ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 251
ตอนที่ 251 บุรุษในชุดคลุมสีดำ (2)
เดิมที่หน้าผามีตะกร้าวางอยู่ใบหนึ่งถักด้วย หวาย เมื่อเด็กน้อยนำดอกไม้ป่าวางไว้ในตะกร้านั้น แล้ว ในขณะที่กำลังจะหยิบตะกร้าขึ้นมานั้น ดอกไม้ ป่าในตะกร้าก็ได้หายไปแล้ว
“ท่านอาจารย์ ด้านล่างหน้าผานี่ใครอยู่กันรึ พิลึกจริง ทุกวันจะต้องให้ข้าไปเก็บดอกไม้ป่าที่เนิน เขา”เด็กน้อยรับตะกร้ามา อดไม่ได้ที่จะนั่งลงบ่นอยู่ ข้างนักบวชชรา ดอกไม้ป่าชนิดนี้จะขึ้นอยู่ที่เนินเขา กลางหุบเขานั้น ทุกวันไปกลับก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อน วัน เส้นทางยาวไกลเช่นนี้ก็เพื่อเก็บดอกไม้งั้นรี? กระนั้นเองเด็กน้อยรู้สึกว่าไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล สักเท่าไร
นักบวชชรายกมือขึ้นเคาะหัวเด็กน้อย” ไม่มี สัมมาคารวะ ! ให้เจ้าไปเก็บดอกไม้ก็เป็นสิริมงคล กับเจ้า ด้านล่างนั่น คือคนที่เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเอ่ย ถึง”
เด็กน้อยเหมือนว่าจะเริ่มไม่ค่อยพอใจ เอามือลูบ หัวตัวเองที่เพิ่งโดนเคาะเมื่อครู่ไปบ่นพึมพำไป”พูด อะไรก็พูดไม่ได้หรือว่าคนคนนั้นจะเป็นเทพเจ้า? ”
นักบวชชราที่หูไว้ได้ยินที่เด็กน้อยบ่นออกมา จึง ว่าออกมา “ใช่! เขาคือผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง! ไม่เพียง แต่เจ้า แม้แต่ข้าก็ต้องทำความเคารพ!
เด็กน้อยเห็นว่านักบวชชราเริ่มโกรธก็ไม่กล้าพูด อะไรอีก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองลงไปยังหน้าผานั้น จริงๆแล้วก็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเป็นเพียงแค่ความ อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น เหมือนกับว่าอยากจะมองให้ เห็นชัดๆไปเลยว่าข้างล่างนั้นใครอยู่กันแน่
เมื่อเวลาหมอกลงคละคลุ้ง ไม่มีใครรู้เลยว่าเนิน เขานั้นยังมีอีกโลกหนึ่ง
ชายในชุดผ้าคลุมสีดำ มีหน้ากากเหล็กคลุมอยู่ ครึ่งหน้าของเขา ในมือถือดอกไม้ป่าสีแดง นิ้วมือที่ เรียวยาวของเขากำลังบีบบี้กลีบดอกไม้ เด็ดออกมา ทีละกลีบทีละกลีบ ใช้เวลาเพียงไม่นาน ดอกไม้ป่า ช่อนั้นก็ถูกเขาเด็ดจนหมดไม่เหลือ
“น่าเบื่อ เลขตัวเดียวอีกแล้ว” ที่แท้เขากำลังเล่น เกมที่แสนจะน่าเบื่อ
คนชุดดำสองคนพาหลินซีนเยียนมายังเบื้อง หน้าชายในชุดผ้าคลุมสีดำ ชายในชุดผ้าคลุมสีดำ เพิ่งจะนับกลีบดอกไม้เสร็จ ชายทั้งสองยืนทำความ เคารพชายในชุดผ้าคลุมสีดำ อย่างมีระยะห่าง ปล่อยหลินซีนเยียนลงด้านล่างเขา
หลินซีนเยียนไม่รู้ว่าชายชุดดำทั้งสองใช้ยา อะไรกับตน นางไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย แต่ยังดีที่ แค่ไม่มีแรง ยังไม่รู้สึกถึงอะไรที่ไม่ปกติ
ชายในชุดผ้าคลุมสีดำเหลือบตาขึ้นมอง เห็น เรือนร่างที่งดงามภายใต้ชุดที่ปกคลุมอยู่ เขาหรี่ตา ลง อดไม่ได้ที่จะเชยชม “ไม่แปลกเลยที่โม่จื่อเฟิงจะ ชอบแม่นาง รูปร่างเช่นนี้ ชายใดเล่าจะไม่ชอบ พวก เจ้าว่าจริงหรือเปล่า? ”
ชายชุดดำสองคนยืนมองตากัน แต่ก็ไม่มีใคร กล้าพูดได้แต่พยักหน้าเท่านั้น มองออกเลยว่าชาย ชุดดำทั้งสองถูกชายในชุดผ้าคลุมสีดำข่มขู่จน หวาดกลัว
ชายในชุดผ้าคลุมสีดำเมื่อเห็นว่าชายชุดดำทั้ง สองไม่ตอบคำถามตนก็เหมือนว่าจะไม่ได้สนใจอะไร หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้อยากฟังคำตอบตั้งแต่ แรกอยู่แล้ว เขาลุกขึ้นยืนปัดเศษกลีบดอกไม้บนมือ ออกแล้วเดินอ้อมมายังด้านหน้าของหลินซีนเยียน มองรูปโฉมเบื้องหน้าของหลินซีนเยียน แล้วเงยหน้า ขึ้นหัวเราะทันที
“หญิงงามก็ยังคงเป็นหญิงงาม…..”เขาย่อตัวลง พูดพร้อมกับเอามือเฉยคางหลินซีนเยียนเล่นแล้วจับ คางของนางเชยขึ้นมอง “ช่างเป็นหญิงที่งดงามเสียจริง รูปร่าง หน้าตาไม่มีใครเทียบได้จริงๆ ส่วน , สายตานี้ที่ไม่มีความเกรงกลัวข้าแม้แต่น้อย ไม่เลว จริงๆ…
เขาเอาแต่พูดว่าไม่เลวซ้ำไปซ้ำมา หลินซีนเยียน ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่แววตาของชายชุดดำทั้งสองที่ยืน อยู่ข้างๆนั้นก็มีอาการเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง
“ข้าให้พวกเจ้าพาผู้หญิงของโม่จื่อเฟิงมาให้ข้า เชยชม การตัดสินใจนี้ถือว่าไม่เลว เจ้าดู หากว่าไม่ ให้พวกเจ้าพาตัวมา ข้าจะได้พบเห็นหญิงงามเช่นนี้ ได้อย่างไร? “เหมือนว่าชายในชุดผ้าคลุมสีดำจะดูมี ความสุข ขณะกำลังพูดนั้นก็อุ้มหลินซีนเยียนที่ตัว อ่อนปวกเปียกอยู่ขึ้นมา
ในยุคสมัยแบบนี้มีชายหญิงที่เปิดใจกว้าง ชาย ในชุดผ้าคลุมสีดำไม่ได้คำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างชายหญิง โอบกอดหลินซีนเยียนไว้ใน อ้อมอกแล้วเดินมาที่เก้าอี้ไม้แดงที่หุ้มไปด้วยหนัง เสือข้างๆ แล้ววางหลินซีนเยียนให้นั่งลงบนเข่าของ เขา
การกระทำเช่นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือการ ยั่วยวน เหมือนว่ามีแค่พวกผู้ชายในซ่องเท่านั้น ที่ ชอบมองว่าผู้หญิงเป็นเหมือนของเล่น
ชายชุดดำทั้งสองรีบก้มหัวลงไม่กล้าที่จะกวาดสายตามองไปมองมา
“เจ้า เจ้าปล่อยข้า! “ร่างกายที่ไม่มีเรียวแรงของ หลินซีนเยียนแม้แต่พูดก็แทบจะไม่มีแรง ทำได้เพียง แค่พูดเบาๆ แต่เหลือเพียงแค่น้ำเสียงที่บางเบา เท่านั้น
ชายในชุดผ้าคลุมสีดำพยักหน้า “อิม เสียงช่าง ไพเราะน่าฟัง
หลินซีนเยียนตกตะลึงแต่ยังคงพยายามพูดออก มา และรู้สึกถึงมือของเขาที่กำลังวางลงมาที่บริเวณ เอว แถมยังกำลังไต่ขึ้นมา นางสะดุ้งสุดตัวขนลุกไป ทั่วทั้งร่างกาย”เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?
ชายในชุดผ้าคลุมสีดำใส่หน้ากากทำให้มองเห็น อารมณ์ไม่ชัดเจน แต่ว่าในสายตาคู่นี้ มีความสะใจ จากการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด มือของเขายังคง พยายามไต่ขึ้นมา ริมฝีปากที่ขยับเขามาใกล้ข้างหู ของหลินซีนเยียน ได้แค่เสียงพูดเบาๆ เจ้าว่าถ้าโม่ จื่อเฟิงพบว่าเจ้ามีรอยแปดเปื้อนที่เกิดจากข้าเขาจะ เจ็บใจหรือเปล่าหรือว่าจะโมโหแล้วฆ่าเจ้าเสีย? ยังไง ซะศักดิ์ศรีของผู้ชายคือไม่ใจอ่อนต่อคนทรยศ เพียง แต่จะมีชายใดที่สามารถทนเห็นผู้หญิงของตัวเอง ร้องครางไม่หยุดอยู่ใต้เรือนร่างผู้ชายคนอื่น ? ไม่ เช่นนั้น เรามาลองดูกันดีหรือไม่?”
ลองดู? หลินซีนเยียนโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนว่า”ลองบ้าอะไร! ”
“ข้าไม่มีน้องสาว แต่ถ้าหากว่าเจ้ายินยอมที่จะ เป็นน้องสาวของข้าล่ะก็ ข้าก็มิอาจจะปฏิเสธคำขอนี้”
ชายผ้าคลุมดำพูดพร้อมกับมือที่เกาะเชือกมัด เสื้อของหลินซีนเยียนออก เขาเพียงแค่ขยับนิด หน่อย เชือกมัดเสื้อนั้นค่อยๆคลายออก เดิมทีที่ถูก มัดไว้อย่างแน่นหนาก็เริ่มค่อยๆหลุดออก
ลมเย็นที่ผ่านเข้ามาจากเสื้อด้านนอกของหลิน ซีนเยียนเข้ามายังด้านใน เธอโดนลมเย็นจนไม่อาจ หยุดสั่นได้
เส้นทางระหว่างหุบเขา โม่จื่อเฟิงกำลังรีบร้อน เพื่อจะไปให้ทัน ทั้งๆที่เดินไปข้างแต่กลับเหมือนเป็น ภาพลวงตาแต่ว่าเพียงชั่วครู่ก็หายไป เขาทำให้ ภาพลวงตาไปถึงขีดจำกัด ถ้าคนธรรมดามาเจอคง คิดว่าเจอผี
เมื่อถึงวิหารบนยอดเขา เต็มไปด้วยควันธูปควัน เทียนบนบานศาลกล่าวของวิหาร ในยามบ่ายที่เป็น ช่วงเวลาของความขี้เกียจแต่ว่าคนที่มาบนบานยังคง เยอะอยู่ เด็กน้อยผู้รับผิดชอบที่ประตูเริ่มยิ้มเจื่อนๆ แต่คนก็ยังมาเรื่อยๆ ไม่หยุด
โม่จื่อเฟิงมาถึงประตูของวิหาร ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นแต่หายตัวผ่านไปทางเด็กน้อยผู้รับผิดชอบที่ ประตู เด็กน้อยที่รู้สึกเหมือนกับมีลมพัดผ่านไปวูบนึง แล้วพัดเอาอะไรลอยไปด้วย แต่เมื่อมองอย่าง ละเอียดแล้วก็ไม่พบเห็นอะไร
“แปลกจริงๆ กลางวันแสกๆแบบนี้หรือจะเป็น ผี”เด็กน้อยบ่นพึมพำ แล้วต้อนรับผู้คนที่มาเยือน วิหารต่อไป