ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 206
ตอนที่ 206 วางหมาก
หน้าผากของสรือโถวถูกทุบจนเลือดออก คงเป็น เพราะการต่อสู้ขัดขืนที่รุนแรงทำให้กระบอกที่อยู่บน เก้าอี้โคลงเคลงตกลงมา กระบอกจึงตกลงมาฟาดใส่ หน้าผากเขา ปากของเขาถูกยัดไว้ด้วยผ้า เมื่อเห็น หลินซินเยียนก็ส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่า ต้องการจะพูดอะไร แต่ว่าปากที่ถูกปิดอยู่นั้นจึงได้แต่ ส่งเสียงจิ้งๆ
พริบตานั้น หลินซินเยียนพลันเข้าใจอะไรบาง
อย่าง
นางหันกลับไป น้ำตาในเบ้าตานางสั่นระริก นาง กัดริมฝีปากล่าง มองไปยังยายหลิวอย่างไม่อยากเชื่อ สายตา เสียของนางแหบแห้งจนแม้แต่นางเองก็คิดไม่ ถึง “เจ้า เจ้าหลอกข้า”
ยายหลิวถูกนางมองเช่นนี้ ใบหน้าของนางปรากฏ สั่งตายแวบหนึ่ง แต่ว่าไม่นานการสั่งการก็หายไป หยิบ เอากระบอกไม้ไผ่ในอกเสื้อออกมา
เมื่อเปิดกระบอกไม้ไผ่ เป็นสัญญานที่เหมือน ดอกไม้ไฟถูกปล่อยออกไป
วินาทีนั้น โม่จื่อเฟิงที่ได้สติกลับมาเร็วที่สุดก็รีบไป ทางห้องของท่านโจว หน้าของเขาปรากฏความ เดือดดาลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หลินซินเยียนแทนที่จะแก้มัดให้กับสรือโถว กลับ วิ่งไปยังห้องของท่านโจวอย่างล้มลุกคลุกคลาน เมื่อ นางวิ่งมาถึงหน้าประตูห้องท่านโจวก็เห็นโม่จื่อเฟิง ทำลายข้าวของทุกอย่างในห้องเหมือนเป็นบ้า
เมื่อมองห้องที่ยุ่งเหยิงนั้น หลินซินเยียนโซซัด โซเซถอยลงไปกองอยู่กับพื้น ในห้อง ไม่มีแม้แต่เงา ของท่านโจวและวี่จิ่ง
“ไม่ เป็นไปไม่ได้….แผนการมันไม่ใช่แบบนี้
นี่….” หลินซินเยียนร้องไห้ไป ส่ายหัวไป นางจะเชื่อ ได้อย่างไรว่าท่านโจวและยายหลิวจะทำเช่นนี้กับนาง อินฉีอีกด้วย ผู้ชายที่อ่อนโยนราวกับหยก เขาก็หลอก นางด้วย
ไม่ ไม่ถูก นางเริ่มระแวงอินฉี แต่เมื่อคิดถึงครึ่งปีที่ ผ่านมานั้น ทุกครั้งความห่วงใยของเขา นั้นพังแรง ต้านทานของหัวใจนางได้ ทำให้นางรับเขาเป็นเพื่อนที่ ดีที่สุดของนาง แต่ว่าตอนนี้ เพื่อนที่นางเชื่อใจเหล่านี้ กลับยืมมือนางทำแผนชั่ว
อินฉี เจ้าเป็นขุนนางที่ลึกลับจริงๆ ถึงขั้นแสดง ละครได้ถึงครึ่งปี
โม่จื่อเฟิงทำลายข้าวของอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายเมื่อ ภาพเขียนใบหนึ่งถึงได้รู้ความลับ เขากำลังตกหลุม ความลับ สายตาของเขากวาดมองที่ประตู ถึงค่อยๆ หยุดการกระทำ
หลินซินเยียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้สึกว่าเย็นที่คอ ดาบยาวเล่มหนึ่งกำลังจ่ออยู่ที่คอนาง ใต้ไฟที่ เหลืออยู่ นางเห็นใบหน้าที่เยือกเย็นของยายหลิว “อู่เซวียนอ๋อง ถ้าเจ้าขยับ ข้าจะฆ่านาง” เสียงของ
ยายหลิวแหบแห้ง เป็นเหตุที่ทำให้นางไม่ชอบพูด เสียง
เช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกได้ว่าตัวตนช่างมืดมน
รูม่านตาของโม่จื่อเฟิงหดลง เขาย่นหน้าผาก แต่ก็ ฟังแล้วหยุดการเคลื่อนไหว “ปล่อยนาง”
“ปล่อยนางรี” ยายหลิวยิ้มเย็น “ปล่อยนางแล้ว คน ทั้งหมดที่นี่ก็จับเจ้าไม่ได้นะสิ แค่จับตัวนาง เจ้าก็ว่า นอนสอนง่ายไม่มีทางหนีให้จับกุมแล้ว”
ภายในห้องกลับปรากฏชายชุดดำที่ไหนไม่รู้หลาย สิบคน ด้านนอกของชายชุดดำพวกนี้ยังมีองครักษ์ของ โม่จื่อเฟิงล้อมอยู่ เพียงแต่ ยังไม่ได้รับคำสั่งของโม่ จื่อเฟิง ดังนั้นคนพวกนั้นจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวตาม อำเภอใจ
“อ่อ เจ้าคิดว่าผู้หญิงจะทำให้ข้าหมดหนทางแล้ว ถูกจับกุมงั้นรี” โม่จื่อเฟิงเค้นเสียงเย็น เสียงของเขา เยือกเย็นจนเสียดกระดูก
“ผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ แต่ว่านาง….” มือหนึ่งของ ยายหลิวถือดาบ อีกมือหนึ่งเขี่ยที่ใบหน้าของหลินซิน เยียน ให้นางหันไปทางโม่จื่อเฟิง “ท่านมองหน้านางสิ นี่เป็นหญิงที่ท่านตามหามาปีหนึ่งหรือไม่ ผู้หญิงคนนี้ เป็นแม่ที่แท้จริงของเด็ก”
โม่จื่อเฟิงย่นคิ้ว ลูกตาดำคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วย ความมืด ถามเสียงเย็นว่า “จดหมายในคืนก่อนงาน เลี้ยงนั้น พวกเจ้าเป็นคนส่งรี”
จดหมาย จดหมายอะไร หลินซินเยียนตะลึงจน เบิกตากว้าง รอยายหลิวพูดต่อ
“ไม่ผิด ข้าเองที่เขียนจดหมายบอกเจ้าว่านางคือ หลินซินเยียน แถมยังบอกยาที่ช่วยให้คลายใบหน้า ที่แท้จริงของนางออกมา ง่ายนัก แค่ให้นางดื่มเหล้าก็ พอแล้ว ของที่อยู่ในจดหมาย เป็นเรื่องจริง เจ้าดูสิ พวกข้าไม่ได้หลอกเจ้าใช่หรือไม่” ยายหลิวใช้เสียงที่ แหบแห้งพูดประโยคสั้นๆนี้ เสียงของนางก็ยิ่งแหบขึ้น เรื่อยๆ แต่ว่านางกลับมีความสุขมาก เป็นสิ่งที่เก็บไว้ใน ใจมานาน เป็นความสุขที่ในที่สุดก็ได้ทำให้ศัตรูถึงแก่ ความตาย
“พวกเจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถล้มข้าได้ หรือ เจ้าคิดว่ากำลังอำนาจของอู่เซวียนอ๋องอยู่ที่ข้าคน เดียวอย่างนั้นรี” ต่อให้ถึงเวลานี้ ใบหน้าของโม่จื่อเฟิ งก็ยังไม่ปรากฏความขี้ขลาดเลยแม้แต่น้อย
ยายหลิวได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าหัวเราะ “พวกข้ารู้ แน่ ดังนั้นตอนนี้ที่จวนอู่เซวียนอ่องก็น่าจะวุ่นวายมาก แล้ว ที่แรกพวกเราคิดว่าจะให้มีคนตายที่งานเลี้ยง สร้างความวุ่นวาย คิดไม่ถึงว่าท่านอู่เซวียนอ่องจะเป็น ห่วงเด็กขนาดนี้ เพื่อเขาแล้ว ถึงขั้นให้ขุนนางทั้งหลาย ดื่มยาพิษ ประหยัดแรงพวกเราเสียจริง”
“ยาผงหูลินไม่ใช่พิษ แต่เป็นยาบำรุงกำลังชนิด หนึ่ง ข้าแค่คิดจะขู่มือสังหารก็เท่านั้นเจ้าคิดว่านี่จะ สร้างความวุ่นวายให้จวน….”.โม่จื่อเฟิงพูดไปได้เพียง ครึ่งประโยค สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เหมือนเขาเดา อะไรบางอย่างออก พูดเสียงเย็นว่า “พวกเจ้า นำพิษใส่ ไปในเหล้าจริงหรือ”
“สมแล้วที่เป็นอู่เซวียนอ๋อง ตอบสนองได้อย่าง รวดเร็ว แต่ว่า ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ตอนนี้เหล่า ขุนนางไปเฝ้าฮ่องเต้เพื่อยื่นมติไม่ไว้วางใจเจ้าแล้ว ถ้า ไม่มีคนผู้นั้นในวังหลวงสนับสนุน อำนาจของจวนอู่เซวี ยนอ่องก็ไม่รู้จะเหลืออยู่เท่าไหร่” ยายหลิวพูดประโยค นี้ก็ประคองหลินซินเยียนถอยหลัง เมื่อถอยไปอยู่ใน ห้องโถง นางก็ส่งสายตาให้กับชายชุดดำ
ชายชุดดำคนนั้นจึงได้โยนมีดไปตรงหน้าของโม่ จื่อเฟิง
ได้ยินเพียงเสียงของยายหลิวที่พูดว่า “ตอนนี้ เริ่ม จากตัดเส้นเอ็นที่เท้าของเจ้าก่อน”
สิ้นเสียงของนางแล้ว จินมู่และองครักษ์ของโม่ จื่อเฟิงก็หน้าเปลี่ยนสี พวกเขามองไปยังโม่จื่อเฟิง ส่าย หัวไม่หยุด “ไม่นะ ท่านอ๋อง ไม่นะ ท่านอ่อง”
แม้แต่หลินซินเยียนเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว นางรู้ว่าโม่จื่อเฟิงเป็นคนหยิ่งทะนงเช่นนี้ เมื่อเจ็บปวดก็ ไม่ให้คนอื่นได้เห็น เมื่อต้องตัดเส้นเอ็นที่ขาของตัวเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้แล้ว นำมีดมาฆ่าเขาตอนนี้ยังจะง่ายเสียกว่า
“โม่จื่อเฟิง ไม่ต้องสนใจข้า” ถึงแม่ในใจของหลินซิ นเยียนจะบอกตัวเองอยู่ตลอดว่า ชายคนนี้ถึงแม้ว่าจะ ชอบนาง แต่ก็ไม่นางจะถึงขั้นที่จะเสียสละเพื่อนางเช่น นี้ได้ แต่ว่านางกลับไม่ยินยอมที่จะเสี่ยงอันตรายแม้แต่ น้อย “โม่จื่อเฟิง ท่านไม่ต้องสนใจข้า ท่านยังต้องไป ช่วยวี่จิ่งนะ ขอเพียงแค่วี่จิ่งกลับมาอย่างปลอดภัย ข้า ตาย.ก็ไม่เป็นไร”
มีดพกอยู่ข้างเท้าของโม่จื่อเฟิง แสงไฟของโคม ไฟสะท้อนระยับอยู่บนมีด ไม่มีอุณหภูมิสักนิดกลับ ปรากฏความรู้สึกเหน็บหนาว
“ท่านอ๋อง…”
“โม่จื่อเฟิง”
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน โม่จื่อเฟิง เก็บมีดเล่มนั้นขึ้นมา เขาถือมีด ไม่ได้ย่นหัวคิ้ว ทำเพียง แค่มองมาที่หลินซินเยียนไม่กระพริบตา
“รีบลงมือสิ ถ้ายังชักช้าอยู่อีก ข้าจะตัดใบหูของ นางก่อนเลย”ยายหลิวนำดาบยาวเข้าใกล้คอของหลิน ซินเยียนมากขึ้น ดาบยาวเกี่ยวผิวหนังของนาง ปรากฏ ของเหลวสีแดงสดไหลออกมา