ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 198
ตอนที่ 198 นางจิ้งจอกในตำนาน
สาวใช้ตกใจจนคุกเข่า ศีรษะโขกลงพื้นไม่หยุด ไม่ทันไรก็มีเลือดสดไหลออกมาจากบนหน้าผาก สาว ใช้ไม่สนว่าจะเจ็บแค่ไหนเพียงร้องอ้อนวอน ” พระ ชายาโปรดอภัย! พระชายาโปรดอภัย! เป็นผู้ดูแลมู่เหอ พูด ไม่ใช่บ่าวพูดเหลวไหลเอง มู่เหอบอกว่าท่านอ่องได้ รับบุตรบุญธรรมมา แม้จะเป็นบุตรบุญธรรม แต่ท่าน อ๋องให้ความสำคัญอย่างมาก ไม่ช้าต้องเลี้ยงดูเป็นนาย น้อยอย่างแท้จริงเพคะ”
บุตรบุญธรรม…เซียวฉางเยว่ขยำผ้าห่มจนนิ้ว มือขาวซีด จนมุมตะเข็บของผ้าห่มบิดเบี้ยวไปหมด สัก พักนางก็ขบฟันแล้วเอ่ย ” สวมชุดให้พระชายาเอก! ข้า ต้องไปดูสักหน่อยแล้วว่าเด็กมีรูปร่างหน้าตาเช่นไรกัน แน่ ถึงทำให้ท่านอ๋องให้ความสำคัญถึงเพียงนี้! จริง ด้วย ไปเรียกแม่นมกุ้ยด้วย!”
สาวใช้คนนั้นรีบรับคำสั่งแล้วหยิบเสื้อผ้าในตู้ออก มาจนมือไม้พันกันไปหมด
ในห้องนอนหลักของจวนอู่เซวียนอ่อง โม่จื่อเฟิ งอดทนจ้องมองแม่นมทั้งสองคนให้นมเด็ก หลังจากที่ ให้นมเสร็จก็รีบส่งเด็กเข้าไปในอ้อมอกเขาทันที
แม่นมรีบถอยหลังแล้วเดินจากไป เด็กกินอิ่มแล้วก็ นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมอกของเขา รู้สึกถึงเด็กพ่นลม หายใจของกลิ่นน้ำนมออกมา โม่จื่อเฟิงกลับไม่สนใจแถมมุมปากยังยิ้มอยู่ตลอด
เขาไม่ใช่ญาติไม่ใช่มิตรกับเด็กคนนี้ พอผ่านไป สักพักกลับคุ้นชินกับการอยู่ในอ้อมอกของเขาแล้ว
หลังจากจินมู่รอแม่นมออกไปก็เดินเข้ามา เมื่อเห็น โม่จื่อเฟิงนั่งอุ้มเด็กอยู่ริมเตียงก็ยิ้มแหยๆ กล้ามเนื้อบน ใบหน้ากระตุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ” ท่านอ๋อง นี่ก็ดึกมาก แล้ว ควรจะนำเด็กไปส่งให้นางอู่ที่นั่น แล้วท่านจะได้
พักผ่อน”
ทำไมต้องนำไปส่งด้วย? นางอู๋นอนแล้วไม่ใช่ หรือ?” โม่จื่อเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย
จู่ๆจินมู่ก็อยากร้องไห้ออกมา ท่านอ๋องของพวก เขาที่เป็นวีรบุรุษเทพสงคราม มีความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ปอยู่ที่ไหนกัน? แล้วบุรุษพิลึกพิลั่นตรงหน้านี้คือใคร กัน!
” ท่านอ๋อง เด็กเพิ่งจะเกิดต้องดื่มนมอยู่ตลอดเวลา อีกเดี๋ยวก็ต้องดื่มนมแล้ว ส่งไปให้นางอู่ที่นั่น อีกเดี่ยว ดื่มนมจะได้สะดวกขึ้นพ่ะย่ะค่ะ “ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็ คือท่านอ๋องไม่อยากพักผ่อน หรืออยากจะอุ้มเด็กคนนี้ แล้วนอนไปพร้อมกันเลยหรือ?
ใครจะไปรู้ว่าประโยคถัดไปของโม่จื่อเฟิงกลับ ทำให้จินมู่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยได้อีก ” ตอนเขาหิว ข้า ย่อมเรียกแม่นมเข้ามาป้อนนม”
ก็ได้ ท่านอ่อง ท่านชนะแล้ว! จินมู่กระแอมหนึ่งที ไม่กล้าแม้จะพูดรบกวนอู่เซวี่ยนอ่องทีมี ความเป็นพ่อคนนี้ได้อีก!
แต่คำพูดของจินมู่ได้เตือนโม่จื่อเฟิงได้แค่ว่ายามนี้ ดึกแล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วขึ้น เตียงกำลังจะนอนพักผ่อน
” ท่านอ๋อง ได้ยินมาท่านรับบุตรบุญธรรม ข้าเห็น ว่า ข้าก็อยากเห็นเด็กน่ารักน่าชังคนนี้เหลือเกิน” เสียง ของเซียวฉางเยว่ดังมาก่อนคนมา แม้นางจะไม่พอใจ และยับยั้งความอิจฉาริษยาในใจอย่างมาก แต่โทน เสียงของนางฟังดูแล้วทั้งสูงทั้งไม่รื่นหู
คิ้วของโม่จื่อเฟิงขมวด รับรู้ถึงเด็กในอ้อมอกเริ่ม ขยับเขยื้อน โดยเฉพาะเห็นหนังตาของเด็กเปิดออกมา ยังดีที่เขาเพียงมองแวบเดียวอย่างฉงนใจ จากนั้นก็ นอนหลับลึกไป
แต่ไม่ว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้ได้ทำให้โม่จื่อเฟิง แผ่รังสีอันชั่วร้ายออกมาจากร่างแล้ว ตอนที่เงยหน้า ขึ้นแล้วมองไปยังหน้าประตูด้วยสายตาแหลมคม ราวกับแท่งน้ำแข็งแหลมที่ย้อยลงมาในเหมันต์ฤดูที่ม แทงเข้ากระดูก LEGO
เท้าของเซียวฉางเยว่เพิ่งจะก้าวผ่านหน้าประตูก็ สัมผัสถึงสายตาของโม่จื่อเฟิง ตกใจพลันชักเท้ากลับ ไป นางเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ” ท่านอ่อง ท่าน….”
หุบปาก!”โม่จื่อเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ จาก นั้นก็เดินไปที่หน้าประตู ยื่นมือผลักเซียวฉางเยว่ออกไปนอกประตูจนเซียวฉางเดินโซซัดโซเซแล้วล้มลงพื้น
แม่นมกุ้ยที่เดินตามเซียวฉางเยว่มากรับเข้ามาพยุง นางทันที นางนั่งยองอยู่ข้างกายเซียวฉางเยว่แล้วเอ่ย กับโม่จื่อเฟิง ” ท่านอ๋อง เหตุใดท่านทำเช่นนี้กับพระ ชายาล่ะเพคะ!”
“ ไสหัวไป! ที่นี่เป็นที่ให้ทาสอย่างเจ้าพูดจาได้ด้วย หรือ!”เพียงฟังโม่จื่อเฟิงใช้เสียงเบาเอ่ย แต่ในน้ำเสียง นั้นเย็นชาอย่างมาก ” ไสหัวกลับไป! หากเสียงดังแล้ว ทำให้บุตรบุญธรรมของข้าตื่น ได้เห็นดีกันแน่”
หลังจากนั้นโม่จื่อเฟิงก็ไม่สนใจใยดีการแสดงออก ที่เจ็บปวดและเศร้าเสียใจของเซียวฉางเยว่และแม่นม กุ้ยอีก เพียงปิดประตูลงกลอน
พระชายา เรากลับกันก่อนเถอะ รอฟ้าสว่างเรา ค่อยมาดูอีกว่านางจิ้งจอกตนไหนมายั่วยวนท่านอ๋อง ได้! ท่านวางใจ มีข้าแม่นมกุ้ยอยู่ ต้องไม่ทำให้นาง จิ้งจอกที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าตนนั้นได้ดิบได้ดีอย่าง แน่นอน!”ในใจของแม่นมกุ้ยเกลียดชังมาก หลายปีมา นี้ ท่านอ่องเพิ่งได้กล่าววาจาโหดเหี้ยมกับนางเป็นครั้ง แรก! ย่อมต้องโทษนางจิ้งจอกตนนั้น!
เซียวฉางเยว่ไม่ได้เอ่ยตอบแม่นมกุ้ย เพียงจ้อง มองหน้าประตูห้องที่ปิดสนิทอย่างโกรธแค้น
ค่ำคืนที่หนาวเย็น แต่ร่างของเซียวฉางเยว่พลัน หนาวเย็นว่าค่ำคืนนี้อีกหลายเท่า มือของนางกดลงพื้น จนเล็บฝังลงในดิน ทำให้สีทาเล็บที่งามประณีตของนางหายไปฉับพลัน
ในค่ำคืนนี้มีเรือนที่สุขที่ทุกข์อยู่มากมาย
ในห้องที่กว้างขวาง ม่านบนเตียงได้คลุมลงมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่า ดวงตาของหลินซีนเยียนได้ เบิกตากว้างอยู่ เธอยังไม่ได้หลับจริงๆมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่สายตาของเธอเริ่มหย่อนยานลง เพียงรู้สึกเศร้า รันทดมากเกินไป ลูกของเธอตั้งแต่เกิดมา เธอเป็นแม่ ภาษาอะไรกลับไม่มีโอกาสได้อุ้มเลยสักครั้ง
ในค่ำคืนนี้จะนอนหลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอลืมตา จ้องมองม่านบนเตียง มองเพียงแวบเดียวก็เป็นยาม หนึ่งคืนแล้ว
ผู้คนในจวนอ่องกำลังคิดคาดเดาว่าสตรีคนไหนที่ สามารถได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง แม้แต่ลูก ยังถูกท่านอ่องให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สุดเลย
ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น หน้าประตูเรือนมีสาวใช้คนใช้ ยืนอยู่ตรงท่านผ่านประตูไม่น้อย ราวกับใครๆก็อยาก เห็นโฉมหน้าของสตรีที่อยู่ในเรือนนี้
เพียงประตูห้องของหลินซีนเยี่ยนปิดอยู่ตลอด แล้วพวกเขาจะมีโอกาสยลโฉมได้อย่างง่ายดาย อย่างไรกัน
แต่แม่นม 2 คนที่เฝ้ายามกลับมีโอกาสนี้ พอรุ่งเช้า ทั้งสองคนก็ได้เตรียมน้ำอุ่นมาปรนนิบัติให้หลินซีน เยียนชำระร่างกาย เลยถือโอกาสมองสตรีในตำนานผู้นี้ว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไรกันแน่
แต่ว่า ตอนที่เลิกม่านขึ้น ทั้งสองคนก็เห็นโฉมหน้า ของสตรีที่อยู่บนเตียงล้วนตกตะลึง สตรีที่อยู่บนเตียง ผู้นี้เห็นชัดว่ามีหน้าตาธรรมดา ไหนเลยจะสมคำเล่าลือ ว่างามล่มเมือง? แม้รูปร่างถือว่าไม่เลว แต่ใบหน้าที่แสน ธรรมดาเช่นนี้ยังสู้สาวใช้ในจวนอ๋องเหล่านั้นยังไม่ได้ เลย เหตุใดถึงได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องได้?
สตรีคนเก่าของท่านอ๋อง ไหนเลยจะไม่งดงามตรา ตรึงใจคน? แม้แต่สาวใช้อุ่นเตียงแซ่หลินนางนั่นยังมี รูปโฉมราวกับนางจิ้งจอกของแท้เลย!
แม่นมทั้งสองตกตะลึงจนหลินซีนเยียนลืมตาแล้ว มองไปยังทั้งสองคน พวกนางถึงเรียกสติคืนมาได้
ตาของหลินซีนเยียนแดงเล็กน้อย ปรากฏรอย ขอบตาดำอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ต้องดูว่าสภาพของตัว เองในตอนนี้จะไม่น่าดูแค่ไหน เพียงเธอมองความคิด ในใจของแม่นมทั้งสองคนออกก็คร้านจะอธิบายให้กับ
พวกนาง
พอทั้งสองคนเพิ่งนำสิ่งของมาชำระร่างกายเสร็จ ออกจากห้องไปแล้ว ก็มีสาวใช้หลายคนที่สงสัยเอ่ย ถามทันที พวกสาวใช้ต่างแย่งกันเอ่ยถาม ” แม่นม ฮู หยินท่านนั้นงดงามหรือไม่? งามกว่าคุณหนูเสียวอิง
แม่นมทั้งสองคนมีประสบการณ์ช่ำชอง ไม่นานก็ สงบสติอารมณ์ลงแล้วปรนนิบัติหลินซีนเยียนชำระ ร่างกายอย่างคล่องมืองมากแค่ไหน?”