ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่211 แกมีคุณสมบัติอะไรมาคุยกับฉัน?
บทที่211 แกมีคุณสมบัติอะไรมาคุยกับฉัน?
มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงสบตากัน เห็นความไม่มีอะไรจะพูดในสายตาของกันและกัน
มู่น่อนน่อนไม่ได้เห็นเสิ่นชูหานมานานมากแล้ว แต่ว่าพอเขาเจอเธอก็มาพูดอะไรแบบนี้ ป่วยทางจิตจริงๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ”เสิ่นเหลียงบีบแขนมู่น่อนน่อนเบาๆ พร้อมกับกระซิบถาม
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าให้เธอ “ฉันรู้ที่ไหนล่ะ ไปกันเถอะ”
เธอเคยชอบเสิ่นชูหานจริงๆ และก็เคยรู้สึกกระวนกระวายเหมือนกวางตัวน้อยกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ เมื่อได้เจอเขา
แต่ว่าหลังจากนั้น…… เธอเองก็ไม่ได้ชอบเสิ่นชูหานตั้งนานแล้ว
แต่ว่าเสิ่นชูหานไม่ได้วางแผนจะยอมแพ้แค่นี้ เขาวิ่งไปขวางตรงหน้าของมู่น่อนน่อน ขวางทางของเธอเอาไว้
“น่อนน่อน พวกเรารู้จักกันมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ฉันเป็นคนยังไง เธอก็น่าจะรู้นะ” เสิ่นชูหานพูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุดไป เหมือนกับว่ากำลังพิจารณาคำพูดต่อไปอยู่
วันนี้มู่น่อนน่อนออกมาเพื่อพักผ่อน แต่ว่าการที่เสิ่นชูหานมารบกวนไม่รู้จบแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็จับผมยาวของตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นายจะเป็นคนยังไงฉันไม่รู้ สิ่งที่ฉันรู้ก็คือ ถ้านายมีอะไรที่อยากจะพูดละก็ไปหามู่หวั่นขีนู่น เธอต่างหากที่เป็นแฟนของนาย”
“เธอไม่ใช่แฟนของฉัน พวกเราเลิกกันแล้ว” เสิ่นชูหานปฏิเสธอย่างชัดเจนมาก
มู่น่อนน่อนยกมุมปาก ทิ่มแทงเขาอย่างไร้ความปรานีว่า “อ้อ พอนายเลิกกับเธอแล้วก็เลยมาหาฉันยังงั้นเหรอ? ฉันเป็นคนเก็บขยะหรือยังไง? ”
“น่อนน่อน!”สีหน้าของเสิ่นชูหานเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นขมวดคิ้วแน่น เหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่ามู่น่อนน่อนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“ขอโทษด้วยนะ อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าฉันพูดผิดตรงไหนนะ”มู่น่อนน่อนมองไปที่เขาพร้อมกับยิ้มอย่างเสแสร้ง “นายยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม? ”
“น่อนน่อน ก่อนหน้านี้พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ฉันรู้ว่าเธอกับเฉินถิงเซียวไม่ได้แต่งงานกัน ขอแค่เธอยอมห่างจากเขา แล้วมาหาฉัน ฉัน……”
ประโยคหลังของเขายังไม่ทันพูดออกมา ก็ถูกคนหนึ่งพุ่งออกมาจากข้างถนนแล้วก็ปล่อยหมัดเข้าให้ที่ใบหน้าของเขา
เขาไม่ทันได้ระวังตัว ก็ล้มลงไปตรงนั้นแล้วก็เกิดเสียง “ตุ้บ”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงตกใจ
“เสิ่นชูหาน?”มู่น่อนน่อนเรียกชื่อของเสิ่นชูหานออกมาโดยอัตโนมัติ แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่ต่อยเขา
ร่างสูงใหญ่นั่น ถ้าไม่ใช่เฉินถิงเซียวแล้วจะเป็นใครได้อีก?
ใบหน้าที่สง่างามของเฉินถิงเซียวอยู่ห่างจากมู่น่อนน่อนไปสองก้าว ใบหน้าเยือกเย็น ร่างกายของเขามีออร่าความเยือกเย็นที่ห้ามคนเข้าใกล้แผ่กระจายออกมา
มู่น่อนน่อนอึ้งไป แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา “นายมาได้ยังไง? ”
เสิ่นเหลียงอยู่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียว ยังรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อมากกว่ามู่น่อนน่อนซะอีก โดยเฉพาะท่าทางที่ห้ามคนเข้าใกล้ของเฉินถิงเซียวแล้วนั้น เธอลูบแขนของตัวเองอย่างร้อนๆ หนาวๆ แล้วก็ค่อยๆ ถอยหลังไปสองก้าว
ในตอนนี้เอง เสิ่นชูหานที่พึ่งจะถูกเฉินถิงเซียวต่อยไปนั้น ก็ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ว เขาขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องหน้าเฉินถิงเซียว “เฉินถิงเซียวเหรอ? ”
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในเวลานี้ เป็นมุมหนึ่งในตลาดนัดกลางคืนพอดี แสงไฟสลัว คนผ่านมาก็น้อย ดังนั้นก็เลยไม่มีใครสังเกตเห็นสถานการณ์ในตอนนี้
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเสิ่นชูหานด้วยสายตาที่เยือกเย็น “หุบปาก”
เสิ่นชูหานถูกเฉินถิงเซียวมองจนขนลุกซู่ เขาหุบปากไม่พูดอะไรไปอัตโนมัติ
แต่ว่าพอเขาคิดได้ว่ามู่น่อนน่อนอยู่ตรงนี้ด้วย ถ้าเกิดว่ามากลัวเพราะเฉินถิงเซียวแบบนี้ มันค่อนข้างน่าอายไปหน่อย
เสิ่นชูหานเงยหน้าขึ้นมา ยืดคอแล้วพูดว่า “แกจะมาภูมิใจอะไร? ตอนนี้น่อนน่อนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก แกมีสิทธิอะไรมายุ่งกับเธอ? ”
มู่น่อนน่อนสงสารเขาจัง
ถึงแม้ว่าบางทีเธอจะกล้าท้าทายเฉินถิงเซียวบ้าง แต่ว่าเธอไม่มีวันท้าทายเขาตอนที่เฉินถิงเซียวกำลังโมโหอยู่อย่างแน่นอน
เสิ่นชูหานหาเรื่องเข้าตัวเองนะ
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วแล้วก็ยิ้มอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขานั้นทั้งเย่อหยิ่งและเหยียดหยาม “แกมีคุณสมบัติอะไรมาพูดกับฉัน? ”
“สวัสดี เธอคือมู่น่อนน่อนใช่ไหม? ”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ความสนใจของคนอื่นก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงนั้น
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็พบเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนเด็กมัธยมปลาย
พอเด็กผู้หญิงคนนั้นเห็นหน้าตรงๆ ของมู่น่อนน่อน ก็สาดชานมในมือที่ยังดื่มไม่หมดใส่เธอ “ชั้นต่ำ เป็นชู้เขาแล้วยังบีบบังคับคนที่มาก่อนได้รุนแรงขนาดนั้น เธอจะได้รับผลกรรม……”
ตอนที่เธอพูดนั้น มู่น่อนน่อนก็อึ้งไปเลย
แต่ว่าเฉินถิงเซียวตั้งตัวทันก่อน เขาดึงมู่น่อนน่อนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง หลบเลี่ยงชานมนั้น
เสียงของเด็กผู้หญิงคนนั้นดึงดูดความสนใจของคนอื่น
พอเห็นว่าคนอื่นเริ่มเดินเข้ามาที่นี่ เสิ่นเหลียงที่เป็นดาราก็ตอบสนองกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เธอพูดกับมู่น่อนน่อนว่า “รีบไปกันเถอะ”
มู่น่อนน่อนมองเสิ่นเหลียง นึกได้ว่าตอนนี้เสิ่นเหลียงก็มีแฟนคลับเยอะมากขึ้น ถ้าเกิดว่าให้คนอื่นเห็นว่าเธออยู่กับเสิ่นเหลียง ต้องไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของเสิ่นเหลียงอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอก็เลยพูดกับเสิ่นเหลียงว่า “พวกเราแยกกันไปเถอะ”
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้นก็มองหน้าเธอ เขาจับมือเธอแล้วก็ดึงเธอเดินไปยังถนนเล็กๆ ข้างๆ
พอเดินผ่านถนนเล็กๆ ไปนั้นก็เป็นถนนที่กว้าง ตรงนั้นมีรถของเฉินถิงเซียวจอดอยู่
เขาเปิดประตูแล้วก็ดันให้มู่น่อนน่อนเข้าไป แล้วตัวเองก็เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ นั่งลงแล้วก็ขับรถออกไป
มู่น่อนน่อนยังไม่ทันจะได้คาดเข็มขัดนิรภัย รถก็พุ่งตัวออกไปราวกับว่าควบคุมไม่อยู่
“อร้าย——”
มู่น่อนน่อนร้องออกมา เธอกำลังพยายามรักษาเสถียรภาพของความเสี่ยง หันไปตะคอกใส่เฉินถิงเซียว “ขับช้าหน่อย! ”
แต่ว่าคำพูดของเธอนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย กลับกันกลับดูเหมือนเป็นการกระตุ้นเฉินถิงเซียวมากกว่าเดิมอีก รถนั้นไม่ใช่เพียงแค่ไม่ได้ขับช้าลง แถมยังเร็วขึ้นอีกต่างหาก
มู่น่อนน่อนเวียนหัวจากการที่ส่ายไปส่ายมา คำพูดก็ไม่ค่อยต่อเนื่องกัน
“เฉิน……เฉินถิงเซียวเฉินถิงเซียว……ฉัน……จะอ้วก……”
เธอพึ่งจะกินอิ่ม แล้วตอนนี้ต้องมาส่ายไปส่ายมาแบบนี้ เธอล่ะอยากจะอาเจียนจริงๆ
ครั้งนี้ ในที่สุดเฉินถิงเซียวก็ค่อยๆ ขับช้าแล้วก็จอดรถ
มู่น่อนน่อนยื่นมือไปเปิดประตูรถ เฉินถิงเซียวนึกว่าเธอจะหนีไป ก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วก็ก้มลงจูบเธอ
เขาจูบได้ทั้งหนักหน่วงและรีบร้อน จูบจนปากของเธอชา……
แต่ว่า ตอนนี้เธออยากจะอาเจียนจริงๆ!
มู่น่อนน่อนทุบเขาหลายครั้ง แต่ว่าเขาออกแรงจับเธอไว้ ผลักไม่ออกเลย พื้นที่ในรถก็มีจำกัด เธอไม่สามารถเหยียดมือและเท้าได้
เฉินถิงเซียวยังคงกอดและจูบเธออยู่แบบนั้น
ไม่ง่ายเลยกว่าจะผลักเขาออกได้นิดหน่อย
“อั้ว……”
มู่น่อนน่อนอาเจียนออกมาอย่างทนไม่ได้อีกต่อไป
สัมผัสได้ว่าแขนที่โอบรอบเอวของเธอแข็งทื่อ
แต่ว่าเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ผลักเธอออกไปอย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่ฝ่ามือที่แนบกับเอวของเธอกลับขยับขึ้นและตบหลังเพื่อช่วยให้เธอสบายขึ้น