ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่381 ความเป็นศัตรูที่ชัดเจน
เมื่อกี้เฉินถิงเซียวก็หิวน้ำเหมือนกัน ยื่นมือไปรับขวดน้ำ แล้วก็ดื่มลงไปหนึ่งอึก
พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนที่เหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูด เขาก็ก้มหน้าลงมองขวดน้ำ เหมือนกับว่าพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถามเฉินมู่ “น้ำจากไหนเนี่ย? ”
เฉินมู่ชี้ไปที่ห้องน้ำ ใบหน้าดูใสซื่อ “น้ำจากตรงนั้นค่ะ ตรงนั้นมีน้ำเยอะมากเลย พ่อยังอยากดื่มอีกไหมคะ? ”
วันปกติเฉินมู่อยู่ที่บ้านได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเจ้าหญิงน้อย คนใช้ล้อมรอบตัวเธอ เธอจะรู้ที่ไหนกันว่าน้ำอะไรดื่มได้ดื่มไม่ได้
เฉินถิงเซียวเม้มปาก สีหน้าดูมืดมน “ต่อไปห้ามไปเอาน้ำตรงนั้นมาดื่มอีกเข้าใจไหม? ”
เฉินมู่เบะปาก “ทำไมล่ะคะ? พี่สาวสุดสวยบอกว่ามันอร่อยมากเลยนะ”
มู่น่อนน่อนก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อกี้เฉินมู่ก็ใช้น้ำแก้วนี้เอาน้ำให้เธอดื่มเหมือนกัน……
ถ้ายังงั้นเธอกับเฉินถิงเซียวก็เท่ากับว่า……จูบกันทางอ้อมอย่างนั้นเหรอ?
ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันรึเปล่า เขาหันมามองเธอด้วยสายตาคลุมเครือ
มู่น่อนน่อนรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที “คือว่า……คู่หมั้นของฉันน่าจะใกล้กลับมาแล้ว ฉันไปรอเขาก่อนนะ”
พอพูดจบ เธอก็เร่งรีบเดินออกไปในทันที
ที่เธอไม่รู้ก็คือ ตอนที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น สายตาของเฉินถิงเซียวเอาแต่มองมาที่ริมฝีปากของเธอตลอด
……
มู่น่อนน่อนออกมาจากประตูบ้านของเฉินถิงเซียว ก็เอาหัวพิงกำแพงแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทำไมตอนยืนอยู่ต่อหน้าเฉินถิงเซียวถึงได้ตื่นเต้นขนาดนั้น
ก็แค่กินน้ำแก้วเดียวกันไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของเธอมันจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
ปกติขนาดอยู่กับลี่จิ่วเชียนทั้งวันทั้งคืนเธอยังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
แล้วอีกอย่าง เฉินถิงเซียวที่เป็นผู้ชายนิสัยเย็นชาสุดชีวิต แถมยังมีลูกสาวนอกสมรสอีก เขาดีกว่าลี่จิ่วเชียนตรงไหนกัน?
พอผ่านไปครู่หนึ่ง มู่น่อนน่อนก็สงบลง แล้วก็เห็นลี่จิ่วเชียนเดินออกมาจากลิฟต์
ลี่จิ่วเชียนเห็นเธอก็รีบก้าวยาวเข้ามาทันที พร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง “ไปไหนมา? เมื่อกี้กลับบ้านแล้วเห็นว่าโทรศัพท์กับกุญแจเธอยังอยู่ที่นั่น ฉันก็เลยไปถามที่ร้านสะดวกซื้อ”
ลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อนต่างก็เป็นคนที่หน้าตาโดดเด่น การเข้าออกของทั้งสองคนในคอนโด เจ้าของร้านสะดวกซื้อตรงหน้าประตูคอนโดต่างก็รู้จักเขา
มู่น่อนน่อนนึกถึงน้ำแก้วนั้น แล้วก็หลบตาด้วยความรู้สึกผิด “ลืมเอากุญแจมาด้วย เมื่อกี้อยู่ที่บ้านเพื่อนบ้าน”
ลี่จิ่วเชียนยกยิ้มมุมปาก “ประมาทขนาดนั้นเหรอ? ดูท่าทางแล้วเธอไม่มีฉันไม่ได้นะเนี่ย”
ตอนนี้เอง ห้องด้านข้างก็เปิดออก
มู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนหันหน้าไปพร้อมกัน ก็เห็นเฉินถิงเซียวใส่ชุดอยู่บ้านสีดำทั้งชุดและยืนอยู่ตรงทางเดิน
ลี่จิ่วเชียนที่กำลังจะยื่นมือไปจูงมู่น่อนน่อนนั้นก็หยุดลงในทันที “คุณเฉิน”
“ที่แท้คุณเฉินก็เป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของเรานั่นเอง”
ไม่รู้ว่ามู่น่อนน่อนเข้าใจผิดไปเองรึเปล่า เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของลี่จิ่วเชียนไม่ได้มีความตกใจ แถมยังดูเหมือนคาดการณ์เอาไว้แล้วยังไงยังงั้น
เฉินถิงเซียวยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเพื่อนบ้านของพวกคุณ แปลกใจมากเลย”
“หวังว่าจะมีโอกาสได้รวมตัวกันนะครับ พวกเรากลับบ้านไปกินข้าวกันเถอะ”ลี่จิ่วเชียนพูด แล้วก็ยิ้มให้มู่น่อนน่อนอย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือของเธอ
มู่น่อนน่อนกำมือของเธอ ลี่จิ่วเชียนทำได้เพียงแค่กุมหลังมือของเธอเอาไว้เท่านั้น
นี่คือการปฏิเสธทางกายภาพ ทุกครั้งที่ลี่จิ่วเชียนได้สัมผัสกับเธอ ร่างกายของเธอจะปฏิเสธทางกายภาพโดยอัตโนมัติ
เมื่อก่อนในเวลาแบบนี้ ลี่จิ่วเชียนก็ปล่อยมืออย่างเป็นสุภาพบุรุษ
แต่ว่าครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะต่อสู้ ไม่เพียงแค่ไม่ปล่อยมือของมู่น่อนน่อน แถมยังจับแน่นกว่าเดิมอีก
เฉินถิงเซียวเหลือบมองมือของทั้งสองคน แววตาที่ดำมืดก็มีอารมณ์ที่แปลกประหลาด พร้อมกับพูดว่า “บังเอิญจังเลย พวกเราก็ยังไม่ได้กินข้าว”
มู่น่อนน่อนถามด้วยความประหลาดใจ “ดึกขนาดนี้ยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอคะ? ”
นี่จะสามทุ่มแล้ว พวกเขายังไม่ได้กินข้าวกันอีกงั้นเหรอ
เฉินถิงเซียวที่เป็นผู้ชายโตขนาดนี้น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าเฉินมู่เด็กขนาดนี้จะไปรับได้ยังไง
“อืม” เฉินถิงเซียวตอบรับเรียบๆ ไม่มีร่องรอยของการโกหกเลย
“งั้นมากินด้วยกันไหมล่ะคะ? ฉันทำอาหารไว้แล้ว”
มู่น่อนน่อนพึ่งจะพูดจบ เฉินถิงเซียวก็ตอบในทันที “โอเค”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เพราะว่าตอบรับอย่างรวดเร็ว ทำให้คนรู้สึกเหมือนว่าเขาแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วยังไงยังงั้น
พอเฉินถิงเซียวพูดจบ ก็หันหน้าไปเรียกในห้อง “มู่มู่ กินข้าวได้แล้ว”
เฉินมู่ใส่รองเท้าแตะและวิ่งเข้ามา “กินแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ”
เฉินถิงเซียวจูงมือเธอ แล้วก็พูดอย่างเป็นธรรมชาติ “นั่นมันอาหารกลางวัน”
“แต่ว่า ลุงสือเย่บอกว่าก่อน……”เฉินมู่ยังอยากจะโต้แย้งกับเขาอยู่ เฉินถิงเซียวก็เลยตัดบทเธอ “คุณลุงลี่กับคุณน้ามู่เชิญพวกเราไปกินข้าว ลูกยังจะพูดอะไรอีก? ”
เฉินมู่พูดอย่างเชื่อฟัง “ขอบคุณค่ะคุณลุงลี่ คุณน้า……เฉิน……”
ตอนที่พูดคำว่า “คุณน้ามู่” เห็นได้ชัดว่าเธอลังเล
คนที่หน้าตาดีก็เป็นพี่สาวทั้งนั้นแหละ จะให้เรียกว่าน้าได้ยังไง?
เธอมองเฉินถิงเซียว แล้วก็หันไปมองมู่น่อนน่อน ใบหน้าดูมึนงง
……
เฉินถิงเซียวพาเฉินมู่ไปกินข้าวที่บ้านของลี่จิ่วเชียน
ตอนที่มู่น่อนน่อนตักข้าวนั้น ลี่จิ่วเชียนก็ไปหยิบชาม
เด็กเล็กมักชอบเข้าไปร่วมสนุกด้วย เฉินมู่ก็อยากจะเข้าไปช่วยหยิบชามด้วยเหมือนกัน
ลี่จิ่วเชียนส่งตะเกียบให้กับเฉินมู่ “หนูช่วยอาหยิบตะเกียบไป ดีไหม? ”
“ได้ค่ะ” เฉินมู่ยิ้มจนตาหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว แล้วก็เอาตะเกียบไปวางไว้บนโต๊ะ
ลี่จิ่วเชียนเดินเข้ามาและลูบหัวของเธอ “เยี่ยมมากเลย”
เฉินมู่ยิ้มให้กับเขา แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เฉินถิงเซียวพร้อมกับปีนเก้าอี้ขึ้นไปนั่ง
บ้านของมู่น่อนน่อนไม่มีเก้าอี้เด็ก เฉินมู่ก็เลยต้องนั่งเก้าอี้ธรรมดา
เฉินมู่ปีนอย่างส่ายๆ เฉินถิงเซียวก็ช่วยประคองเธอ หลังจากนั้นก็ถามว่า “เมื่อวานพ่อบอกลูกว่ายังไง? ”
“ว่าไงนะ? ” เฉินถิงเซียวเคยพูดอะไรกับเธอตั้งเยอะแยะ เธอเป็นเด็กเล็กขนาดนี้จะไปจำได้เยอะแยะอะไรขนาดนั้น
เฉินถิงเซียวเตือนเธอ “ห้ามพูดกับป้าแปลกหน้า”
เฉินมู่พยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว “จำได้ค่ะ”
“เหตุผลเดียวกัน ห้ามพูดกับลุงแปลกหน้าด้วย”ตอนที่เฉินถิงเซียวพูดประโยคนี้ ก็เหล่มองลี่จิ่วเชียน
ทั้งสองคนสบตากัน ต่างไม่มีใครยอมหลีกทาง
มู่น่อนน่อนถืออาหารออกมา แล้วก็ได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียวเมื่อกี้พอดี
เธอรู้สึกได้อย่างว่องไวทันทีว่าบรรยากาศบนโต๊ะนั้นผิดปกติ
ผู้ชายทั้งสองคนยังคงจ้องตากันไม่หยุด สายตาไม่ค่อยเป็นมิตร ความเป็นศัตรูระหว่างกันนั้นมันชัดเจนมาก มู่น่อนน่อนยากที่จะเพิกเฉย
เธอมองเฉินมู่ แล้วเห็นว่าเฉินมู่กำลังถือตะเกียบขึ้นมาเล่นคนเดียว ถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “กินข้าวได้แล้ว”
พอเธอพูด ชายสองคนมองออกไปพร้อมกันราวกับว่าพวกเขาได้นัดหมายไว้
ลี่จิ่วเชียนคีบอาหารให้มู่น่อนน่อน “กินเยอะๆ หน่อย ต่อไปไม่ต้องรอฉันกินข้าวดึกขนาดนี้นะ”
“ฉันกินคนเดียวไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่”มู่น่อนน่อนพูดไปด้วยแล้วก็คีบอาหารให้เฉินมู่ไปด้วย
เฉินถิงเซียวมองดูคนตรงข้ามสองคนด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ ไม่ได้ขยับตะเกียบเลย
เฉินมู่หันไปถามเขาอย่างใส่ใจว่า “พ่อคะ อยากกินอะไร? ”