ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่235 ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันมาก
บทที่235 ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันมาก
ความเย็นชาของมู่น่อนน่อน ทำให้เซียวชู่เหออายเล็กน้อย
เธอเก็บมือกลับอย่างเขินๆ หันไปมองเสิ่นชูหาน
เสิ่นชูหานยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น เต็มไปด้วยอารมณ์ดีๆ
สายตาของเซียวชู่เหอก็แน่วแน่ขึ้นนิดหน่อย “น่อนน่อน พวกเรามีเรื่องต้องคุย ออกไปค่อยว่ากัน”
มู่น่อนน่อนหันตัวเดินออกไปข้างนอก
พอออกจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะแล้ว เสิ่นชูหานก็รีบก้าวไปข้างมู่น่อนน่อนเพื่อจะคุยกับเธอ
แต่ว่า เขายังไม่ทันเข้าใกล้มู่น่อนน่อน ก็โดนบอดี้การ์ดขวางไว้แล้ว
สีหน้าของเสิ่นชูหานเปลี่ยนไปนิดนึง ก็กลับมาเป็นปกติ พูดติดตลกว่า “ฉันแค่อยากคุยกับเธอเอง บอดี้การ์ดพวกนี้ก็ตื่นตัวกันเหลือเกิน เฉินถิงเซียวให้เธอเป็นนักโทษหรอ?”
สำนวนการพูดของเขาฟังแล้วเหมือนเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยพูดเล่นกัน
แต่มู่น่อนน่อนรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาไม่ได้ดีขนาดนั้น ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังพูดเล่น
เขาตั้งใจพูดแบบนี้ ก็เพื่อให้เธอกับเฉินถิงเซียวแตกกันหรอ?
เธอไม่รู้ว่าเสิ่นชูหานมีอะไรไม่ถูกต้องตรงไหน ถึงกัดเธอไม่ปล่อย
“ตอนที่คุณเสิ่นยังเรียนหนังสืออยู่ภาษาจีนต้องแย่มากแน่เลยใช่มั้ย? ไม่งั้น ทำไมแค่บอดี้การ์ดทำอะไรถึงยังไม่รู้? ต้องให้ฉันอธิบายมั้ยว่าบอดี้การ์ดเป็นอาชีพแบบไหน?”
ใบหน้าของมู่น่อนน่อนมองเสิ่นชูหานอย่างถากถาง
เสิ่นชูหานรู้สึกว่า สายตาที่มู่น่อนน่อนมองเขามองเหมือนเขาเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง
บนใบหน้าเขาหม่นแสงลง แต่ยังปากแข็งหวังแก้แค้นให้ตัวเอง “ฉันรู้ว่าบอดี้การ์ดทำอะไร แต่แค่ฉันเดินไปใกล้เธอหน่อยพวกเขาก็มาขวาง มันไม่มากเกินไปรึไง?”
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนเริ่มอ่อนลง “ไม่เกินไปสักนิด ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันมาก”
ทันใดนั้นจู่ๆเซียวชู่เหอที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น “น่อนน่อน เธอไม่ควรพูดอย่างงี้กับชูหานนะ ฉันรู้ว่าระหว่างเธอกับเขามีการเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เธอก็เห็นว่าช่วงนี้เขาดูแลฉันมาตลอด จับมือคืนดีกับเขาหน่อยได้มั้ย?”
ชูหาน?
ดูจากการเรียกแล้วรักกันจริงๆนะ
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเสิ่นชูหานไปเจอกับเซียวชู่เหอได้ยังไง แล้วทำไมต้องดูแลเธอด้วยอีก
ที่เธอรู้คือ ทำดีหวังผล โลกกลมใบนี้ไม่มีอะไรทำให้กันฟรีๆหรอก
เธออาจยังไม่รู้ ก่อนที่เสิ่นชูหานจะคิดถึง เขาเคยมีความสัมพันธ์กับมู่หวั่นขีมาก่อน ก็เลยเป็นเหตุผลที่มาดูแลเซียวชู่เหอ
“ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรเข้าใจผิดนะ? จะมาจับมือคืนดีอะไร?” มู่น่อนน่อนมองไปที่เซียวชู่เหออย่างสงสัยในเจตนา “มู่หวั่นขีเป็นลูกสาวของแม่ ก่อนหน้านี้นางเคยหมั้นกับคุณเสิ่น คนที่ใจดีแบบคุณเสิ่น เห็นแม่เดินเตร่อยู่ข้างนอก ก็เลยรับคุณมาดูแล ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?”
เซียวชู่เหอพูดช่วยเสิ่นชูหานทั้งในคำพูดและนอกคำพูด ดูแล้วหลายวันมานี้เสิ่นชูหานดูแลเธออย่างดี แล้วยังปลอบโยนเธอดีมาก
“น่อนน่อน…”
“ฉันมีธุระคงต้องกลับก่อน” มู่น่อนน่อนแสร้งมองนาฬิกา “คุณเสิ่นที่แสนใจดี คงไม่รังเกียจที่จะส่งแม่ของอดีตคู่หมั้นกลับบ้านนะ?”
ที่เสิ่นชูหานกำลังรับตัวเซียวชู่เหอมา จุดประสงค์ก็เพื่อจะเข้าใกล้มู่น่อนน่อน
เขาเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลมู่อยู่บ้าง ปกติก็รู้มาว่ามู่น่อนน่อนดีกับแม่ของเธอมาก
แต่ตอนนี้เรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น
มู่น่อนน่อนพูดถึงขนาดนี้ เขาก็มีแต่ต้องยอมรับ “จะรังเกียจได้ยังไง กลับเต็มใจซะอีก”
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
มู่น่อนน่อนไม่ได้มองเซียวชู่เหอมากนัก ก็หันกลับไปขึ้นรถ
เซียวชู่เหอยืนอยู่ตรงนั้นสีหน้าสับสน สายตาจ้องมองรถของมู่น่อนน่อนไกลออกไป ในใจรู้สึกสูญเสีย
มู่น่อนน่อนเย็นชากับเธอเกินไปแล้ว
พอมู่น่อนน่อนไป สีหน้าของเสิ่นชูหานก็เรียบนิ่งลง “คุณนายมู่ เดี๋ยวผมส่งคุณกลับนะครับ”
เซียวชู่เหอเห็นสีหน้าของเสิ่นชูหานไม่ค่อยดี พูดว่า “เธออย่าไปใส่ใจเลย อาจเพราะช่วงนี้น่อนน่อนตั้งท้อง อารมณ์ก็เลยไม่ค่อยดีมาก ก็เลย…”
คำพูดของเธอไปกระตุ้นเสิ่นชูหาน เขาบีบแขนของเซียวชู่เหออย่างแรง พูดเสียงเรียบ “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ไหนลองพูดอีกครั้งซิ!”
เซียวชู่เหอโดนเสิ่นชูหานทำแบบนี้ก็ตกใจกลัว “ชูหาน เธอเป็นอะไรไป?”
หลายวันมานี้ ท่าทางที่เสิ่นชูหานปฏิบัติต่อเธอนั้นอบอุ่นอย่างมาก ถึงขนาดให้คนพาเธอออกไปเดินช็อปปิ้งที่ห้าง
อยู่ๆเขาก็เปลี่ยนไป เซียวชู่เหอตกใจมาก
เสิ่นชูหานรีบกลับมามีท่าทางอบอุ่นเหมือนก่อนหน้านี้ทันที ถามเสียงเบา “คุณบอกว่าเธอตั้งท้องแล้วหรอครับ?”
“ใช่แล้ว”
เซียวชู่เหอเห็นเขากลับเป็นปกติ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อกี้เธอคงมองผิดไปล่ะมั้ง
“โอเค ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมส่งคุณกลับนะครับ” เสิ่นชูหานหลับตาพูด เสียงก็นุ่มมาก แต่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
……
เรื่องในครั้งนี้ ว่ากันตามมู่น่อนน่อนแล้ว ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ผ่านไปแล้วก็แล้วไป
จวนจะถึงสิ้นปีแล้ว มู่น่อนน่อนเดาว่า วันฉลองปีใหม่ เฉินถิงเซียวอาจจะพาเธอกลับไปบ้านเก่าของเธอ
ยังไงก็ตาม นี่เป็นวันส่งท้ายปีเก่าครั้งแรกของเฉินถิงเซียวหลังรับสืบทอดบริษัทเฉินซื่อ ตามเหตุตามผลเขาก็ต้องกลับไปบ้านเก่าอยู่แล้ว
ยังไงเฉินถิงเซียวก็มีอำนาจให้ทำอะไรห่ามๆตามใจก็ได้ อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ไป
แต่สุดท้าย บิลก็อาจยังไปคิดที่เธออยู่ดี
สองวันก่อนบริษัทเฉินซื่อหยุด มู่น่อนน่อนก็เริ่มเตรียมองที่จะเอากลับไปที่บ้านหลังเก่าแล้ว
ในบ้านหลังเก่านั้นไม่มีอะไรขาดเหลือ แต่พอคิดดีๆแล้ว ใช้ของที่ตัวเองคุ้นชินแล้วดีกว่า
ตอนกลางคืน เฉินถิงเซียวกลับมาช้าไปหน่อย
มู่น่อนน่อนล้างหน้าแปรงฟันไปแล้ว ถือคอมพิวเตอร์เตรียมร่างต้นฉบับสักพักแล้วก็เข้านอน
เฉินถิงเซียวถือชุดนอกสูทเดินเข้ามาจากข้างนอก ผมยุ่งนิดๆ ทั้งตัวดูแล้วเหนื่อยผิดปกติ
“กลับมาแล้ว”
มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองเขา
อากาศหนาว ขนาดเปิดฮีตเตอร์อยู่ มู่น่อนน่อนยังต้องใส่ชุดนอนขนสัตว์ เพื่อให้ทั้งตัวอบอุ่น ช่วงเวลาหลังตั้งท้องนี้ เธอเอาแต่อยู่ในบ้าน คนใช้ดูแลอย่างพิถีพิถัน การแบ่งเวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนของเธอก็เป็นไปตามข้อกำหนดดี หน้าตากับเรี่ยวแรงก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก พอนั่งอยู่ใต้แสงไฟ ผิวก็ขาวราวกับจะส่องแสงออกมา
เธอนั่งพิงอยู่ในมุมโซฟา เหยียดขาตรง คอมพิวเตอร์ตั้งอยู่บนตัก ปล่อยผมปลิวไสว ผมดำขลับกับผิวขาวราวหิมะ ดวงตาที่เหมือนกับแมวมองมาที่เขาอย่างตั้งใจ
เฉินถิงเซียวโยนเสื้อนอกในมือทิ้งไป เดินไปหน้าเธอ โน้มตัวเอาคอมพิวเตอร์บนตักของเธอโยนไปทางอื่น นั่งลงข้างๆเธอ แล้วก็กอดเธอไว้แน่น
มู่น่อนน่อนรู้สึกตกใจตอนที่เขาหยิบคอมพิวเตอร์ของเธอไป “คุณโยนเบาๆหน่อยสิ…”
เฉินถิงเซียวเหมือนกับว่าไม่ค่อยพอใจที่เวลาแบบนี้เธอยังมัวมาห่วงเรื่องคอมพิวเตอร์อีก ก้มหัวลงจูบเธอพักหนึ่ง
พอแยกจากกันแล้ว เฉินถิงเซียวพูดประโยคหนึ่งด้วยเสียงทุ้มๆ “คุณป้ากลับมาแล้ว”