ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 186
ตอนที่186ฉากละครของผู้หญิงสามคน
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่หลินซินเยียนรู้สึกว่าตนเอง ตัดสินใจถูกต่อให้ไม่ต้องแต่งให้ใครทั้งชีวิตก็จะได้ไม่ ต้องแบ่งสามีร่วมกับผู้หญิงคนอื่น
แม่นมกุ้ยพวกคนจำนวนหนึ่งและหลินซินเยียนไป ยังเรือนของพระชายาเด็กรับใช้ที่ก้มหน้าก้มตาทำได้ เพียงเดินจากไปอย่างเงียบๆเขาทำได้เพียงหวังว่าแม่ นางเสียวอิงจะยังนึกเรื่องนี้ไม่ออกถ้าหากว่าผู้หญิงคน นั้นออกมาได้ทันเวลาแล้วแม่นางเสียวอิงจับไม่ได้นั่นก็ คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แต่น่าเสียดายที่ความหวังของเด็กรับใช้ต้องหาย วับไปในอากาศแม่นมกุ้ยเดินนำไปข้างหน้าเขายังไม่ กลับมามองเห็นเหมือนเดิมก็เห็นสาวใช้จากเรือนอวิ๋น เสียวอิงเดินมา
เดิมเมื่ออวิ่นเสียวอิงตื่นนอนมาก็ถามเลยว่าเหตุใด แม่นางคนเมื่อวานยังไม่มาไม่ทันไรก็ให้สาวใช้มาดูที่ ประตูเด็กรับใช้ไหนเลยจะกล้าปิดบังเลยต้องบอกเรื่อง ที่แม่นมกุ้ยชิงตัวคนไปแล้ว
อวิ้นเสียวอิงที่นั่งแทะเม็ดแตงอยู่ในห้องโถงเมื่อได้ ฟังสาวใช้รายงานก็ถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะก็ถูกปาออก ไป
ในถ้วยชานั้นเพิ่งจะรินชาร้อนลงไปชาร้อนจึงถูก
สาดไปบนหน้าของสาวใช้หน้าของนางแดงสาวใช้คนนั้นก้มหน้าไม่กล้าส่งเสียงอะไรเลย
“แม่นมกุ้ยนั่นก็เป็นคนใช้ยังคิดว่าตัวเองเป็นเจ้า นายของจวนอ๋องหรือไม่ใช่ต้องปรนนิบัติเมียของท่าน อ๋องหรือไงยังต้องการให้ท่านอ๋องเป็นลูกของตัวเอง ด้วยไหม”อวิ้นเสียวอิงโมโหแม้แต่เม็ดแตงที่อยู่ในมือยัง ปาไปยังสาวใช้คนนั้น
สาวใช้คนนั้นกลัวจนอยากร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่ กล้าร้องนางไม่ลืมที่ไม่กี่วันก่อนสาวใช้ที่ร้องไห้ต่อหน้า อวิ่นเสียวอิงวันต่อมาก็ถูกตีจนขาหัก
“พอได้แล้วพระชายาต้องการแก้เบื่อเช่นนั้นข้าก็ จะไปแก้เบื่อให้พระชายา”อวิ๋นเสียวอิงลุกขึ้นปัดฝุ่น เม็ดแตงที่อยู่ในมือออก”ใช่แล้วข้าจำได้ว่าพระชายา ชอบใส่ชุดสีขาว ไปเอาชุดตัวยาวสีขาวเมฆที่ท่านอ๋อง มอบให้มา”
สาวใช้ถอนสายบัวรีบไปหยิบชุดอย่างคล่องแคล่ว กลัวว่าถ้าเดินช้าจะยิ่งทำให้ตัวเองต้องรับอารมณ์โกรธ ของอวิ๋นเสียวอิงมากขึ้น
แยกจากกันนานได้มาที่จวนอู่เซวียนอ๋องอีกครั้ง ราวกับว่าหลินซินเยียนอยู่ในภาพลวงตาทุกก้าวที่เดิน ความทรงจำที่อยู่ในจวนอู่เซวียนอ่องกับโม่จื่อเฟิงก็ ค่อยๆกลับมามีคนเคยพูดว่าไม่ว่าจะเป็นคนที่รักที่สุด หรือว่าเกลียดที่สุดถึงจะเหลือความทรงจำที่มีผลกระ ทบลึกซึ้งที่สุด
ตอนนี้คิดแล้วสำหรับนางน่าจะเกลียดแค้นโม่จื่อเฟิง ชายคนนั้นเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนาง แล้วยัง บดขยี้นางให้ไปอยู่ในห้วงลึกอย่างโหดร้าย
“คุณนายระวังบันได”เด็กรับใช้ที่เดินอยู่ข้างๆหลิน ซินเยียนเห็นนางจะหกล้มจึงได้ยื่นมือมาช่วยประคอง
หลินซินเยียนได้สติกลับมาถึงได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเอง ได้เข้ามาที่เรือนที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยข้อกำหนด จากรูปแบบของเรือนนี้จะต้องเป็นที่พักอาศัยของพระ
ชายาแน่
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในห้องโถงแล้วก็เห็น เซียว ฉางเยวใส่ชุดสีขาวรูปร่างหน้าตางดงามราวกับภาพ วาดกำลังนั่งอยู่ใต้แสงแดดที่สาดมาในมือของนางถือ งานปักอะไรบางอย่าง
“พระชายาเหตุใดท่านจึงได้ปักผ้าอีกแล้วเมื่อวาน ก็ปักถึงเที่ยงคืนเหตุใดวันนี้จึงเริ่มปักตั้งแต่เช้าระวังจะ เจ็บตา”แม่นมกุ้ยรีบเดินไปข้างๆ เซียวฉางเยว่ทำท่าจะ ดึงเข็มที่อยู่ในมือนางมา
เซียวฉางเยว่กลับปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่น “แม่นม กุ้ยท่านอย่าขวางข้าเลยใกล้จะถึงวันเกิดของท่านอ๋อง แล้วไม่ใช่ว้าข้าจะทำชุดตัวยาวให้เขาหรอกหรือถ้า หากว่ามีดแล้วก็ไม่เป็นอัปมงคลนี่”
เป็นภรรยาที่จิตใจงดงามและอ่อนโยนอะไรเช่นนี้ ผู้ชายทุกคนคงจะชอบโม่จื่อเฟิงก็เป็นผู้ชายก็ คงจะ..ชอบนางกระมัง
หลินซินเยียนยืนอยู่หน้าประตูรอยยิ้มที่อ่อนโยน ของ เซียวฉางเยว่ที่มแทงจนปวดใจไม่น้อย
“พระชายาท่านจะต้องลงมือทำด้วยตัวเองเรื่อง เช่นนี้ให้คนอื่นทำให้ก็ได้พระชายาดีกับท่านอ๋องเช่นนี้ ท่านอ๋องยังจะหลงสตรียั่วยวนเช่นนั้น….อ่าจริงๆ เลย….”แม่นมกุ้ยส่ายหัวถอนใจยังพูดไม่จบก็ถูก เซียว ฉางเยว่ขัด
“แม่นมกุ้ยระวังคำพูดด้วย” เซียวฉางเยว่เก็บรอย ยิ้มอบอุ่นพูด”ร่างกายของท่านอ๋องนั้นล้ำค่ามีคน จำนวนมากอยากจะปรนนิบัติท่านได้เป็นพระชายาข้า ก็ดีใจแล้วคำพูดเช่นนี้ภายหลังแม่นมกุ้ยห้ามพูดอีกเด็ด
ขาด”
“ได้พระชายาท่านช่างมีจิตใจดี”แม่นมกุ้ยตอบรับ แล้วจึงกวักมือเรียกหลินซินเยียน”เจ้ารีบเข้ามาสินำ เรื่องเล่าแก้เบื่อมาเล่าให้พระชายาฟังเมื่อเล่าจบแล้ว พระชายาจะต้องเป็นธรรมกับเจ้าแน่”
หลินซินเยียนถูกเรียกอย่างกะทันหันเดินไปด้าน หน้าอย่างช้าๆร่างของนางอ้วนตุ๊ต๊ะเวลาเดินจึงช้ามาก ทั้งร่างของนางกลมดึ๊กจนน่าตลกเล็กน้อย
นัยน์ตาของ เซียวฉางเยว่มีความรังเกียจแต่ว่าก็ เปลี่ยนเป็นสายตาของความอบอุ่นอย่างรวดเร็วกำชับ สาวใช้ว่า”รีบหาที่นั่งให้นางเร็วแม่นางมีสภาพร่างกาย เช่นนี้แล้วยังต้องเข้ามาในจวนอ๋องแก้เบื่อให้ข้าลำบาก แย่เลย”
คำพูดนี้นี่มันน่าฟังเสียจริงแต่ว่าหลินซินเยี่ยน เข้าใจนิสัยเดิมของ เซียวฉางเยว่นางเคยถูกความอ่อน โยนของนางทำให้สับสนมาแล้ว
“ใช่แล้วข้ายังไม่ได้ถามชื่อของท่านเลย”แม่นมกุ้ย เห็นนางไม่มีคำพูดที่ดูเป็นเกรงอกเกรงใจก็นั่งบนเก้าอี้ ราวกับว่าไม่ค่อยพอใจที่นางไม่เข้าใจมารยาท
หลินซินเยียนนั่งนิ่งเหมือนภูเขาไท่ซานสุขุมไม่ เกรงกลัวกล่าวว่า”สามีข้าแซ่อู๋พระชายาเรียกข้าว่าพี่ สะใภ้อู่ก็ได้”
“พี่สะใภ้อูรี”แม่นมกุ้ยหัวเราะชื้นอย่างโมโห”เจ้า นี่มันเป็นคนไม่รู้มารยาทเลยจริงๆเจ้าเป็นใครกันถึงได้ กล้าให้พระชายาเรียกเจ้าว่าพี่สะใภ้”
หลินซินเยียนแกล้งทำหน้าไม่รู้เรื่อง “ข้า ….ข้าไม่ เคยเล่าเรื่องให้คนใหญ่โตฟังมาก่อนดังนั้นจึงไม่รู้ มารยาทควรเรียกอย่างไรก็แล้วแต่แม่นมกุ้ยเลยข้าเป็น สะใภ้ตระกูลธรรมดาดังนั้นจึงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้”
แม่นมกุ้ยได้ยินเช่นนั้นสายตาที่มองนางก็ยิ่ง ดูถูก”ที่ไหนได้ก็เป็นคนหยาบคายคนหนึ่งสามารถเข้า มาในจวนอ่องของพวกเราไม่รู้ว่ามีความสุขไปกี่ชาติ”
“เอาละก็แค่เรื่องการเรียกชื่อก็เท่านั้นแม่นมกุ้ยไม่ ต้องคิดเล็กคิดน้อย” เซียวฉางเยว่เริ่มเอ่ยปากและพูด กับหลินซินเยียน”ฮูหยินอู่ท่านเกริ่นเรื่องให้ข้าฟัง
หน่อย”
ปากก็พูดอยู่ว่าแค่เรื่องการเรียกชื่อแต่ว่า เซียว
ฉางเยว่กลับเรียกนางว่าฮูหยินอู่ประโยคเดียวการ แสดงออกของนางนั้นไม่ตรงกับใจหลินซินเยียนยิ้ม เย็นในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา “ดีเช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องฮัวมู่หลานจากกองทัพให้
พระชายาฟังก็แล้วกันเรื่องมีอยู่ว่าตระกูลฮัวใช้ชีวิตอยู่
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่แสนไกล.. แต่น่าเสียดายหลินซินเยียนยังพูดไม่จบก็ได้ยิน เสียงของผู้หญิงที่ใสกังวานดังเข้ามาจากด้านนอก
“พระชายาท่านฟังเรื่องเล่าเหตุใดจึงไม่เรียกน้อง มาด้วย”อวินเสียวอิงพาสาวใช้เข้ามาในห้องโถงโดยไม่ ได้รับเชิญไม่รอให้ เซียวฉางเยว่เชิญนางนั้นก็เดินเข้า มาหาที่นั่งด้วยตัวเองเลย
เมื่อนางปรากฏตัว เซียวฉางเยว่ก็บีบความจริงใจที่ อยู่ในมือแน่นไม่ทันระวังจนทิ่มมือเลือดสดไหลออกมา ตามนิ้วช้าๆแม่นมกุ้ยส่งเสียงเรียกอย่างตกใจว่า”พวก เจ้าทำอะไรอยู่ในจวนอ่องยืนบื้ออยู่ทำไม ทำไมไม่ไป เอายาทาบาดแผลมีคมมา”