ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 174
ตอนที่ 174 พบกันเร็วเกินไป
ช่วงเวลากลางคืนท่ามกลางหุบเขาดูเหมือนจะเร็วกว่าที่ อื่นๆ อาจจะเป็นเพราะความหนาแน่นของป่าทึบที่บดบังกั้น แสงดวงอาทิตย์ แม้แต่แสงอาทิตย์ยามอัสดงก็ถูกกั้นไว้ที่ ด้านนอกชายป่า
ทว่าอาหารมื้อค่ำในหุบเขากลางป่ากลับอุดมสมบูรณ์ หลินซินเยียนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์กับอินฉี หรือไม่ บนโต๊ะทานอาหารขนาดไม่ใหญ่จึงเต็มไปด้วย กับข้าวสิบกว่าอย่าง
นายกับบ่าวไม่สามารถร่วมโต๊ะเดียวกันได้ ดังนั้นสรือ โถวและหญิงชราที่เป็นผู้ติดตามรับใช้อินฉีจึงนั่งอยู่ที่โต๊ะ อีกตัวหนึ่ง หลินซินเยียนที่เหลือบมองโดยมิตั้งใจ เห็นว่าถึง แม้จะมีการแบ่งโต๊ะ แต่กับข้าวบนโต๊ะกลับเหมือนกันทุก อย่างไม่ได้พร่องกว่าแม้แต่อย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ นางจึงมี ความประทับใจกับบุคคลเช่นท่านโจวหลายส่วน
ในยุคสมัยนี้ คนที่ทำได้นั้นแท้ที่จริงมีน้อยมาก แนวความ คิดลำดับชนชั้นของยุคสมัยนี้ได้ฝังรากลึกโดยมิอาจสั่น คลอน”
“แม่หนู เจ้าตั้งครรภ์แล้วก็ทานให้มากๆ อย่าได้กลับไป ผอมเชียว หากเจ้าหนุ่มกลับมาต้องคิดบัญชีกับข้าแน่” คำ พูดของท่านโจวดูเหมือนจะไม่รื่นหูนัก แต่ความห่วงใยใน คำพูดของเขากลับจริงใจ ในขณะที่เขาพูดยังคีบปลาทอด ชิ้นหนึ่งวางในชามข้าวของนาง “ปลานี่เป็นสรือโถวหามาได้จากลำธารเมื่อเช้านี้ ลำธารที่นั่นใสสะอาดเนื้อปลาที่นำ มาจากที่นั่นคุณภาพก็ดี เจ้าก็ทานเยอะๆล่ะ”
หลินซินเยียนกล่าวขอบคุณ คีบชิ้นเนื้อปลาทานเข้าไป หลายคำ รสชาติดีอย่างที่คิดไว้
อินฉีหัวเราะเบาๆ “ซินเยียน ท่านโจวเป็นคนที่ดีมากคน หนึ่ง เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างวางใจ มีเขาอยู่ เจ้าย่อมสามารถ คลอดบุตรออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“อิ้ม ขอบคุณเจ้าคะ” ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีกต่อไป ใบหน้าของหลินซินเยียนยามที่ผ่อนคลายนั้นดูดีอย่างมาก ผิวนวลของนางภายใต้แสงเทียนเปล่งปลั่งมากขึ้น ตัดรับ กับนัยย์ตาดำขลับที่ส่องประกาย ทั่วทั้งร่างราวกับมีราศี เรื่องรองออกมา
อินฉีมองนางอย่างตกตะลึงด้วยความลืมตัวอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งท่านโจวกระแอมเสียงไออย่างกระอักกระอ่วนอยู่ สองสามคำ เขาจึงถอนสายตากลับมาพลันก้มหน้าก้มตา ทานข้าว
“นี่ เจ้าหนุ่มรีบไปได้ละ เห็นท่าทางมีความสุขของเจ้าเช่น นี้ข้าล่ะโมโห! หากไม่ใช่ว่าข้ากับแม่ของเจ้ารู้จักกันมานาน เรื่องที่เจ้าทำลงไปข้าคงไม่ช่วยเจ้าเก็บกวาดหรอก ลำบาก ก็แต่แม่หนูซินเยียนที่ท้องขึ้นมา สถานการณ์ของเจ้าใน ตอนนี้ยังไม่อาจที่จะให้นางมีฐานะได้ด้วยซ้ำ”
หลินซินเยียนที่กำลังฟังคำพร่ำบ่นของท่านโจวอยู่นั้น ภายในใจกลับเกิดความสงสัยขึ้นมาบางอย่าง เมื่อเขา กล่าวมานางจึงนึกขึ้นได้ อินฉีให้เหตุผลว่าไว้ทุกข์เพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่ยังมิแต่งภรรยาอยู่หลายปี เคยได้ยินว่าฝ่า บาทคิดอยากให้เขาแต่งงานอยู่หลายครั้งก็ล้วนถูกเขา ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ยามนี้เมื่อได้ยินความหมายในคำกล่าว ของท่านโจว เกรงว่าอินฉียังมีบางอย่างที่ปิดบังไว้
แต่นางก็ทราบดีว่ามีบางเรื่องที่ไม่ใช่ว่านางจะถามได้ เกรงว่าหากถามออกไปก็คงจะได้แต่คำลวงเท่านั้น
อย่างที่คาด อินฉีส่งสายตาไปยังท่านโจวอย่างไร้พิรุธ ท่านโจวจึงได้เก็บปากเก็บคำ เบี่ยงหัวข้อสนทนาไปยังเรื่อง กับข้าวที่จัดมาเต็มโต๊ะ
อากาศภายในภูเขาค่อนข้างหนาวเย็น หลังจากที่ทาน ข้าวเสร็จราตรีก็เข้าครอบคลุมทั่วทั้งนภา ภายในเรือนมี เพียงแสงสลัวของโคมตะเกียงสวงดวงที่เล็ดลอดออกมา
ในเรือนมีบันไดเล็กอันหนึ่ง หลินซินเยียนนั่งอยู่บนขั้น บันไดกำลังทำอะไรบางอย่าง จึงเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆกับ เขา
สรือโถวหันมาเห็นว่าเป็นนาง จึงเผยรอยยิ้มอันเจิดจ้าพุ่ง เข้าใส่นาง “พี่สาว ท่านดูสิว่าตั๊กแตนสานของข้าสวยไหม”
หลินซินเยียนมองตั๊กแตนสานอันปราดเปรียวในมือของ เขา พลันพยักหน้า “สวยสิ”
“สิ่งนี้ข้าขอมอบให้กับน้องชายตัวน้อยในท้องของท่าน” สรือโถวยื่นตั๊กแตนสานส่งมาให้
หลินซินเยียนอึ้งๆพลางรับตั๊กแตนสานนั้นมา กล่าวด้วย ความประหลาดใจ “มอบให้กับน้องชายในท้องของข้างั้นหรือ? สรือโถวนี่เป็นเด็กดีจริงๆ”
“แหะๆ” สรือโถวยิ้มอย่างเก้อเขิน เอื้อมมือมาจะลูบท้อง ของนาง “อยากจะให้น้องชายคลอดออกมาเล่นเป็นเพื่อน กับข้าเร็วๆจัง พี่สาว ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้ ตั้งแต่ยังเล็กจนโต ไม่เคยได้ออกไปดูโลกภายนอกเลยสัก ครั้ง จึงไม่เคยเล่นกับเด็กคนอื่นๆ แม้แต่เพื่อนคนเดียวข้าก็ ไม่มี ถ้าหากน้องชายในท้องของพี่สาวคลอดออกมาแล้ว ข้าจะเป็นเพื่อนที่ดีของเขาอย่างแน่นอน”
ขณะที่สรีอโถวกล่าว รอยยิ้มอันเจิดจ้าตราตรึงอยู่บน ใบหน้า ไม่มีอารมณ์ด้านลบที่เศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย แต่ ทว่าคำพูดที่เขากล่าวกลับทำให้ภายในใจของหลินซิน เยียนขมปร่า ยากที่นางจะจินตนาการว่าสรือโถวเติบโต ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบใด จึงได้มีนิสัยร่าเริงมองโลก ในแง่ดีแบบนี้ได้?
นางคว้ามือของเขาแล้วกุมมือมาวางไว้บนท้องของตน ถึงแม้ว่าลูกน้อยในท้องของนางนั้นยังเล็กมาก ไม่รู้สึกถึง การเคลื่อนไหวใดๆภายในครรภ์ ยิ่งไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ ของเขา แต่ยางก็ยังคงให้สรือโถวลูบเบาๆ “ย่อมได้แน่นอน หลังจากที่ตัวน้อยคลอดออกมาจะต้องชอบพี่ใหญสรือโถว มากแน่ๆ”
“จริงหรือขอรับ?” ดวงตาของสรือโถวเต็มไปด้วยความ คาดหวัง! ” %3D
หลินซินเยียนพยักหน้าอย่างมั่นใจ “จริงแท้แน่นอน!” นางและสรือโถวนั่งบนขั้นบันไดพูดคุยเรื่อยเปื่อย นางเล่าเรื่องราวดลกภายนอกมากมายให้กับสรือ โถว และเล่า นิทานในยุคปัจจุบันที่ตนจากมามากมาย เมื่อสรือโถวได้ฟัง นิทานเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่ตามหาแม่ มีความรู้สึกโศกเศร้าบน ใบหน้า จนนิทานจบลง เขายังบอกว่าเขาเองก็เป็นลูกเป็ด ขี้เหร่ ต้องมีสักวันที่เขาจะลงจากภูเขาไปตามหาแม่ของ เขา
พวกเขาไม่รู้เลยว่า ในมุมอับของเรือน อินฉียืนอยู่ตรงนั้น อย่างเงียบๆ มองไปยังภาพที่คนทั้งสองนั่งด้วยกันอย่าง สงบ ฟังนิทานที่หลินซินเยียนเล่าอย่างอบอุ่น
“สายตาเจ้าไม่เลว” ท่านโจวที่ยืนอยู่ข้างกายเขาพลัน กล่าวประโยคนี้ขึ้นมาเบาๆ
ท่ามกลางความมืด มุมปากอินฉีกระตุกยิ้ม เพียงแต่แวว
ตานั้นวูบสลดลง รอยยิ้มที่ทำให้คนมองไม่ออก มีเพียงเขา
ที่รู้ถึงความขมขื่นในรอยยิ้มนั้น “นางดีมาก น่าเสียดาย
ที่”
น่าเสียดายที่นางกับเขาพบกันในเวลาที่ไม่ใช่ ถ้าหากเขา ได้พบกับนางหลังจากที่ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิตของเขาสำเร็จลง เขาย่อมจะดูแลนาง ปกป้องนาง ครองคู่ด้วยกันกับนางไปตลอดชีวิต แม้แต่คำกล่าวของ นางที่ว่า จะครองคู่เดียวตลอดชีวิต และเพื่อนางแล้วเขาก็ สามารถทำได้
น่าเสียดาย…พวกเขาพบกันเร็วเกินไป ท่านโจวมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขากลับส่ายหน้าโดยไม่
ได้พูดอะไร ท่านโจวจึงถอนหายใจและไม่ถามถึงอีก จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “แผนของเจ้าดำเนินการแล้วอย่างไรบ้าง?”
“ทุกอย่างยังราบรื่นดี หากไม่นอกเหนือจากที่คาดการณ์ อีกสามปีก็น่าจะเห็นผล” สำหรับคำถามนี้อินฉีกลับไม่ได้ ปฏิเสธที่จะตอล
“สามปีเชียว จะว่านานก็นานจะว่าสั้นก็สั้น เจ้าวางใจเถิด ก่อนที่เจ้าจะเคลื่อนไหว การดำเนินการจัดเตรียมข้าจะ จัดแจงให้เรียบร้อย” ท่านโจวตบลงบนบ่าของเขา ขณะหัน กลับพลันกล่าวว่า “พอเถอะ อากาศเย็นแล้ว รีบกลับเข้า ห้องพักผ่อนซะ”
อินฉีพยักหน้าแต่กลับยังไม่เคลื่อนไหว เขาจ้องมองไปที่ หลินซินเยียนอย่างไม่กระพริบตา ความเจ็บปวดเสียใจที่ กลั้นไว้ไม่ไหวบนใบหน้าที่แม้แต่ตนเองก็ไม่เคยสังเกตเห็น
ด้วยเหตุใด…เหตุใดนางกับเขาจึงพบกันในเวลานี้ด้วย? หากช้ากว่านี้สักสามปีจะดีขนาดไหนกัน?
ไม่รู้ว่ากี่โมงกี่ยาม หลินซินเยียนพบว่าสรือโถวที่ฟัง นิทานได้พิงไหล่ของนางจนหลับไปแล้ว นางพลางส่าย ศีรษะยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเตรียมจะอุ้มเขากลับห้องกลับเห็นร่าง หนึ่งโผล่มาจากความมืดอย่างกะทันหัน