ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 115
ตอนที่ 115 ไม่ได้มองเห็นอะไรเลย
“ลงไม้ลงมือ….” หลินซีนเยียนหยุดเดินทันที กล้ามเนื้อ บนใบหน้ากระตุ้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ” คือว่า พวกเราไป หาผู้อาวุโสสี่ก่อนเถิด”
คนที่มีแนวโน้มชอบความรุนแรงเป็นปัญหามากจริงๆ จะ ว่าไป เธอเป็นผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอปวกเปียกคนหนึ่ง หากเขาจะลงมือกับเธอจริงๆ ทำไมเธอต้องไปรนหาที่ด้วย?
“เจ้าแน่ใจ?” เฝิงซื่อไห่เบิกตาโพลง “ผู้อาวุโสสี่มีนิสัย แปลกอย่างมาก และเป็นผู้อาวุโสที่มีลูกศิษย์น้อยที่สุด ตอนนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น แต่ว่า….”
“แต่ว่าอะไรหรือ?” หลินซีนเยียนเห็นท่าทีของเขาก็คิ้ว ขมวด อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ พูดมาถึงขนาดนี้แล้วยัง จะเว้นจังหวะให้คนรอลุ้นอีก
“แต่ว่าเขาเป็นคนที่เก่งกาจมากที่สุด นอกจากท่าน ประมุขกับเหล่าผู้อาวุโสแล้ว ลูกศิษย์สองคนนั้นของผู้ อาวุโสสี่ก็เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในศาลาความลับแห่ง สวรรค์ แต่น่าเสียดาย เขาว่าเป็นเรื่องของวาสนา นิสัยของ ลูกศิษย์สองคนนั้นก็แปลกมากเหมือนกัน ”
ะ ทั้งสามคนแปลกหมดเลยเหรอ?
หลินซีนเยียนเอามือกุมขมับ “ช่างเถอะ ไปพบก่อนแล้ว
ค่อยพูดเถอะ”
เฟิงซื่อไห่เห็นความตั้งใจของเธอก็ถือโคมไฟแล้วเดิน นำทางไป
คนนิสัยแปลกๆ ขนาดนี้สถานที่ยังแปลกเลย เฝิงซื่อไห่ พาหลินซีนเยียนเดินผ่านถนนไปยังห้องที่อยู่ตรงถนน ห้อง นั้นมีเด็กหนุ่ม 2 คนกำลังก่อไฟทำอะไรบางอย่าง เมื่อเห็น เฟิงซื่อไห่เดินมาก็ต้อนรับขับสู้อย่างดี
เฟิงซื่อไห่หัวเราะแล้วเอ่ยขานรับสองคนนั้น ดูเหมือนว่า คนของเขาจะเข้ากับคนอื่นได้ดีอย่างมาก “ผู้อาวุโสสื่อยู่ หรือไม่? ”
พี่ชื่อไห่มาหาผู้อาวุโสสี่หรือ?” คนหนึ่งในนั้นเอ่ยถาม
เฝิงซื่อไห่พยักหน้า แล้วชี้ยังมาหลินชีนเยียนที่อยู่ข้างๆ “นี่คือศิษย์ที่ผ่านการคัดเลือก ท่านประมุขให้ข้าพามาผู้ อาวุโสสี่ว่าเข้าตาหรือไม่”
“อ๋อ….” คนผู้นั้นเบิกตาโพลง เห็นได้ชัดว่าตกใจอย่าง มาก
หลินซีนเยียนชินกับการท่าทางตกใจของพวกเขาแล้ว ดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร เมื่อคนผู้นั้นเรียกสติคืนมา บะ ได้ก็เอ่ย ” ผู้อาวุโสสื่อยู่ขอรับ เพียงแต่…เขามองหลินซีน เยียนอย่างลำบากใจ ไม่ทันไรหน้าก็แดงแล้ว ” คือว่า คือ ว่า….ผู้อาวุโสกำลังทดสอบอะไรแปลกๆอยู่เกรงว่าแม่ นางไปพบแล้วจะไม่ค่อยดีเท่าไร”
เมื่อเฝิงซื่อไห่ได้ยิน ใบหน้าจะเคร่งขรึมลง อดไม่ได้ที่จะ เอ่ยเตือนหลินซีน เยียน “แม่นางหลิน ข้าว่าไม่ต้องไปพบหรอก ข้าพาท่านไปหาผู้อาวุโสสามดีกว่า ผู้อาวุโสสี่ชอบ ทำสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสยดสยองอย่างมาก แล้วยังใช้คนมาท ดลองอีก ข้าเองก็ยังกลัวเลย ”
“ไม่เป็นไร ในเมื่อมาถึงที่แล้ว ข้าจะลองไปดูสักหน่อย” หลินซีนเยียนฉีกยิ้ม ตอนนี้มีเพียงผู้อาวุโส 2 ท่านที่อยู่ใน ศาลาความลับแห่งสวรรค์ เธอไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้ หลุดมือไปอย่างง่ายดายหรอก
เฝิงซื่อไห่จ้องเธอด้วยสีหน้าลำบากใจ ลังเลไปสักพัก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “เช่นนั้นแม่นางก็ให้พวกเขาพา ท่านไปเถอะ ข้าจะยืนรออยู่ตรงนี้ หากผู้อาวุโสสี่ไม่พอใจ ท่านล่ะก็ ข้าจะพาท่านไปหาผู้อาวุโสสาม”
หลินซีนเยียนพยักหน้า “ดี”
มีหนึ่งคนที่พาหลินซีนเยียนไปยังเรือนหลัง หลินซีนเยียน คิดว่าผู้อาวุโสสีนั่นจะอยู่ในเรือนหลัง คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่ม นั้นจะหาเธอไปบ่อร้างที่แห้งขอดที่อยู่ด้านหลังของเรือน หลัง ตอนที่เธอจ้องมองด้วยความแปลกใจ เขาก็เดินเข้าไป ในปากบ่อร้างนั้นแล้ว หลินซีนเยียนกำลังสงสัยอยู่นั้นก็เห็น เด็กหนุ่มที่หายเข้าไปในปากบ่อก็โผล่หน้าออกมาอีก “แม่ นาง เจ้ามัวรออะไรอยู่เล่า รีบเดินตามข้ามา อย่ากลัวไป เลย ในบ่อน้ำนี้ไม่มีน้ำ เป็นเพียงทางเดิน ”
ทางเดิน! หลินซีนเยียนรู้สึกเลื่อมใส ในบ่อน้ำลึกขนาดนี้ สามารถทำเป็นทางเดินได้ นับว่ามีความคิดสร้างสรรค์ อย่างมาก
เธอเดินตามเข้าในบ่อน้ำแล้วสำรวจภายในทันที ที่แท้กำแพงบ่อน้ำนี่เป็นขั้นบันได เพียงแต่ขันบันไดมันสูงชัน เธอจึงยกชายกระโปรงขึ้น จับราวบันไดแล้วก้าวลงไป อย่างระมัดระวัง
ทางเดินมันกว้างอย่างมาก สามารถบรรจุคนได้หลายคน ภายในได้จุดตะเกียงน้ำมัน จึงเกิดเป็นแสงสลัวๆ เมื่อทั้ง สองคนเดินมาก็เกิดเป็นเงาที่ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น
หลังจากที่เดินไปสักพักก็มาถึงสุดทางเดิน ตรงสุดทาง เดินเป็นกำแพงหินลื่นจนเงา หลินซีนเยียนเดาว่าที่นี่ต้องมี กลไลที่สามารถเปิดกำแพงหินนี่ได้ เพราะว่าในละครเกือบ จะทั้งหมดก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ถ้าตามแพทเทิร์นแบบนี้ หลังกำแพงหินนั้นก็ควรจะมีอุโมงค์สวรรค์สินะ
“นี่ หลินซีนเยียน เจ้าจ้องที่กำแพงหินนั่นทำไม?” เด็ก หนุ่มสงสัยจึงกวักมือเรียกเธอ “รีบมายืนตรงนี้กับข้าเร็ว”
หลินซีนเยียนหันหน้ากลับมา แล้วเดินไปหาเด็กหนุ่มคน นั้น เมื่อเธอเดินเข้าใกล้แล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นก็กระทืบเท้า แรงๆ 4 ครั้ง คล้ายกับเหยียบอะไรสักอย่างแตก ไม่รอให้ หลินซีนเยียนได้ตอบสนอง ที่พื้นก็เกิดเป็นหลุมขนาดลึก จากนั้นหลินซีนเยียนกับเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตกลงไปในหลุม นั้นพร้อมกัน
“อ๊ากกก!” ตามมาด้วยเสียงร้องที่หวาดกลัวของหลินซีน เยียน เธอตกเข้าไปในดอกฝ้ายที่นุ่มๆอย่างแรง ไม่ผิด เป็น ดอกฝ้ายจริงๆ
มีปุยฝ่ายที่ลอยขึ้นมาติดที่ผมของเธอ เธอกลืนน้ำลาย ลงอย่างตกตะลึง สายตาจ้องมองไปยังผู้ชายที่เปลือยท่อนบน เพียงสวมแค่กางเกงชั้นในตัวหนึ่งคนนั้นอย่างงุนงง
“อ๊ากกก!” เสียงร้องอย่างตกใจนั้นดังกว่าเสียงร้องของ หลินซีนเยียนซะอีก
ผู้ชายที่เปลือนท่อนบนคนนั้นแหกปากร้องไปพลางหยิบ เสื้อคลุมจากพื้นขึ้นมาสวมไปพลาง เอามือชี้ไปยังหลินซีน เยียนแล้วตะโกนพูด “ทำไมถึงมีผู้หญิง? ทำไมถึงมีผู้หญิง!
หลินซีนเยียนกระพริบตาปริบๆ คล้ายกับยังคงตะลึงงัน อยู่ แต่กล้ามหน้าท้องของชายคนนั้น….เอ่อ มารดาเจ้าสิ รูป ร่างกำยำล่ำสันแบบนั้นเธอเคยเห็นในหนังมาเยอะแล้ว แต่ ทำไมยังรู้สึกตะลึงอยู่
“อาจารย์ ! ข้าบอกข้าไม่ถอดเสื้อผ้า ท่านกลับจะให้ถอด อยู่ท่าเดียว ท่านรับประกันว่าจะไม่มีคนนอกเข้ามา! แล้ว นั่นคืออะไร ท่านเห็นหรือไม่ว่านั่นคืออะไร เป็นผู้หญิง! ผู้ หญิงนะ อาจารย์! ความบริสุทธิ์ของข้าโดนท่านทำลายไป แล้ว! ” ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปหาชายแก่ที่ ถือพู่กันขนาดใหญ่อยู่ในมือ
หลินซีนเยียนเพิ่งเห็นว่ามีชายแก่อยู่ที่นี่ด้วย ถึงยังไงแค่ แวบแรกก็มัวแต่มองชายที่เปลือยท่อนบนอยู่ โดนทิวทัศน์ อันงดงามดึงดูดไปซะขนาดนั้น สิ่งอื่นที่อยู่รอบๆก็ไม่ได้ ผ่านสายตาเลยสักนิด
ชายแก่คนนั้นสวมชุดคลุมสีขาวทั้งตัว มือข้างหนึ่งถือ จานฝนหมึก อีกข้างหนึ่งถือพู่กันขนาดใหญ่ ชุดคลุมสีขาว ของเขาเลอะไปด้วยหยดน้ำหยกสีดำเยอะมากจนดูไม่ได้เลย เขาคล้ายกับกำลังวาดภาพ แต่ในที่นี้ไม่ได้กระดาษ วาดภาพเลยสักแผ่น
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะมีผู้หญิงเข้ามา? ไอ้หยา! เจ้าเป็น ลูกผู้ชาย พูดบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์อะไร เจ้าดู สาวน้อยคนนั้น ก็หน้าตาก็ไม่เลวเลยทีเดียว หากเจ้ายังไม่ตกล่ะก็ อย่าง มากแค่ไปจับนางมาแล้วให้นางรับผิดชอบเจ้าก็ได้แล้ว ชายแก่ชุดขาวด่าไปชุดหนึ่งแล้วถอนหายใจอย่างขุ่นเคือง ถือจานฝนหมึกแล้วเดินไปหาหลินซีนเยียน “นี่ สาวน้อย เจ้าได้ยินแล้ว เจ้าจะรับผิดชอบหรือไม่?”
หลินซึนเยียนอยากจะพูดออกปาก มารดาเจ้าสิ หากเห็น แค่กล้ามเนื้อไม่กี่ก้อนก็จะให้รับผิดชอบแล้วล่ะก็ งั้นเธอก็ ต้องรับผิดชอบหลายคนเลยสิ
ดังนั้นเธอจังไม่ลังเลจะส่ายหน้า “เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่ ที่จริงก็มองอะไรไม่ชัดเลย”
“เจ้าพูดข่มข้าหรือ? ” ชายแก่ชุดขาวจ้องตาถลนแล้ว แผดเสียงตะโกน “ เห็นๆอยู่ว่าเจ้าจ้องหน้าอกของลูกศิษย์ ของข้าตาไม่กระพริบ นั่นยังเรียกว่ามองไม่ชัดอีกหรือ? นัง เด็กนี่ โกหกเก่งกว่าข้าอีกซะอีก!”