ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 147
ตอนที่ 147 เส้นทางร้องขอชีวิต
อู่อี้เองก็ตกใจมาก สามารถลากหมอหลวงใหญ่มาเป็น เด็กต้มยาได้ โม่จื่อเฟิงนั้นเป็นคนมีอิทธิพลอย่างที่เคย ได้ยินผ่านหูมาจริงๆ
คำพูดของหมอหลวงเฉินเหมือนตลับที่ถูกเปิดฝา ก็อดไม่ ได้ที่จะบ่นต่อ “นึกถึงปีที่องค์จักรพรรดิยังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่ ต้องทำงานเป็นเด็กต้มยาแล้ว ไม่คิดเลยว่าแก่แล้วจะยังถูก อู่เซวียนอ๋องรังแกเช่นนี้ เพียงแต่ท่านอู่เซวียนอ่อง ข้าเองก็ ยุแหย่ไม่ได้ จักรพรรดิยังต้องกลัวเล็กน้อย แต่ว่านะ ข้าเอง ก็ยังไม่เข้าใจ พูดไปแล้วศิษย์น้องของเจ้านั้นก็หน้าตา สะสวย แต่ก็ไม่ได้นับว่างามล่มเมือง วันหน้าจักรพรรดิมอบ ผู้หญิงให้กับอู่เซวียนอ่อง ยังมีผู้หญิงที่สวยกว่านางมาก เหตุใดถึงไม่เห็นความใส่ใจของอู่เซวียนอ่อง”
“.” สำหรับคำบ่นของหมอหลวงเฉินนั้น อู๋อี้ทำได้ เพียงยิ้มอย่างเก้อเขิน จะตอบรับเขาได้อย่างไร
หมอหลวงเฉินพูดอย่างไม่มีข้อบกพร่อง สุดท้าย ก็สาย หัว “ดูแล้วเจ้าน่าจะหวังดีกับศิษย์น้องของเจ้าจริงๆ ฟังข้า นะ รอจนถึงเมื่อนางรักษาตัวหายแล้ว แล้วรีบหาที่ที่อยู่ไกล จากตัวเมืองไปแล้วเปลี่ยนชื่อแซ่ซะ ไม่เช่นนั้นถ้ากลับมา แล้วชีวิตอาจจะหาไม่ได้ อย่างไรก็ตามในเมื่อเป็นคนที่ข้า ช่วยชีวิตกลับมาแล้ว ข้าใช้แรงกำลังแล้ว ข้าไม่อยากให้สิ่ง ที่ข้านั้นทำไปนั้นผลสุดท้ายไม่มีความหมายใดใด”
“ท่านหมอหลวงเฉิน ที่ท่านพูดนี้หมายถึง” อู่อี้ประหลาดใจ ใจของเขาก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
หมอหลวงเฉินเห็นเขาไม่เข้าใจก็พูดขึ้นอีก “เหตุใดเจ้าถึง ไม่เข้าใจ อู่เซวียนอ๋องมีพระชายาที่ถูกต้องแล้ว เช่นนั้นก็ จะมีแค่พระชายาเท่านั้นที่สามารถให้กำเนิดทายาทสวรรค์ ได้ ถ้าศิษย์น้องของเจ้าให้กำเนิดลูกผู้หญิงก็ยังดี แต่ถ้า เป็นผู้ชาย พระชายาจะปล่อยไว้หรือ ตั้งแต่โบราณมาเรื่อง ทายาทนั้นมีลำดับขั้น ไม่อนุญาตให้ทายาทสวรรค์นั้นไม่ สามารถมีพี่ชายได้”
หมอหลวงเฉินพูดด้วยความจริงใจ สำหรับอู่อี้ที่ไม่ได้ คิดถึงเรื่องในอนาคตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว กลับเป็นการ เตือนแรก ชั่วพริบตานั้น ร่างของเขาก็ตกตะลึงเพราะ เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง
หมอหลวงเฉินเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้แล้วก็ส่ายหัว “เจ้านี่ไม่เข้าใจเรื่องของทายาทสวรรค์เลยสินะ จากที่ข้าดู นะ เจ้าเป็นคนที่ไม่สามารถปกป้องคนอื่นได้” หลังจากพูด จบเขาก็ก้มหน้าลงเคี่ยวยาต่อไป
อู่อี้ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น แม้แต่ซุปที่ต้มอยู่ในหม้อก็ลืมไป จนหมอสิ้น ถ้าหากหมอหลวงเฉินไม่เรียกเอาไว้ “ซุปข้น แล้ว” เขาถึงจะค่อยๆได้สติกลับมา
ฟ้าค่อยๆมืดลง ตะเกียงไฟในห้องไม่ได้ถูกจุด ดังนั้นทั้ง ห้องจึงตกอยู่ภายใต้ความมืดสนิท
อู่อี้ใช้มือขวาถือซุป มือซ้ายถือยา ใช้หลังดันเปิดประตู ห้องของหลินซินเยียนแล้วเดินเข้าไป
เขาช่วยประคองตัวหลินซินเยียนให้ลุกขึ้นนั่ง หลังจาก นั้นก็ยื่นชามยาให้ หลินซินเยียนไม่ต้องให้เขาบังคับกินยา เมื่อรับยามานางก็ดื่มจนเกลี้ยง
อู่อี้รับชายามาก็ยื่นถ้วยซุปให้นางเหมือนตอนแรก “ซุป ขันไปหน่อย เจ้ากินแก้ขัดไปก่อนนะ เจ้าก็รู้แต่ไหนแต่ไร ข้าไม่ชำนาญในเรื่องงานครัวเลยแม้แต่น้อย” “ไม่เป็นไร” หลินซินเยียนยิ้มอย่างอบอุ่น ค่อยๆดื่มซุป
สีหน้าของนางไม่ได้แสดงความรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
อู่ยิ้มองหลินซินเยียนดื่มซุปเช่นนี้ สีหน้าของเขากลับ แสดงความห่วงใย คิดอยู่นาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก ถาม “ศิษย์น้อง เจ้าเคยคิดจะหนีไปจากโม่จื่อเฟิงหรือไม่”
หลินซินเยียนเงยหน้า มองไปทางเขาอย่างแปลกใจ หลัง จากนั้นแววตาที่สื่อออกมาของนางก็มีดลง “มีหรือข้าจะไม่ เคยคิดมาก่อน เพียงแต่ข้าไม่มีอิสระก็เท่านั้น ไม่ต้องพูด ถึงว่าเราต้องพึ่งพิงแรงกำลังของเขาในการออกตามหา ศิษย์พี่ที่ร่วงตกลงไปก่อน นั่นคืออำนาจของเขาที่มีอยู่ใต้ หล้า ข้าจะหนีเขาไปได้ที่ไหนหรือ”
“เพียงแต่ วันพรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแล้ว ดูแล้วชายาของ เขาดูแล้วเจ้าจะเป็นได้ไม่ง่าย เมื่อถึงเวลา..”
ความหมายของอู๋อี้นั้น หลินซินเยียนเข้าใจดี แต่นางจะมี ทางหนีที่ไล่ให้เลือกที่ไหนเล่า “ข้ารู้ว่าวันพรุ่งเขาจะต้อง
แต่งงาน ขนาดข้าไม่มีลูก นางก็อาจจะไม่ยอมปล่อยข้าไป
มิหนำซ้ำข้ายังมีลูกแล้ว ตอนนี้ก็หวังได้แค่เพียงว่าโม่
จื่อเฟิงจะสามารถปกป้องเราสองแม่ลูกได้ก็เท่านั้น”
นำความหวังของตัวเองไปฝากไว้กับชายคนหนึ่ง ร่างนี้นี่ ตกอยู่ในสภาวะที่น่าเศร้าอย่างถึงที่สุด
“ถ้าหากเขาปกป้องไม่ได้เล่า” อู่อี้ถามด้วยความเป็นห่วง หลินซินเยียนเงียบลง ประโยคนี้เป็นคำถามที่นางเองก็ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
“ศิษย์น้อง พวกเราหนีกันเถอะ ถ้าหากแม้แต่ชีวิตตัวเอง ยังปกป้องไม่ได้ พวกเราจะเอาชีวิตที่เหลือไปช่วยศิษย์พี่ ได้อย่างไร” อู๋อี้กัดฟันพูด
“ศิษย์พี่.. .มีวิธีแล้วหรือ” นัยน์ตาของหลินซินเยียนมี ความหวัง
อู๋อี้ลังเลอยู่พักหนึ่งถึงจะพูด “ก็ไม่นับว่าเป็นวิธีหรอก เพียงแค่มีโอกาสก็เท่านั้น เจ้ารู้อาวุธเล่ห์กลทุกอย่างของ หอแห่งความลับ คนที่มาผลิตอาวุธที่หอแห่งความลับนั้น ไม่ใช่เพียงแค่คนที่มาจากอาณาจักรหนานเยว่ ครึ่งปีก่อน หัวหน้าองครักษ์ของอาณาจักรตอนเหนือได้มาที่หอแห่ง ความลับเพื่อจะผลิตอาวุธ บอกว่าจะมารับครึ่งปีให้หลัง อาวุธนั้นคือสิ่งที่พวกเราสามพี่น้องผลิต ดังนั้นพิมพ์เขียว ของอาวุธนั้น ข้าสามารถวาดขึ้นมาได้”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้หลินซินเยียนก็ตาเป็นประกาย นางจับ แขนของอู่อี้แน่น รีบพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว โดยทั่วไปแล้ว คนใหญ่โตเช่นนี้ไม่สามารถเดินทางไปยังอาณาจักรอื่นได้ ตามอำเภอใจ แต่ถ้าเขาเดินทางไปรับอาวุธที่พื้นที่อื่นก็จะ ต้องเดินทางมายังอาณาจักรหนานเยว่ แต่ปัจจุบันนี้ ข้อ อ้างที่ดีที่สุดในการที่จะมาอาณาจักรหนานเยว่ที่ดีที่สุดของเขาก็คือการมาร่วมงานสมรสของอู่เซวียนอ่อง ดังนั้น วันพรุ่งคืองานสมรสใหญ่ของอู่เซวียนอ่อง เช่นนั้นหัวหน้า องครักษ์ของอาณาจักรตอนเหนือก็จะต้องมาแน่”
“ศิษย์น้องเฉลียวฉลาดเสียจริง” อู่อี้พยักหน้าหัวเราะไป “ข้าหมายความเช่นนั้นแหละ ถ้าหากว่าข้าได้ไปคบค้า สมาคมกับองครักษ์นี้ หลังจากนั้นก็นำพิมพ์เขียวไปเป็น เงื่อนไขนำไปแลกเปลี่ยนกับการที่ให้เขาพาข้าไปจาก อาณาจักรหนานเยว่ เช่นนั้นอาจจะเป็นโอกาสเพียงน้อย นิดของพวกเราก็ได้”
หลินซินเยียนคิดแล้วก็กำชับอีกว่า “เช่นนั้นศิษย์พี่ พรุ่งนี้ ท่านจะต้องระวังหน่อย จะให้โม่จื่อเฟิงสังเกตเห็นไม่ได้เด็ด ขาด”
อู่อี้รับชามเปล่าที่อยู่ในมือนางมา “วางใจเถิด ข้าจะระวัง อีกอย่าง วันพรุ่งเป็นวันสมรสใหญ่ของโม่จื่อเฟิง เขาคงจะ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆเช่นนี้หรอก”
หลังจากอู่อี้ถือถ้วยเปล่าเดินออกไป ภายในห้องก็เงียบ
ลงอีก
หลินซินเยียนนอนอยู่บนเตียง มองเปลวเทียน ความรู้สึก อดไม่ได้ที่จะเพ้อคิดไปไกล ในสมองของนางก็คิดถึงคำ พูดของโม่จื่อเฟิงขึ้นมา ที่เขาพูดว่า เขาชอบนางแต่ก็คือแค่
ชอบ
ชอบหรือ…หลินซินเยียนหัวเราะเยาะออกมาอย่างอด
ไม่ได้
นางลูบท้องน้อยของตนอย่างแผ่วเบา สะอื่นเล็กน้อยแล้ว พูดว่า “ก็ต้องลำบากเจ้าแล้วละลูก เกิดมาก็ไม่มีพ่อ…แต่ ว่าเจ้าไม่ต้องเสียใจไปนะ แม่จะรักเจ้าให้มากขึ้นแน่นอน เจ้าจะได้รับความรักจากพ่อรวมกันให้เจ้า ดังนั้น เจ้าจะ ต้องตั้งใจ…”
เช้าตรู่ของวันที่สอง อู๋อี้ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดตัวยาวสีเทา ถึงแม้ว่าหลินซินเยียนจะไม่สามารถลุกขึ้นได้ นางก็ยัง เรียกอู่อี้มาที่เตียงแล้วใช้เครื่องสำอางตกแต่งใบหน้าให้ เขาก่อนที่จะให้เขาออกจากประตูไป
อู่อี้นำพิมพ์เขียวที่วาดตั้งแต่เมื่อคืนติดตัวไปด้วย แล้ว มายังจวนอู่เซวียนอ่อง เขาสั่งน้ำจับเลี้ยงอยู่ที่ร้านน้ำชาที่ อยู่ใกล้กับจวนอู่เซวียนอ่องมากที่สุด แล้วสังเกต สถานการณ์ที่ประตูจวนอู่เซวียนอ่อง
สมแล้วที่เป็นงานสมรสของตระกูลใหญ่อย่างจวนอู่เซวีย นอ๋องและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ยังเช้าตรู่อยู่เลยก็มีคนเดิน เข้าจวนอู่เซวียนอ๋องเป็นระลอกๆ อีกทั้งยังเป็นคนที่มี ตำแหน่งสูงและมีอำนาจมากของเมืองนี้ทั้งนั้น