ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 154
ตอนที่154 เมื่อเกิดช่วงวิกฤต
ไม่มีสายลมไม่มีพระจันทร์ไม่มีดวงดาวมีเพียง บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เหล่าองครักษ์ทั้ง10คนได้จุดไฟจนทำให้ในลานบ้าน สว่างขึ้น3ศพที่นอนเรียงกันอยู่ตรงกลางลานบ้านเมื่อยืม แสงสว่างจากแสงไฟก็เห็นศพ3ศพที่นอนจมกองเลือดอยู่ เห็นได้ชัดว่าทั้ง3คนนี้เพิ่งจะโดนฆ่าตาย
ชายฉกรรจ์ร่างสูงที่สวมชุดสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า เขาถือว่าดาบยาวเดินวนรอบศพ3ศพนั้นเมื่อพลิกดาบยาว นั้นก็สะท้อนเป็นใบหน้าของคน2-3คนเขามองไปแล้วเอ่ย ขึ้นอย่างไม่ชอบใจนัก”นี่เป็นบ้านเล็กบ้านน้อยที่อู่เซวียนอ่ องเลี้ยงเอาไว้หรือ?ข้าว่าก็หน้าตางั้นๆยังสู้คุณหนูใหญ่ของ พวกเรายังไม่ได้เลย”
“ใช่แล้วขอรับคุณหนูใหญ่เอ่อไม่ใช่ตอนนี้ควรจะเรียกว่า พระชายาอู่เซวียนอ่องพระชายาบอกว่านังจิ้งจอกนี่ใช้รูป ร่างหน้าตาของตนเองไปยั่วยวนท่านอ่องข้าคิดว่าสตรี2คน นี้ก็หน้าตางั้นๆพวกเราคงไม่ได้ฆ่าผิดคน?”องครักษ์ที่ยืน อยู่ข้างๆชายฉกรรจ์รู้สึกผิดปกติ
ชายฉกรรจ์ชุดสีดำครุ่นคิดไปพักหนึ่งแล้วมองไปรอบๆ เรือนนี้”ว่ากันตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะผิดพลาดเรือนแห่งนี้ ถูกคนในเรือนก็มีเพียง3คนก็ถูกจริงด้วยเจ้าได้ถามมาจาก พ่อค้าหนุ่มคนนั้นแล้วยามบ่ายเขาบอกไม่ใช่หรือว่าเห็นคนเหล่านั้นในเรือนหลังนี้?”
เมื่อองครักษ์คนนั้นได้ยินก็รีบพาชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา ชายหนุ่มคนนั้นได้สวมเครื่องแบบองครักษ์เต็มตัวเขาเดิน มาตรวจสอบศพ3ศพที่อยู่ข้างๆทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป ทันที
“ผิดแล้ว!ผิดแล้ว!คนเหล่านี้ไม่ใช่ที่ข้าเห็นเมื่อยาม บ่าย!”คนผู้นั้นตกใจจนขาอ่อนฆ่าผิดคนไม่น่ากลัวเท่าไร เพราะพวกเขาเป็นคนของขุนนางใหญ่ที่อยู่ฝ่ายหน้าเรื่องที่ ฆ่าคนเหล่านี้สามารถปกปิดได้แต่ว่าไม่สามารถทำตามคำ สั่งของเจ้านายได้พวกเขาต้องโดนตำหนิแน่
ครั้งนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวไม่ได้ให้พวกเขาลงมือแต่ เป็นท่านใต้เท้า!
ชายฉกรรจ์ชุดดำเองก็ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่งพอ มองไปรอบๆแล้วก็รู้สึกเคร่งขรึมไปชั่วขณะหนึ่งจากนั้นก็ กัดฟันแล้วรับเอ่ยขึ้นทันที”พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่รีบจัดการ กับศพเหล่านี้เร็ว!หรือจะให้รอมาเจอหรือ?”
ทันทีที่คนกลุ่มนั้นได้สติคืนมาก็รีบช่วยกันจัดการกับศพ นั้นแต่พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมา จากด้านนอกของลานบ้านดังขึ้นราวกับมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เดินมา
ในช่วงที่ตื่นตระหนกอยู่นั้นก็เห็นคนหนึ่งเตะประตูใหญ่ เข้ามาตามมาด้วยมือปราบอีก10กว่าคน “นี่คือเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น!ให้จับคนที่เป็นฆาตกรให้หมดใต้เท้าสั่งมาว่าคดีฆ่าล้างตระกูลต้องสืบให้ถึงที่สุด!”มือ ปราบที่อยู่หน้าสุดเมื่อออกคำสั่งแล้วกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง ก็วิ่งไปล้อมเหล่าองครักษ์นั้นไว้
ในลานบ้านเพิ่งจะมีเรื่องเกินขึ้นได้ไม่นานก็มีคนไป รายงานที่จวนอู่เซวียนอ่องทันทีในห้องตำราได้จุดตะเกียง น้ำมันหลังโต๊ะตำราโม่จื่อเฟิงกำลังอ่านจดหมายลับฉบับ หนึ่งเมื่อฟังคนที่นั่งคุกเข่าลงพื้นรายงานเสร็จสีหน้าของ เขาก็มืดครึ้มลงจินมู่ที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ท่านอ๋องครั้งนี้องครักษ์ของใต้เท้าฝ่ายหน้าโดนมือ ปราบจับตัวไปแล้วดูเหมือนว่าเรื่องวุ่นวายแบบนี้จะกลาย เป็นเรื่องใหญ่โชคดีที่แม่นางหลินกับคนของนางได้จากไป ก่อนล่วงหน้ามิเช่นนั้นคนเหล่านั้นต้องตามไปถึงหน้าประตู แล้วทำร้ายแม่นางหลินอย่างแน่นอน”
“จินมู่!”โม่จือเฟิงหันหน้าไปมองเขาอย่างเย็นชา”เจ้าหา ข้ออ้างเพื่อหลีกเรื่องนางหนีไปงั้นหรือ?เจ้าคิดว่าเจ้าพูดมา เช่นนี้แล้วความโกรธของเปิ่นหวางจะลดลงหรือ?”
จินมู่ตกใจจนคุกเข่าลงอยู่หน้าโต๊ะตำรา”ข้าน้อยไม่กล้า พ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่กล้าแต่ก็ยังทำ”โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงไปทีหนึ่ง”เจ้าคิด ว่าหากคนที่อยู่ในเรือนเป็นนางจริงๆคนเหล่านั้นจะทำร้าย นางจริงๆหรือ?องครักษ์เงาเหล่านั้นเป็นคนที่เจ้าเลือกไป หรือว่าเจ้าจะลืมไปแล้ว?”
“ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว!”จินมู่เหงื่อออกไปทั่วแผ่นหลังเมื่อ เห็นว่าท่านอ๋องจะโกรธมากจริงๆ ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะพูดเพื่อหลินซีนเยียนสักประโยคที่ไหนได้กลับโดนท่านอ๋อง เปิดโปงออกมาแบบนี้
“เมื่อสำนึกผิดต้องไปรับโทษ”น้ำเสียงของโม่จื่อเฟิงดูราบ เรียบแต่กลับทำให้จินมู่ตกใจจนเอาหัวโขกลงพื้นเขาติด ตามโม่จื่อเฟิงมาหลายปืนอกจากเขาทำเรื่องที่สำคัญไม่ ราบรื่นดีนักโม่จื่อเฟิงถึงจะสั่งให้เขาไปรับโทษแต่การ ลงโทษของโม่จื่อเฟิงคนทั่วไปไม่สามารถรับการลงโทษนั้น ได้เขาจำครั้งแรกที่เขาโดนลงโทษได้ตอนนั้นเขานอนอยู่ บนเตียงไปครึ่งเดือนกว่า
จินมู่กัดฟันแล้วเอาหัวโขกพื้นเสียงดัง” ข้าน้อยจะรีบไป รับโทษเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินออกไปข้างนอกโม่จื่อเฟิ
งก็แค่นเสียงหนึ่งที”ทำไมอยากจะโดนลงโทษเพื่อถอนตัว จากภารกิจตามหลินซีนเยียนกลับมาหรือ?คนที่เป็นหวาง ต้องการไม่เคยหนีพ้นเงื้อมมือได้ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น!”
ตอนที่โม่จื่อเฟิงเอ่ยคำพูดนี้ออกมากลิ่นอายสังหารก็แผ่ ออกมาจากร่างของเขากลิ่นอายสังหารแบบนี้ทำให้จินมู่ตัว สั่นไม่หยุดท่านอ๋องอยากจะฆ่าหลินซีนเยียนหรือ?
เขาตกใจไปสักพักหนึ่งแต่ก็กลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว ไม่ท่านอ๋องไม่มีทางฆ่าหลินซีนเยียนเขาเพียงฆ่าคนที่อยู่ ข้างกายของนางทำให้นางรับรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อหนีไป จากเขา
“ข้าน้อยไม่กล้าถอนตัวจากภารกิจข้าน้อยจะพยายาม อย่างเต็มที่เพื่อตามหาแม่นางหลินพ่ะย่ะค่ะ!”จินมู่ก้มหน้าลงทันที
สายตาของโม่จื่อเฟิงดังราวกับมีดอันแหลมคมเขาโบกมือ ปัดตอบทำให้จินมู่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบถอยหลัง เดินออกไปจากห้องตำรา
หลังจากที่พวกเขาจากไปในห้องตำราก็เงียบสงัดลง
ทันที
โม่จื่อเฟิงจ้องมองไปที่แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันใบหน้า กลับไม่มีความชั่วร้ายอำมหิตเช่นเมื่อครู่อีกแล้วแต่เป็น ความกังวลใจที่คลุมเครือหากว่ามีคนเห็นเขาในตอนนี้ต้อง ไม่เชื่อว่าใบหน้าของอู่เซวียนอ่องในตำนานก็สามารถเผย ความเจ็บปวดเช่นนี้ออกมาได้ด้วย
“ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหรือ?เปิ่นหวางตกลงจะให้ตำแหน่งกับ เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?ทำไมเห็นว่าตำแหน่งพระสนมยังต่ำไป หรือ?ตำแหน่งพระสนมไม่เอาอยากได้พระชายารอง?พระ ชายาเอก?”โม่จื่อเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกำมือชกไปที่ ตะเกียงน้ำจนตกลงพื้นแต่ที่ไส้ตะเกียงยังคงมีไฟเผาไหม้ อยู่
มือของเขาโดนลวกด้วยน้ำมันร้อนทำให้ด้านหลังมือของ เขาเป็นรอยแดงแต่เขากลับมีสีหน้าเรียบเฉยเขาเดินไปยัง ริมหน้าต่างแล้วผลักมันหน้าต่างออก
ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างมืดแล้วแล้วสายตาของเขามอง ไปที่แสงไฟจากโคมไฟที่พริ้วไหวไปมาทันใดนั้นเขาก็ นึกถึงคืนงานสมรสของเขาขึ้นมาเขาเคยกอดเธอเข้านอน ในค่ำคืนนั้นเขานอนหลับได้สบายอย่างมากนั่นเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นราวกับตอนนี้ยังคงอยู่
แต่ว่าเขาทำอะไรผิดไปกันแน่เห็นๆอยู่ว่าดวงตาคู่นั้นมา จ้องมาเขากลับทำให้นางต้องตกอยู่ในอันตรายแต่ว่าตอน นี้สิ่งเหล่านั้นมันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้วนางหนีไป แล้ว!
หนีไปโดยไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์กันเลยแม้แต่นิด!
ลมหนาวพักเข้ามาเขาถึงจะหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น “สตรี ที่ละโมบโลภมากเช่นนี้ดูเหมือนว่าเป็นหวางจะให้ท้ายเจ้า มากเกินไปแล้ว!”
น้ำเสียงของเขาพัดหายไปกับสายลมหนาวไม่มีใครที่ ได้ยินและยิ่งดังไปไม่ถึงหูของหลินซีนเยียน
เขาไม่รู้ว่าเรือนในที่อยู่ด้านนอกจวนอ่องที่มีกำแพงกั้น อยู่พระชายาอู่เซวียนอ่องเซียวฉางเยว่ที่สวมชุดผ้าไหมสี แดงก็ยืนอยู่ริมหน้าต่างด้วยเพียงแต่ใบหน้าของนางตอนนี้ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง