ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่388 มีก็ได้ไม่มีก็ได้
จนถึงเวลาหกโมงเย็น ลี่จิ่วเชียน ถึงได้หยุดทำงาน
เขาเก็บของไปด้วย แล้วก็ถามมู่น่อนน่อนไปด้วย “วันนี้ไม่ต้องกลับไปทำกับข้าวที่บ้านแล้ว อยากกินอะไรล่ะ?”
“อะไรก็ได้”มู่น่อนน่อนไม่ค่อยสนใจ ในใจกังวลแต่แค่เรื่องตัวDNA
ลี่จิ่วเชียนพยักหน้า:“โอเค”
ก่อนออกเดินทาง ผู้ช่วยของลี่จิ่วเชียนก็ได้ช่วยเช็กกำหนดการต่อไปของเขา
มู่น่อนน่อนถึงได้รู้ว่า ลี่จิ่วเชียนนั้นยุ่งแค่ไหน ไม่แปลกเลยว่าทำไมวันปกติถึงได้ทำงานเลิกค่ำขนาดนั้น
ทั้งสองคนมาถึงรถ มู่น่อนน่อนก็เอ่ยปากถามเขา “นายยุ่งขนาดนี้ทุกวันเลยเหรอ? ”
“วันนี้เลิกงานตรงเวลา ไม่ถือว่ายุ่ง”ลี่จิ่วเชียนสตาร์ทรถไปด้วย พร้อมกับพูดกับเธอไปด้วย
มู่น่อนน่อนหันหน้ามา แล้วก็มองห้องบำบัดของลี่จิ่วเชียนผ่านทางหน้าต่างรถ
บ้านเดี่ยวสามชั้น ตั้งอยู่ในความสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศที่วุ่นวาย ขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ก็มีคนมาหาหมอมากมาย
แต่ว่าบ้านหลังนี้ มันน่าจะแพงมากเลย
ลี่จิ่วเชียนนี่รวยจริงๆ
เธอนึกถึงเมื่อตอนกลางวัน ที่ได้เจอผู้หญิงที่ชื่อมู่หวั่นขีที่โรงแรมจีนติ่ง
หลังจากนั้นก็ได้เจอพวกเฉินถิงเซียว เธอก็เลยไม่ได้มีโอกาสถามเสิ่นเหลียงเกี่ยวกับเรื่องของมู่หวั่นขี
มู่หวั่นขีกับเสิ่นเหลียงเป็นศิลปินเหมือนกัน ต้องหาเจออะไรบางอย่างในอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วก็พิมพ์คำว่า “มู่หวั่นขี” เข้าไปในเบราว์เซอร์
ข่าวและข้อมูลจำนวนมากก็โผล่ขึ้นมา
“มู่หวั่นขีใจกล้า ใส่เสื้อผ้าซีทรู……”
“……รูปภาพจากกองถ่ายละครเรื่องใหม่ของมู่หวั่นขีหลุดออกมา”
“ทำไมมู่หวั่นขียังไม่ออกจากวงการบันเทิง”
“มู่หวั่นขียังมีความหวังจะได้แสดงเป็นตัวละครหญิงที่แสดงเป็นเด็กสาวที่ก๋ากั่นและปราดเปรียว……”
“……”
สื่อบางแห่งยกย่องมู่หวั่นขี แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นการตลาดแบบทีม เพราะต้นฉบับเหล่านี้ส่วนใหญ่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน
แต่ความคิดเห็นของชาวเน็ตเกือบทั้งหมดเหยียบย่ำเธอและด่าเธอ
ถึงอย่างนั้นมู่หวั่นขีก็ยังอยู่ได้ดีในวงการบันเทิง
มู่น่อนน่อนเจอWeiboของมู่หวั่นขี ดูจำนวนแฟนคลับของเธอมากกว่าสิบล้าน Weibo โพสต์แต่ละรายการมีมากกว่าหมื่นความคิดเห็นและหลายหมื่นไลค์
นี่มันก็หมายความว่า ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของมู่หวั่นขีจะถูกทำร้ายแค่ไหน แต่ว่าความนิยมของเธอก็ยังสูงมาก
เธออ่านข้อมูลส่วนตัวของมู่หวั่นขี การบรรยายสรุปครอบครัวระบุเพียงสั้นๆ ว่าครอบครัวเปิดบริษัท
ที่บ้านเปิดบริษัทของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนไม่ได้รู้สึกว่า เธอโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดี
แต่ว่าสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ ก็สามารถจินตนาการถึงสถานการณ์ของตัวเองที่บ้านได้
หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการนอนเป็นผักอยู่สามปี รอบข้างไม่มีญาติเลย มีเพียงแค่ลี่จิ่วเชียนเท่านั้น
แค่นี้มันก็อธิบายได้ว่า ตัวตนของเธอในตระกูลมู่นั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็หันไปมองลี่จิ่วเชียนที่อยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะแอบค้นหาชื่อของเขาในอินเทอร์เน็ต
ทันทีที่ผลการค้นหาออกมา มู่น่อนน่อนโดนดึงดูดโดยโพสต์ชื่อ “นักจิตวิทยาที่หล่อที่สุดที่คุณเคยเห็นหล่อแค่ไหนกัน? ”
“ไม่พูดเยอะ มาดูภาพข้างบนกัน ไม่ได้ป่วยอะไร แต่พอเจอจิตแพทย์หล่อๆ แบบนี้ ฉันอยากจะเป็นไข้ใจจริงๆ เลย! ”
ภาพต่อมาที่อยู่ด้านล่าง ไม่ได้ชัดเจนมากนัก แต่ว่าใบหน้าที่โดดเด่นของเขาก็สามารถทำให้รู้ได้เลยว่าเขาก็คือลี่จิ่วเชียน
มู่น่อนน่อนไม่ได้อ่านกระทู้หลักจนจบ แล้วก็เลื่อนไปด้านล่างเพื่อดูคอมเมนท์
คอมเมนท์ด้านล่างต่างพากันชื่นชมลี่จิ่วเชียน
“รีบส่งที่อยู่มาให้ฉันเร็ว ฉันจะไปหาหมอ”
“ปีหน้าจะสอบเข้ามหาลัยแล้ว ความกดดันค่อนข้างสูงมาก ขอที่อยู่โรงพยาบาลหน่อย”
“ฉันเองก็อยากได้……”
“จิตแพทย์คนนี้ ไม่ได้แค่หน้าตาดี แถมยังจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยามาด้วย! แถมยังได้ยินว่าเขาโสดอีก!”
มู่น่อนน่อนเห็นคอมเมนท์นี้ ก็กลับมาที่กระทู้ ก็เห็นข้อมูลเสริมด้านหลัง
“จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง มีชื่อเสียงมากในด้านจิตวิทยาทั้งในและต่างประเทศ……ทั้งหล่อทั้งเก่ง……”
มู่น่อนน่อนหันไปมองลี่จิ่วเชียนด้วยความประหลาดใจ
และในตอนนี้ ลี่จิ่วเชียนก็พึ่งจอดรถสนิท
“ถึงแล้ว”
เขาหันหน้ามา แล้วก็เห็นว่ามู่น่อนน่อนกำลังจ้องหน้าตัวเองด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
ลี่จิ่วเชียนก็มองเธอ “เป็นอะไรไป? ”
พอเขาพูดจบ สายตาก็มองไปที่โทรศัพท์ของมู่น่อนน่อน หลังจากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา สีหน้าดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ฉันเคยถามผู้ช่วยอยู่ ว่าทำไมช่วงนี้ถึงมีเด็กมาที่คลินิกเยอะ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
มู่น่อนน่อนยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าเขาอย่างใจกว้าง “พวกเธอกำลังชมนายอยู่นะ”
ลี่จิ่วเชียนแค่หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนลงมาจากรถ พึ่งจะก้าวเข้าไปในร้านอาหารได้ก้าวเดียว ก็มีรถสีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับเข้ามาอย่างช้าๆ
รถสีดำคันนั้นจอดลงด้านข้างรถของลี่จิ่วเชียน
กระจกลดค่อยๆ ลดลง มู่หวั่นขีก็ยื่นหน้าที่แต่งหน้าหนาเข้มออกมา
สามปีหลังจากที่ซือเฉิงหยู้เสียชีวิตไป เธอใช้ชีวิตอย่างเมามายในช่วงหกเดือนแรก เธออยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนซือเฉิงหยู้นับครั้งไม่ถ้วน
สิ่งที่ยังสนับสนุนให้เธอมีชีวิตอยู่นั้น ก็คือความเชื่อที่จะล้างแค้นให้กับซือเฉิงหยู้
เธอนึกว่ายัยชั้นต่ำมู่น่อนน่อนนั้นตายไปตั้งนานแล้ว
แต่ใครจะไปรู้ว่า มู่น่อนน่อนนั้นจะโชคลาภชีวิตยิ่งใหญ่ กลับไม่ตายซะอีก
สามปีที่ผ่านมา เธอพยายามคิดหาวิธีแก้แค้นเฉินถิงเซียว แต่ว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้เข้าใกล้เฉินถิงเซียวยังไม่มีเลย
ในเมื่อมู่น่อนน่อนยังคงมีชีวิตอยู่ ก็คงต้องลงมือกับมู่น่อนน่อนแล้วล่ะ
มู่หวั่นขีคิดแบบนี้ แล้วริมฝีปากก็มีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอทำงานอย่างหนักหน่วงในการถ่ายทำ สภาพร่างกายของเธอแย่ลงเรื่อยๆ และผิวของเธอก็ไม่ค่อยดีขึ้นมากนัก
ทุกวันฉันต้องพัฟแป้งหนามากเพื่อปกปิดใบหน้าที่แห้งและไร้เลือดฝาดของเธอ
พอแต่งหน้าหนาเกินไป เวลายิ้มก็จะดูหน้าตาน่าเกลียดเล็กน้อย
มู่หวั่นขีเงยหน้าขึ้นมองดูกล้องที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นเท่าไหร่นัก ก็พบว่าตรงนี้มันเป็นจุดอับพอดี กล้องวงจรปิดไม่สามารถถ่ายถึงได้
แต่ว่าเธอก็ยังคงรอบคอบมาก สวมหมวกและเสื้อคลุม แล้วก็ลงจากรถมาพร้อมกับคีมและกรรไกร เดินไปยังรถของลี่จิ่วเชียน
……
ในร้านอาหาร
มู่น่อนน่อนพึ่งจะสั่งอาหารเสร็จ ก็ได้รับรูปภาพที่เสิ่นเหลียงส่งมาให้
รูปภาพที่เสิ่นเหลียงส่งมาให้นั้น ก็คือรูปภาพตอนที่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน
เธอในรูปภาพนั้น ดูอ่อนวัยกว่าตอนนี้มาก แถมสีหน้าก็ยังดูดีกว่าตอนนี้อีกด้วย
“ดูอะไรอยู่เหรอ?”ลี่จิ่วเชียนเงยหน้าขึ้นมองเธอ
มู่น่อนน่อนยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าเขา “เสี่ยวเหลียงส่งรูปมาให้ฉัน”
ลี่จิ่วเชียนรับไปดู แล้วก็เปิดรูปถัดไป ก็เห็นรูปภาพที่มู่น่อนน่อนเคยแต่งหน้าให้ดูอัปลักษณ์ แววตาของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที พร้อมกับพูดว่า “ดูเหมือนว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอมีสีสันมากเลยนะ”
“หมายความว่ายังไง? ”มู่น่อนน่อนรับโทรศัพท์กลับมาดู พอเห็นรูปภาพนั้น ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
อย่าว่าแต่มู่น่อนน่อนในตอนนี้เลย ต่อให้เธอเป็นแค่คนที่ดูอยู่เฉยๆ ก็ตาม ก็คงจะสงสัยชีวิตในสมัยก่อนของตัวเองเหมือนกัน
มีพี่สาวต่างแม่ที่เกลียดตัวเองเข้ากระดูก คนในครอบครัวก็ไม่สนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แถมเมื่อก่อนยังจงใจแต่งหน้าเป็นตัวตลกอีก แถมประธานของบริษัทเฉินซื่อยังเป็นพ่อของลูกเธออีก……
เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนมองดูรูปภาพนั้น แล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยพร้อมกับพึมพำว่า “จริงๆ ด้วย……มันดูมีสีสันอยู่นะ”