ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่226 เจ็บปวดไปด้วยกันทั้งสองคน
สือเย่เห็นเฉินถิงเซียวออกมา ก็ลงจากรถไปเปิดประตูให้เขา
“คุณผู้ชาย”
เฉินถิงเซียวผงกหัวลงเล็กน้อย สีหน้ายังคงเย็นชา
หลังจากที่เฉินถิงเซียวขึ้นรถไป ก็เอ่ยถามสือเย่ออกไปทันที “นายกับภรรยาของนายหย่ากันได้ยังไง?”
สือเย่นิ่งค้างไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมเฉินถิงเซียวถึงถามคำถามจำพวกนี้ออกมา
แต่ในเมื่อเฉินถิงเซียวก็ถามออกมาแล้ว เขาก็จะต้องพูดออกไปอยู่แล้ว
“บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่ามันเป็นเพราะอะไร ลืมไปหมดแล้วว่าครั้งสุดท้ายทะเลาะกันไปเพราะอะไร ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็คิดว่าการหย่ากันมันจะเป็นวิธีที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย”
น้ำเสียงของสือเย่ประดับไปด้วยความหดหู่
“นายยังรักเธอ?”
สือเย่ไม่ลังเลออกมา “ครับ”
“ในเมื่อยังรัก ทำไมถึงยอมหย่า?” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวยังคงเฉยเมย แต่มันกลับสามารถทำให้รู้สึกได้ว่าในน้ำเสียงของเขานั้นมันมีอารมณ์ปรวนแปรเลยทีเดียว
สือเย่ก็พอจะเข้าใจขึ้นมาได้บ้างว่าทำไมเฉินถิงเซียวถึงถามเรื่องการหย่าร้างของเขาออกมา
“เป็นสิ่งที่เธอเสนอออกมาเอง เธอบอกว่าในทุกๆวันมันทรมานมาก บางทีหย่าไปอาจจะทำให้เธอดีขึ้นบ้าง ผมไม่อาจทนดูเธอเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นได้หรอกครับ”
เสียงของสือเย่แหบพร่าออกมา
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง จากทิศทางของเขามองออกไปแล้ว สามารถมองเห็นมุมข้างของสือเย่ที่ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่
ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาเป็นผู้ชายที่สุขุมชอบทำเพื่อส่วนรวมเลยคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็เป็นคนที่ทำงานละเอียดรอบคอบมีความซื่อสัตย์ ตอนนั้นเขาก็เลยต้องตาสือเย่
“ตัวนายเองไม่เจ็บปวดหรอ?”
“ครับ” สือเย่เหมือนกับนึกถึงเรื่องที่มีความสุขอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ยิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่ผมก็สามารถไปเจอลูกชายได้สัปดาห์ละครั้ง เลยสามารถเจอกับเธอได้ด้วยพอดีน่ะครับ”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธ “พวกนายมีลูก? ในเมื่อมีลูกกันแล้ว นายก็แค่ไม่เอาลูกให้เธอ เธอจะไปจากนายได้ยังไง?”
ในช่วงก่อนหน้า เรื่องที่เฉินถิงเซียวไม่ให้มู่น่อนน่อนออกจากบ้าน สือเย่เองก็รู้ด้วยเช่นกัน
เขาราวกับรู้ปมปัญหาที่อยู่ในใจของเฉินถิงเซียวดี
“ถ้าการปล่อยเธอไปของผม จะสามารถทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาได้สักนิด ผมก็พอใจแล้วครับ”
“ถึงแม้ว่าความสุขของเธอจะไม่ได้มาจากนาย?”
“ครับ?”
“เฮอะ” เฉินถิงเซียวยิ้มเย็นออกมา “อย่างนั้นไม่สู้ผูกมัดทั้งสองคนเอาไว้แล้วเจ็บปวดไปด้วยกันไม่ดีกว่าหรอ”
กับความคิดของเฉินถิงเซียว สือเย่เองก็จนใจอยู่บ้าง “คุณผู้ชาย เรื่องของความรู้สึก ไม่อาจคิดอย่างนี้ได้นะครับ”
“อ้อ? ดูเหมือนว่านายหัวเดียวกระเทียมลีบแล้วจะมีความสุข?” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวประดับไปด้วยความเยาะหยัน
สือเย่ “…” เมื่อไม่เห็นด้วยก็มาซ้ำเติมเขา
เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยก็มาติดตามเฉินถิงเซียว แน่นอนว่าจะต้องเข้าใจเฉินถิงเซียวมากกว่าคนรอบข้างคนอื่นๆอยู่แล้ว รู้ว่าเฉินถิงเซียวมีปัญหาหัวใจ และก็เคยมีประสบการณ์กับวิธีการของเฉินถิงเซียวมาแล้วด้วย
เขาไม่กล้าบอกว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนดี แต่กล้าพูดเลยว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้เลวเลย นี่เองก็เป็นสาเหตุที่เขาสามารถติดตามเฉินถิงเซียวมาได้ตั้งหลายปี
คนคนหนึ่งสามารถอยู่ใต้บังคับบัญชาของอีกคนนึงได้มาตั้งหลายปี ไม่เพียงแต่เพราะเงินเดือนที่มหาศาล อีกสาเหตุนึงก็คือเสน่ห์ส่วนบุคคลของคนผู้นั้น
……
มู่น่อนน่อนกินอาหารเช้าแล้ว นั่งเปิดปฏิทินอยู่ในห้องโถงใหญ่
เธอจึงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ว่าอีกสิบกว่าวันก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว
วางโทรศัพท์ลงข้างๆ เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
เรื่องในเน็ตเมื่อก่อนหน้านี้ได้ผ่านไปเหมือนเสียงลม ใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องรีบออกไปหางานทำแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอก็ยังท้องอยู่ มีเพียงไม่กี่บริษัทที่จะให้พนักงานลาคลอดสองเดือนหลังจากที่ได้กลายไปเป็นพนักงานประจำแล้ว
แผนทุกอย่างถูกก่อกวนให้ต้องเปลี่ยนไป ต้องรอคลอดลูกเสร็จแล้วค่อยกลับไปใหม่
ทุกช่วงเวลาอย่างนี้ คำก่นด่าเฉินถิงเซียวในใจของมู่น่อนน่อนก็ผุดออกมาอีกครั้ง
“รู้มั้ยว่าฉันคือใคร?”
“ขออภัยครับ คุณผู้ชายมีคำสั่งว่า…”
“แกลองกล้าไม่ให้ฉันเข้าไปดูสิ!”
เสียงการทะเลาะกันดังเข้ามาจากทางด้านนอก มู่น่อนน่อนได้สติกลับมา ลุกขึ้นเดินออกไปทางหน้าประตู
เธอออกมาจากห้องโถงใหญ่ ก็เห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังล้อมหน้าประตูวิลล่าเอาไว้ เหมือนกับกำลังทะเลาะกัน
การ์ดเหมือนกับว่ากำลังรั้งใครอยู่
แต่ส่วนสูงของการ์ดสูงเกินไป ได้บังคนที่กำลังคุยอยู่กับพวกเขาคนนั้นเอาไว้เสียสนิท มู่น่อนน่อนมองไม่เห็นเลย
เธอเดินเข้าไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“คุณผู้หญิง”
การ์ดถอยห่างออกไป พากันก้มหน้าลงด้วยความเคารพ
ในเวลานี้ มู่น่อนน่อนจึงได้มองเห็นคนที่ถูกการ์ดขวางเอาไว้คนนั้นได้อย่างชัดเจน เป็นเฉินอินหย่าที่เคยเจอกันที่คฤหาสน์ตระกูลเฉินครั้งนึงนั่นเอง
ครั้งนี้ เฉินอินหย่ามีความเกรงใจกันมากกว่าตอนที่คฤหาสน์ตระกูลเฉินเสียอีก
เธอเห็นมู่น่อนน่อน ร้องเรียกออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สาม”
มู่น่อนน่อนมองออกว่าเธอจงใจประจบประแจง แต่ก็แสร้งทำเป็นว่ามองไม่ออก เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ “เธอมาหาเฉินถิงเซียว? เขาไปทำงานแล้วล่ะ”
เฉินอินหย่ามีสีหน้าแข็งค้างออกมาแวบนึง แต่เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ “ไม่ใช่นะคะ ฉันได้ยินคุณปู่บอกว่าพี่ท้อง ก็เลยตั้งใจจะมาเยี่ยมพี่โดยเฉพาะ แล้วฉันก็ยังตั้งใจเอาเซตเครื่องแต่งหน้าสำหรับคนท้องมาให้พี่ด้วยนะคะ”
เธอพูดไป พลางชูถุงในมือขึ้นสูงเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนมองแบรนด์สินค้าที่อยู่ด้านบนเล็กน้อย ก็จำได้ว่านั่นเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทเฉินซื่อ เฉินถิงเซียวได้เคยให้คนส่งมาให้หลายเซตแล้ว
อย่าไปตบหน้าคนยิ้ม ในเมื่อเฉินอินหย่าอุตส่าห์มาหากันถึงที่แล้ว เธอก็ไม่กล้าเสียมารยาทไล่เธอไป
“งั้นก็ต้องขอบคุณเธอด้วย” มู่น่อนน่อนยื่นมือรับมา “เข้าไปนั่งด้านในเถอะ”
เฉินอินหย่าได้ยินอย่างนั้น ก็เตรียมจะเดินตามเธอเข้าไปข้างใน แต่การ์ดกลับไม่ปล่อยเธอไป
มู่น่อนน่อนหันไปมองเล็กน้อย “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของคุณผู้ชาย ยังไม่ปล่อยให้เธอเข้ามาอีก?”
การ์ดก็เลยได้ปล่อยเฉินอินหย่าเข้ามา
เฉินอินหย่าเดินหน้าเข้าไปทำเป็นจะเข้าไปคล้องแขนมู่น่อนน่อนอย่างสนิทสนม แต่กลับถูกมู่น่อนน่อนหลบเลี่ยงไปอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
เธอเก็บแขนของตัวเองกลับมาอย่างเก้อๆ มองออกไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีใครกำลังมองเธออยู่ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
ทันทีที่เข้าประตูไป มู่น่อนน่อนก็เห็นฉินสุยซาน
มู่น่อนน่อนเรียกเธอออกไปตรงๆ “สุ่ยซาน ช่วยฉันเอาของพวกนี้ไปวางให้เรียบร้อย นี่เป็นของที่น้องอินหย่าเอามาให้เลย เธอจะต้องวางให้ฉันดีๆล่ะ อย่าทำพัง”
เมื่อวานหลังจากที่ฉินสุยซานได้แสดงความคิดตัวเองให้มู่น่อนน่อนรู้ไปแล้ว ก็นึกว่ามู่น่อนน่อนจะกลั่นแกล้งเธอ แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงเลยก็คือมู่น่อนน่อนไม่ได้หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอเลย
แต่เธอกลับไม่มีทางที่จะคิดว่ามู่น่อนน่อนมีเมตตากันถึงขนาดนั้น
ในตอนนี้ได้ยินเธอเรียกให้ตนถือของ ในใจก็ยกยิ้มเย็นออกมา อย่างที่คิดจริงๆด้วยหางจะโผล่ออกมาแล้วสินะ!
ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นเห็นเฉินอินหย่า สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“เฉินอินหย่า?”
“ฉินสุยซาน!”
ทั้งสองคนแทบจะเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาพร้อมกัน
“พวกเธอรู้จักกัน?” มู่น่อนน่อนเผยสีหน้าตกใจออกมา
อันที่จริงก็เป็นความตั้งใจของเธอนั่นแหละ ฉินสุยซานเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ของหู้หยาง ส่วนเฉินอินหย่าก็เป็นพิธีกรของสถานี เดิมทีทั้งสองคนก็ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว
ตอนที่มู่น่อนน่อนยังไม่จบการศึกษา ได้มีเพื่อนร่วมชั้นฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์หู้หยาง เคยมีคนพูดเรื่องเฉินอินหย่ากับฉินสุยซานกันออกมา
แต่ตอนนั้น เธอไม่รู้ว่าลูกสาวของผู้อำนวยการสถานีชื่อว่าฉินสุยซาน
เฉินอินหย่านั้นเป็นคนที่โยกย้ายงานไปหากินที่อื่น คนที่ช่างสังเกตก็จะรู้ว่าสถานะของเธอนั้นไม่ธรรมดา ส่วนฉินสุยซานก็ยังเป็นถึงลูกสาวของผู้อำนวยการสถานีด้วยอีก ทั้งสองคนที่มีความสัมพันธ์กันในเรื่องงานก็มักจะเจอหน้ากันเป็นประจำ พวกเธอต่างก็มีหน้าตาที่ไม่เลวกันทั้งคู่ แน่นอนว่าจะต้องมีการเปรียบเทียบอยู่กันเป็นธรรมดา
ดังนั้นแล้วทั้งสองคนก็เลยมักจะแข่งกันเป็นประจำ
มู่น่อนน่อนเองพอเจอเฉินอินหย่า ก็ถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เฉินอินหย่าสังเกตเห็นชุดเครื่องแบบแม่บ้านที่อยู่บนร่างของฉินสุยซาน จึงเอ่ยเยาะออกไป “ก็พอจะได้ยินมาบ้างแล้วว่าคุณหนูฉินอยากแต่งเข้าตระกูลเฉินของเรา แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่า เธอจะยอมมาเป็นคนใช้เพื่อที่จะได้เข้าตระกูลเฉินของเรา”
ฉินสุยซานโกรธจนสีหน้าขาวซีด “มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”