ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 108
ตอนที่ 108 เก่งแบบผิดปกติ
เนื่องจากเอ่อร์ยาไม่ได้จะเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ ดัง นั้นบุรุษชุดดำจึงไม่อนุญาตให้เอ่อร์ยาตามมาใน สถานการณ์เช่นนี้ด้วย ดังนั้นจึงให้เอ่อร์ยารออยู่ที่ โรงเตี้ยมแทน หลินซินเยียนให้เงินเอ่อร์ยาไว้จำนวนหนึ่ง กะว่าหลังจากที่ได้เข้าไปในศาลาความลับแห่งสวรรค์แล้ว ค่อยกลับมารับเอ่อร์ยา
หลินซินเยียนไม่รีบร้อน กลับไม่สนใจว่าจะผ่านไปได้ หรือไม่ อย่างไรในรายชื่อก็มีชื่อของนางอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อ มองไปที่อู่หมิงและไน่เหอฮวนที่อยู่ข้างๆ ไนเหอฮวนเองก็ ไม่ได้มีที่ท่าว่าจะรีบร้อนอะไร แม้กระทั่งเริ่มต้นแล้วสีหน้า ของเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นเคย
อู่หมิงมองคนที่พูดถึงเข็มทิศทั้งวันด้วยสายตาเยียบเย็น “พวกบ้านๆ”
เชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้ ยังคิดว่าตนเองสูงส่งไม่เหมือนผู้ อื่น หลินซินเยียนหัวเราะอย่างจนปัญญาแต่ก็ไม่ได้พูด อะไร
“เจ้าบอกว่าเจ้าช่วยได้ใช่หรือไม่ ไหนเจ้าบอกสิว่าพวก เราควรจะเดินไปทางไหน” อู๋หมิงมองไปทางไน่เหอฮวน อย่างยั่วยุ
ไน่เหอฮวนเองก็ไม่ได้โกรธทำแค่ยกมือขึ้นชี้ไปทางหนึ่ง เขายกมือชี้ขึ้นอย่างส่งเดช การยกมือชื่อย่างส่งเดชของ เขาทำให้คนที่มองเห็นอดคิดไม่ได้ว่าไม่ได้พิจารณาเลยหรือเพียงแค่พึ่งโชคชะตา
มุมปากของหลินซินเยียนกระตุกอดถามไม่ได้ว่า “ไม่ต้อง
คิดเลยหรือ”
“มีอะไรต้องคิดหรือ” สีหน้าของไน่เหอฮวนยังคงเป็นปกติ
ไม่เหมือนการพูดเล่น
หลินซินเยียนถูกไซร้ถามจนงงเป็นไก่ตาแตก ทำได้แค่ หันไปถามอู๋หมิง “เจ้าก็คิดว่าเดินไปทางนั้นเหมือนกันใช่ หรือไม่”
ใบหน้าของอู่หมิงนั้นเปลี่ยนเป็นประหลาดหลายครั้ง หลินซินเยียนเห็นเขากลืนน้ำลายหลายครั้งเวลาที่ไน่เหอ ฮวนพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเขากลับไม่ได้พูด อะไร ทำเพียงแค่พยักหน้าให้กับหลินซินเยียน
“นี่ก็เป็นไปได้ทั้งหมดหรือ” อู๋หมิงพยักหน้าความหมาย ของเขานั้นก็คือเห็นด้วยกับทางเลือกของไน่เหอฮวนหรือ นี่ ทำให้หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองไน่เหอฮวน เวลาที่ไม่มีหนทางใดๆเขากลับชี้ไปทางที่ชัดเจนโดยไม่ ต้องคิดอะไร นี่ช่างเป็นเครื่องทุ่นแรงอย่างแท้จริง
ทั้งสามคนเดินไปตามทางที่เลือกไว้ หมอกก็ยิ่งเยอะกว่า เดิม มองรอบๆไม่ชัดเจนเลย จากตอนแรกที่เริ่มนั้นยัง ได้ยินเสียงของคนอื่นที่กำลังพูดคุยกันอยู่ไม่ไกล หลังจาก เดินมาสักพักนอกจากเสียงลมหายใจของทั้งสามคนแล้ว นั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลย
แม้แต่เสียงนกเสียงแมลงอะไรก็ไม่มี
ในที่สุดหลินซินเยียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงจำเป็นจะ ต้องให้คนคนนี้เข้าร่วมกลุ่มมาด้วย ถ้าหากเดินมาคนเดียว ในที่ที่มีหมอกหนา มองอะไรก็ไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรเลย ใน เหตุการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ มาเป็นกลุ่ม อย่างน้อยก็ได้เห็นว่า มีคนอยู่ข้างๆ อย่างน้อยที่สุดก็พิสูจน์ได้ว่า ท่านยังคงมี ชีวิตอยู่
พวกเขาเดินท่ามกลางหมอกหนามาประมาณเวลาหนึ่ง ถ้วยชา ในที่สุดก็สามารถมองเห็นต้นไม้รอบๆ ต้นไม้รอบๆ นั้นล้วนแต่เป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่ เมื่อมองขึ้นไปก็พบว่าหมอก หนาได้บังกิ่งใบไม้ไปแล้ว แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังมองไม่เห็น มองเห็นเพียงแค่ต้นไม้ที่เบียดชิดกันรอบๆเท่านั้น
อู่หมิงที่เดินนำหน้าสุดก็หยุดเดินและหันหลับมามองไน่ เหอฮวนที่เดินอยู่หลังสุด “ครั้งนี้ เจ้าบอกหน่อยสิว่าเดินไป ทางไหน”
ไน่เหอฮวนกลับร้องเสียงต่ำ “อะไรอะไรก็ถามข้า เจ้าไม่ เชื่อใจตัวเองเลยหรือ ครั้งนี้เจ้าพูดบ้าง”
ประโยคนี้ อาจมองได้ว่าไน่เหอฮวนนั้นถึงแม้ว่าจะยิ้มอยู่
ตลอด แต่ว่าไม่ใช่เจ้านายที่พูดจาดี เขาเลือกไปแล้วหนึ่ง
ครั้ง ครั้งนี้ก็ควรที่จะวนมาเป็นตาอู๋หมิงบ้างแล้ว
อู่หมิงเองก็สึกว่าพูดไม่ออกดังนั้นจึงหันหน้ากลับไปอย่าง ไม่พอใจแล้วเดินไปทางซ้ายมือ
หลินซินเยียนไม่เข้าใจแต่ก็ขี้คร้านจะออกความเห็น ทำ เพียงแค่เดินตามอู่หมิงไป จนกระทั่งไม่เหอฮวนก็พยักหน้า แล้วนั้น ก็ไม่พูดอะไรแล้วเดินตามมา
หลินซินเยียนรู้เลยว่าครั้งนี้ อู่หมิงนั้นเลือกได้ถูกต้องแล้ว คนสองคนนี้ ไม่ได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไรมาช่วยเลย สามารถแยกแยะเส้นทางในหมอกหนาเช่นนี้แถมยังเลือก ทางได้ถูกต้องอีกด้วย ทำให้หลินซินเยียนรู้สึกเหมือนตัว เองกำลังถูกหวย เหตุใดสองคนนี้ที่เหมือนมีเทพคุ้มครอง อยู่ถึงได้เลือกที่จะอยู่กับนางที่เหมือนเป็นคนลากโถน้ำมัน
เล่า
“ช่วยด้วย”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องอย่างหวาดกลัวดังมาจากที่
ไกลๆ
ฝีเท้าของทั้งสามคนชะงัก หันไปมองทางต้นกำเนิดเสียง โดยไม่รู้ตัว
“เสียงนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน” ความจำของหลินซินเยียนนั้น แม่นยำมาก ฟังแค่ครั้งเดียวก็สามารถจำเสียงได้ไม่ยาก ใช่ แล้ว ไม่ใช่คนที่พูดฉีกหน้านางสองสามครั้งคนนั้นหรอก หรือ ดูเหมือนว่าพวกจะเดินมาทางนี้เช่นกัน
“อ่อ พวกคนที่พูดไม่ดีกับเจ้าที่บอกว่าผู้หญิงไม่คู่ควรที่ จะมาเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์” ไน่เหอฮวนพูดอย่างกระ ด้างๆ น้ำเสียงเหมือนเบื่อๆอยู่ในลำคอ
หลินซินเยียนคิดไม่ถึงเลยว่า แค่เขาได้ยินก็ฟังออกแล้ว “พวกเราควรไปดูไหม”
“คนที่รังแกเจ้า เจ้ายังจะอยากไปช่วยเขาอีกหรือ” ไน่ เหอฮวนกระตุกมุมปาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าไม่เห็นด้วย
หลินซินเยียนยักไหล่ “ข้าแค่ถามไม่ได้พูดว่าอยากจะไป
ช่วย”
อู่หมิงได้ยินที่ทั้งสองคนพูด และก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ พวกเรารีบไปกันเถิด เมื่อครู่เขาตะโกนว่าช่วยด้วย ไม่แน่ ว่ารอบๆอาจจะมีอะไรจริงๆก็ได้”
หลินซินเยียนไม่ใช่คนที่ แสดงท่าทางว่าเป็นคนที่มีจิตใจ ดีตลอด แต่แท้จริงแล้วนางเป็นคนที่อาฆาตมากเช่นกัน ถ้า หากว่าเป็นคนอื่นที่ร้องขอชีวิต นางอาจจะมีความลังเลบ้าง แต่ว่าสำหรับคนเหล่านั้นแล้ว ขอโทษด้วยนะ นางไม่อยาก จะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรอก
ทั้งสามคนยังคงเดินหน้าต่อไป เสียงร้องที่ร้องไห้ช่วยเห ลือค่อยๆเบาลง แต่ว่าเวลาผ่านไปไม่นานก็ไม่ได้ยินแล้ว สำหรับสิ่งที่พวกเขานั้นพบเจอนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพวกของ หลินซินเยียนทั้งนั้น
“เอ๋” อู่หมิงที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดหยุดเดิน มีกิ่งไม้ท่อน หนึ่งโน้มขวางอยู่ด้านหน้าของพวกเขา กิ่งไม้กิ่งนั้นมีผ้า แขวนอยู่ ราวกับว่าเป็นเสื้อผ้าของคนที่แขวนไว้ บนผ้าชิ้น นั้นมีเลือดสดที่ยังไม่แห้งดีเปื้อนอยู่เล็กน้อย
หลินซินเยียนและไน่เหอฮวนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สีหน้า ของทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น “ดูแล้วที่นี่ดูเหมือนจะ เป็นอันตรายกับพวกเรามากกว่าที่คิดนะ”
“เอิ่ม คนนี้ได้รับบาดเจ็บนี้น่าจะมาจากทางนั้น และทางที่ พวกเรากำลังจะเดินไปก็คือทางนั้น ในป่านี้มีทางออกทาง เดียว พวกเราไม่มีทางออกอื่นให้เดินไปได้แล้ว” สีหน้าของอู่หมิงดูไม่ได้ขณะที่พูด
“เช่นนั้นก็เดินไปเถิด” ไน่เหอฮวนเอียงตัวมาข้างหน้ามา ดึงแขนของหลินซินเยียนให้นางมาเดินข้างๆตน “เจ้ามา เดินข้างๆข้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็มาพิงอยู่บนตัวข้า”
ถ้าหากว่าเขาไม่ได้พูดอย่างจริงจังแล้ว แต่ว่าประโยคนี้ ถ้าให้คนอื่นได้ยินเข้าคงจะรู้สึกว่าเขากำลังลวนลามนาง
“ได้” หลินชินเยียนไม่ได้ถือตัวว่าผู้หญิงผู้ชายอยู่ใกล้ชิด กันไม่ได้ เมื่อเวลามีอันตราย เพียงแต่มีที่ให้พักพิงได้ที่หนึ่ง เพียงแค่สามารถปกป้องชีวิตของนางได้นางก็ไม่ลังเลใจที่ จะพึ่งพิงเลยแม้แต่น้อย
อู่หมิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้ามาเดินอีกข้างหนึ่งของไน่เหอ ฮวน และพิงไน่เหอฮวนชิดกว่าเดิม
“เจ้าทำอะไรนะ” ไน่เหอฮวนงงงวยกับการกระทำที่
ประหลาดของเขา
อู๋หมิงค้อนปะหลับปะเหลือก “ทำไมหรือ ทุกคนก็เป็น สหายร่วมกลุ่ม เจ้าไม่ได้พูดหรือว่าถ้ามีอันตรายเมื่อไหร่ให้ เขยิบเข้าใกล้เจ้า ข้าไม่เป็นในเรื่องการต่อสู้เลยดังนั้นคงจะ ต้องอยู่ใกล้ๆเจ้าหน่อย เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไม ข้าแซ่อู่ อย่างไรก็ต้องเป็นเรื่องการต่อสู้หรือ เช่นนั้นครนแซ่จินก็ต้อง มีทองอย่างนั้นหรือ”
เหตุผลที่เขาพูดถึงนั้นมันก็แน่อยู่แล้ว ทำให้คนอื่นไม่ สามารถโต้แย้งได้ เพียงแต่ชายร่างใหญ่หนึ่งคนเดินพิงอีก ด้านหนึ่งของชายร่างใหญ่อีกคนหนึ่ง ภาพที่เห็นนั้นมองอย่างไรรู้สึกอย่างไรก็น่าเกลียดพิลึก