดจบก็วางสายไป เอาไอดีWeiboของตัวเองส่งไปให้กู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นเสิร์ชไอดีของเฉินถิงเซียว ตอนที่เห็นข้อความยาวเหยียดในWeiboของเขาแล้ว แข็งค้างอยู่สักพักนึง พูดออกมาว่า “เชี้ย” ติดๆอยู่หลายคำ จากนั้นก็เอาข้อความยาวเหยียดในWeiboของเขาแชร์ไปที่Weiboของตัวเอง
ตอนกินข้าว มู่น่อนน่อนก็ยังถือโทรศัพท์เพื่อที่จะเลื่อนดูWeibo ความคืบหน้าและสถานการณ์ของเรื่องที่ติดตาม แต่ผลก็คือโทรศัพท์ของเธอได้ถูกเฉินถิงเซียวยึดไป
เอ่ยเสียงเย็นๆออกมาสองคำ “กินข้าว”
มู่น่อนน่อนจึงจำต้องกินข้าวไปอย่างว่าง่าย แล้วค่อยเอาโทรศัพท์มาอีกที
วีแชทของเธอถูกข้อความของเสิ่นเหลียงส่งเข้ามาจนแทบจะระเบิด เธอไม่ได้รีบร้อนเข้าไปอ่าน แต่ได้เข้าไปที่Weiboแทน
หัวข้อคำค้นหายอดนิยมที่ติดอันดับหนึ่งบนWeiboค่อนข้างแปลกนิดหน่อย
“XNผู้ก่อตั้งบริษัทเสิ้งติ่ง?” หมายความว่าอะไร?