ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 144
ตอนที่ 144 ผิดหวังหรือว่าหมดหวัง
อู่อี้ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นโม่จื่อเฟิงย่นคิ้ว และ พูดเสียงเย็นว่า “เหตุใดจึงมีคนบ้าเช่นนี้เข้ามาได้ กล้าไม่เจียมตัวอยู่หน้าประตูวังอีกรี” เขาหันไป คำรามใส่องครักษ์หน้าประตูอีก “พวกเจ้าทำเรื่อง อะไรกัน”
องครักษ์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบคุกเข่าสำนึกผิด พวกเขากลัวจนตัวสั่นไปหมด
พริบตาถัดไป ทั้งตัวของอู่อี้ก็รู้สึกเย็นวาบ เขา คิดไม่ถึงเลยว่าเวลานี้โม่จื่อเฟิงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ จักเขา ไม่ยอมให้เขาพูดจนจบเลย ในใจของโม่ จื่อเฟิงนั้น หลินซินเยียนนั้นคงจะไม่มีความหมาย อะไรเลยจริงๆ
อู่อี้ปวดใจ สีหน้าของเขาขาวซีด เขาชี้หน้าของ โม่จื่อเฟิง เขาพูดไม่ออก เขายังมองเห็นเซียวจุน มองมาทางนี้อย่างสงสัย ทันใดนั้นเขาก็ยิ้ม คงจะ เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนที่กำลังจะเป็นคนใน ครอบครัวเดียวกัน โม่จื่อเฟิงจะยอมให้สาวใช้อุ่น เตียงของเขาเปิดโปงได้อย่างไร ยิ่งสาวใช้อุ่นเตียง คนนั้นยังตั้งครรภ์อีกด้วย
เขายินดีเหลือเกิน ยังดีที่วันนี้คนที่มาตามหาคนที่จวนอู่เซวียนอ๋องเป็นเขาไม่เป็นหลินซินเยียนที่มา ถ้าหลินซินเยียนมาสถานการณ์เช่นนี้คงบีบรัด หัวใจมากเกินไป
“ยืนงงทำไมเล่า ยังไม่ไล่เขาไปอีกรี” โม่จื่อเฟิ งกวาดตามององครักษ์เหล่านั้น พวกเขาจึงรีบลุก ขึ้นไล่อี้
องครักษ์เหล่านี้รับแรงโทสะของโม่จื่อเฟิงที่นี่ ดังนั้นจึงอยากจะลงโทษอู่อี้เป็นธรรมดา ดังนั้นจึงมี ท่าทีที่เลวร้ายต่ออู่อี้มากขึ้น พวกเขารีบชักมีดยาว ที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาหมายจะฟันอู่อี้
อู่ต่อสู้ไม่เป็นเขาจึงทำได้แค่ถอยหลังเรื่อยๆ ตาของเขาเห็นมีดยาวขององครักษ์คนหนึ่งกำลังจะ ตัดแขนของเขา เสียงเรียบๆของโม่จื่อเฟิงก็ดังขึ้น “พรุ่งนี้จะเป็นวันมงคลใหญ่ของข้า อย่างไร พวก เจ้าอยากให้ข้าเห็นเลือดที่หน้าประตูวังหรือ” w
เหล่าองครักษ์ได้ยินเช่นนั้นไหนเลยจะกล้า ลงมีด ทำเพียงแค่อดทนวางมือลง เมื่ออู่อี๋ใกล้จะ ถอยออกไปด้านนอกราวสิบจั้งแล้ว องครักษ์เหล่า นั้นถึงได้หยุด
อู่อี๋โกรธจนตาแดงก่ำ ยกมือขึ้นชี้หน้าโม่จื่อเฟิง
สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรแล้วหมุนตัวเดินจากไป เพียง
แต่ด้านหลังของเขานั้นมองดูแล้วช่างเวิ้งว้างเหลือ
เกิน
หลังจากที่อู๋อี้กลับมาถึงโรงหมอแล้ว ท่านหมอ
ใหญ่เห็นเขายังคงกลับมาแค่คนเดียว สีหน้าของ เขาก็เข้มขึ้น “เหตุใดจึงไม่มีคนมาด้วย นี่ จะทำ อย่างไรกันดีนี่”
อู่อี้หน้าแดงก่ำ เครียดจนพูดไม่ออก ทำได้แค่ เพียงมองไปยังม่านบังลมอย่างกระวนกระวาย
แม่นางชุดชมพู หลี่ถึงทนดูต่อไปไม่ไหวจึงหยิบ ตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อแล้วมอบให้กับท่านหมอ “ท่านหมอ ไม่อย่างนั้นให้ข้าส่งคนไข้กลับไปเถิด ข้าเองก็เป็นผู้หญิงไม่น่ามีปัญหาหรอก”
ท่านหมอผลักตั๋วเงินของนางออก “นี่ไม่ใช่เรื่อง ของตั๋วเงิน เปิดโรงหมอนั้นจะต้องตั้งอยู่อย่างสงบ สุขเท่านั้น ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ใช่ คนในบ้านพ่อแม่ของนาง ท่านพานางกลับไปเช่นนี้ สำหรับท่านเองนั้นก็ไม่ดีเช่นกัน เป็นการกวักมือ เรียกความหายนะเข้าหาตัว แม่นาง ท่าน อย่า…”
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้ไหม ข้ากับคนไข้ที่อยู่ข้าง ในนั้นผูกพันกันเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เช่นนี้ข้าก็ ถือว่าเป็นคนในครอบครัวนางแล้วนะสิ แล้วก็ไม่ได้ ขัดข้อต้องห้าม” หลี่ถิงเปิดปากคลี่ยิ้มแล้วนำตั๋วเงิน ยัดใส่มือของหมอ
ท่านหมอกับตั๋วเงินลังเลอยู่สักพักถึงจะพยักหน้า
หลี่ถึงรีบเดินไปทางด้านหลังม่านกันลมแต่กลับ ถูกสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังดึงตัวไว้ “คุณหนู ท่านยัง เป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน การหลบเลี่ยงเช่นนี้ เชื่อดีกว่าไม่เชื่อนะเจ้าคะ ท่านอย่าเข้าไปเลย”
หลี่ถึงปัดมือของนางออก “ได้ คำพูดพวกนี้เจ้า พูดจบแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะก่อ เรื่องหรอกหรือ ตอนนี้ข้ากำลังรับผิดชอบเรื่องที่ข้า ก่อเอาไว้ เจ้าก็ยังไม่ยินดีอีก เอาละ ข้ารู้ว่าอะไรดี ไม่ดี ไม่ต้องพูดแล้ว”
สาวใช้ขวางนางไว้ไม่ได้จึงได้แต่กัดฟันแล้ว เดินตามนางเข้าไป
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินเข้าไปหลังม่านกันลม แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง กลับ ปรากฏสีหน้าที่เศร้ารันทด
ดวงตาเปล่าเปลี่ยวของหลินซินเยียนมองไป ทางหนึ่ง จนกระทั่งทั้งสองคนเดินเข้ามานางถึงได้ ค่อยๆหันหน้ามา แต่ว่าเคลื่อนไหวเบาๆ น้ำตาของ นางก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าตั้งแต่เริ่ม จนถึงตอนนี้นั้นมีสติ นางรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง และรู้ว่าก่อนหน้านี้อู่อี้ได้ออกไปแล้ว นางยิ่งรู้ได้เลยว่าอู่อี้ไปที่จวนอู่เซวียนอ่องมาแล้ว แต่โม่จี่อเฟิง นั้น ไม่มา
สุดท้ายแล้ว ในใจของเขานั้นนางก็เป็นได้แค่ เครื่องระบายความปรารถนาก็เท่านั้น
นางไม่ได้ผิดหวัง แต่นางหมดหวัง เป็นนางที่ไม่ เจียมตัวที่คาดหวังต่อผู้ชายอย่างเขาไว้มากเกินไป
นางปิดตาลง มือของนางค่อยๆลูบบนท้องน้อย ของตัวเองอย่างเบามือ ในนั้นมีชีวิตหนึ่งที่กำลัง เติบโตอย่างมั่นคง แต่เดิม นางไม่เคยมีความคิดจะ คลอดลูกของโม่จื่อเฟิงเลย ดังนั้นครั้งที่แล้วที่นางมี ครรภ์แต่กลับถูกกุ้ยมาเคี่ยวกรำจนแท้ง ถึงแม้ว่า นางจะรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวแต่ว่าจากก้นบึงของ หัวใจนางกลับมาความสุขเล็กๆเกิดขึ้น อย่างน้อย ที่สุด นางก็จะได้ไม่ต้องให้เด็กคนนี้ที่ตั้งแต่เกิดมาก็
ใช้ชีวิตอย่างน่าสงสาร
แต่ครั้งนี้ มีชีวิตน้อยๆมาถึงแล้ว นางถึงกับต้อง
ยอมแพ้เขาอีกหรือ
ไม่ นางทำไม่ได้
นางเพิ่งจะเสียผู้เฒ่าเยว่อาจารย์ที่นางใกล้ชิด ไปแล้ว นางไม่สามารถเสียเด็กคนนี้ไปได้อีก
บางทีสีหน้าของนางนั้นอาจจะดูโศกเศร้าอาดูร ทำให้หลี่ถึงและสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงเห็นอารมณ์และสีหน้าของนาง ทั้งสองคนจ้องมาที่นาง พลอยติดความเศร้าโศกของนางไปด้วย คล้ายว่า น้ำตาไหลทะลักออกมา
“พี่สาว ท่านอย่าเสียใจเลย เด็กก็รักษาไว้ได้ แล้วนะ” หลี่ถึงรีบส่งเสียงปลอบโยนนาง
หลินซินเยียนได้สติกลับมา ลืมตา แล้วจึงยก แขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา นางมองไปทางด้านหลังม่าน กันลมแล้วกัดริมฝีปากล่าง พูดเสียงเบากับหลี่ถิง
“อย่าบอกศิษย์พี่ของข้าว่าข้าร้องไห้”
หลี่ถึงตกใจแต่ก็พยักหน้า
ภายใต้การประคองของหลี่ถิงและสาวใช้ หลิน ซินเยียนถึงได้ค่อยๆเดินออกมาหลังม่านกันลม นาง ก็ได้เห็นสีหน้าที่วิตกกังวลของอู๋ อี้ ถึงได้คลี่ยิ้มจางๆ “ศิษย์พี่ ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”
“อืม” อู่อี้ขานรับ เวลานั้น เสียงของเขาสะอึก สะอื้น ถ้าไม่ใช่ชายที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวหลั่งเลือดไม่ หลั่งน้ำตา ที่น่ากลัวคือเขานั้นก็น้ำตาร่วงได้เช่นกัน
ต่อให้ถึงเวลาเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้กลับยังคงยิ้ม นางเพียงแค่ต้องการให้เขาไม่เป็นกังวลใช่หรือไม่ เขาไม่เป็นกังวลได้แต่เขาไม่ปวดใจไม่ได้
“หน้าประตูมีรถม้าของข้า พวกเราขึ้นรถม้ากัน ก่อนเถิด แล้วค่อยไปส่งพวกท่านกลับไป” หลี่ถึงพูดกับอู่อี้
อู่อี้เห็นหลี่ถึงช่วยเหลืออย่างมีน้ำใจ มุมมองที่ เขามีต่อนางก็เปลี่ยนไป หลังจากพยักหน้าใจนาง แล้วถึงจะถือของตัวเองตามขึ้นไป
หลี่ถึงและสาวใช้ประคองหลินซินเยียนขึ้นรถ ม้า อู่อีนั่งอยู่ด้านนอกกับคนขับรถม้า
ในรถม้า หลี่ถึงมองหน้าของหลินซินเยียนไม่ วางตา “พี่สาว ท่านสวยมากเลย”
หลินซินเยียนที่ก่อนหน้านั้นก้มหน้า เมื่อได้ยิน คำพูดของนางแล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างเสียไม่ ได้แล้วปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ
หลี่ถึงก็ไม่ได้ถือสาความเย็นชาของนาง เข้าใจ ว่านางกำลังโกรธที่ตัวเองทำให้นางบาดเจ็บ จึงรีบ เอ่ยปากขอโทษ “พี่สาว ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ตั้งใจ ชนท่านจริงๆ ข้าไม่ดูตาม้าตาเรือเอง ท่านอย่าโกรธ ข้าเลยได้ไหม”