ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 252
ตอนที่ 252 ลงมือจัดการนางด้วยตัวเอง (1)
ในถ้ำ เพราะว่ามีไข่มุกเรืองแสงเม็ดใหญ่อยู่ แต่ ว่าบริเวณรอบๆนั้นมืดมิด
บนพื้น มีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่ เสื้อที่อยู่ข้าง ในและข้างนอกจนมาถึงหน้าปากถ้าเข้าไปจนถึงข้าง ในสุดที่มีเตียงหินปูด้วยหนังเสือ ในกระถางข้างๆ กำลังเผาไหม้ไม้หอมที่เลอค่า ถ้าหากว่ามีหมอที่รู้ เทคนิคทางการแพทย์นี้อยู่ ก็จะสามารถรู้ได้อย่าง ง่ายดายว่าในไม้หอมนั้น ได้ใส่ยาสมุนไพรที่ทำให้ ตื่นตัวลงไปด้วย
กลิ่นมันช่างรุนแรงมาก แม้จะอยากที่จะไม่สนใจ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้
บนเตียงหิน หลินซีนเยียนจิกตาโตมองไปที่ชาย ผู้นั้นที่อยู่ข้างเตียง ตอนที่เขาถอดเสื้อผ้าของเธอ ออกนั้น เธอคิดว่า เขาจะทำมิดีมิร้ายเธอ
แต่ว่า เมื่อเธอเห็นว่าเขาเพียงแค่ถอดเสื้อผ้าของ เธอทิ้งลงที่พื้น แถมยังเติมสมุนไพรลงไปในนั้น เธอ ถึงได้รู้ว่า ที่จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากสร้าง สถานการณ์ให้ดูเหมือนเขาได้ทำให้เธอแปดเปื้อน แต่ทว่าทำให้ใครดู ไม่ต้องพูดก็รู้
“ทำไม ผิดหวังมากรีที่ข้าไม่ได้แตะต้องตัว เจ้า? “ชายที่ใส่หน้ากากเหล็กหันมา มองไปที่หลิน ซีนเยียนที่อยู่บนเตียง มุมปากแสยะยิ้ม
หลินซีนเยียนไม่ได้สนใจการยั่วยุของเขา เพียง แค่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าเขาจะ เชื่องั้นรึ?”
“เขาเชื่อแน่นอน คบกับเขามาสิบกว่าปี เขารู้ว่า ข้าเป็นคนเช่นไร โดยเฉพาะเรื่องหญิงงาม ไม่เคย รอดพ้นมือข้า เพียงแต่….”ชายผ้าคลุมดำโน้มก้มลง ยื่นมือลูบไปที่แก้มของเธอ”เพราะเจ้าเป็นผู้หญิงของ เขา ข้าไม่เลยหมดสนุก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่มีรูป โฉมเยี่ยงเจ้า ก็คงกลายมาเป็นของเล่นใต้เรือนร่าง ข้านานแล้ว”
เขาพูดในสิ่งที่หลินซีนเยียนไม่เข้าใจ และดู เหมือนว่าเขาก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรให้เธอเข้าใจ มือของเขาไม่หยุดลูบไล้แก้มอันขาวผ่องของหลิน ซีนเยียน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “ดูนี่สิ ผิวพรรณช่าง งดงาม ช่างน่าอิจฉาเสียจริง ก็ไม่แปลกที่เขาจะชอบ เจ้าถึงเพียงนี้…”
หลินซีนเยียนอยากหลบ แต่ว่าไม่มีเรี่ยวแรง จึง ทำได้แค่ปล่อยให้เขาลูบไล้แก้มของเธอ สิ่งเดียวที่ ทำให้เธอยังรู้สึกโชคดีก็คือ ชายผ้าคลุมดำไมรู้ในใจคิดอะไร เขาไม่ได้ต้องการร่างกายเธอ
นี่ทำให้หลินซีนเยียนคิดไม่ตก เธอรู้ดีว่าเรือน ร่างของเธอไม่ว่าชายใดก็มิอาจปฏิเสธได้ ตั้งแต่ที่ เธอทะลุมิติมาที่นี่ ร่างนี้ไม่หยุดที่จะสร้างความ วุ่นวายให้เธอเลย หรือเพราะชายผู้นี้มีปัญหาในเรื่อง อย่างว่า ไม่เช่นนั้น เขาจะถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่าง ไม่รู้สึกอะไรได้อย่างไรแถมยังไม่มีความรู้สึกอะไร
เลย
เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของเธอ ชายผ้าคลุม ดำแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ ทันใดนั้น เขาได้เปลี่ยนจาก การลูบไล้เป็นบีบแก้มของเธอเชยขึ้น
และปล่อยลง
เขาตบหน้าเธออย่างแรง เพียงชั่วครู่แก้มของ เธอก็มีรอยนิ้วทั้งห้า
“นังสารเลว! คิดว่าข้าไม่ปกติเช่นนั้นรี ? ข้าจะ บอกอะไรให้ข้านะปกติดีทุกอย่าง เพียงแต่ว่าเจ้า ทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง” ขณะที่ชายผ้าคลุมดำกำลัง พูดก็ตบหน้าเธอไปอีกครั้ง
โดนตบไปสองครั้งทำให้หลินซีนเยียนกัดปาก จนแตก ขอบปากมีรอยเลือดแดงๆ
ในตอนนั้น หลินซีนเยียนมองเห็นแววตาของชายผ้าคลุมดำมีความอิจฉาริษยาอยู่ในนั้น อิจฉารี? ความอิจฉาริษยาจากผู้ชาย?
หลินซีนเยียนรู้สึกช่างน่าขำ แต่ว่าความรู้สึกนั้น มันช่างชัดเจน ชายผ้าคลุมดำไม่ได้เก็บซ่อนความ รู้สึกแต่อย่างใด เขาระบายอารมณ์เสร็จแล้ว กลับมา นั่งที่ข้างเตียงหินถอนหายใจ จ้องมองไปทางปาก ทางเข้าถ้ำ
ชายชุดดำทั้งสองที่พาตัวหลินซีนเยียนมานั้นได้ ออกไปตั้งแต่ที่ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อผ้าเธอแล้ว ตอน นี้ในถ้ำมีเพียงแค่เธอกับเขาเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขากำลัง คิดอะไรอยู่ อารมณ์ความรู้สึกที่เขาแสดงออกมามัน ช่างขัดแย้งกัน เดี๋ยวก็อิจฉา เดี๋ยวก็โกรธแค้น เดี๋ยวก็ ยิ้มแปลกๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ทางเข้าถ้ำมีเงาร่างของกาย อันกำยำปรากฏขึ้น เพราะว่าเป็นทางย้อนแสงทำให้ มองไม่ค่อยชัด แต่ว่าเงาของร่างนั้น แค่มองเธอก็รู้ว่า คือใคร
โม่จื่อเฟิง ในที่สุด เขาก็มาแล้ว
หลินซินเยียนในใจกระโดดโลดเต้น ดูแล้วชาย ผ้าคลุมดำจะรู้จักคุ้นเคยโม่จื่อเฟิงเป็นอย่างดี และโม่ จื่อเฟิงก็รู้จักเขาดีเช่นกัน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่จะหา ที่นี้ได้ในเวลาอันรวดเร็วเพียงนี้
“เจ้ามาแล้ว” ชายผ้าคลุมดำเอ่ยออกมา ตอนที่ เขาพูด น้ำเสียงของเขามีความแหบแห้ง
โม่จื่อเฟิงไม่ได้ตอบเขา สายตามองไปยังเสื้อผ้า ที่กระจายอยู่ที่พื้น มองไม่ออกอารมณ์ของเขาใน ตอนนี้ แต่ว่ามือทั้งสองที่กำหมัดแน่นก็แสดงให้เห็น ความโกรธแค้นของเขา
เขาเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง หยิบเสื้อผ้าที่กอง อยู่ที่พื้นขึ้นมา แล้วเดินเข้ามาข้างใน เข้ามาถึงข้าง หน้าเตียงหิน เห็นหลินซีนเยียนที่นอนเปลือยเปล่า นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำดำจนแทบจะไหลออกมา เป็นน้ำ
หลินซีนเยียนไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของเขา มาก่อน ถึงแม้ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี เธอก็จะยังคงจำได้ ตอนนั้น ทั้งที่ใบหน้าของโม่จื่อเฟิงขาวผ่อง แต่ ดวงตาทั้งสองของเขากลับดำสนิท
“จื่อเฟิง….”น้อยครั้งมากที่หลินซีนเยียนจะเรียก เขาแบบนี้ แต่ว่าในตอนนั้น เธอก็ได้เรียกออกไปแล้ว เธออยากจะบอกกับเขาว่าเรื่องราวทั้งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นเช่นเขาคิด ชายผ้าคลุมดำไม่ได้แตะต้องนาง แม้แต่น้อย
แต่ทว่า โม่จื่อเฟิงไม่ให้โอกาสเธอพูด ตะคอก กลับไป”หุบปาก! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า! ห
หลินซีนเยียนโดนเขาตะคอกจนตกใจ ริมฝีปาก สั่นเทา ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรอีก เธอรู้ โม่จื่อเฟิงใน ตอนนี้นั้นกำลังโมโหขีดสุด ในตอนนี้ฟังอะไรก้ไม่ เข้าหูทั้งนั้น เธอไม่สงสัยเลย ในตอนนี้ที่ร่างกายของ เขามีความอาฆาตออกมา เธอรู้ ในตอนนี้ เขาอาจจะ ฆ่าเธอได้ลงจริงๆ
โม่จื่อเฟิงโยนเสื้อผ้าใส่หลินซีนเยียน บดบัง ร่างกายจนหมด เหลือเพียงแต่หน้าอัดซีดเซียวของ เธอ
เขาหันไปด้วยความโกรธแค้น จ้องไปยังชายผ้า คลุมดำที่อยู่ข้างๆ น้ำเสียงเย็นยะเยือก” อู๋จิ้น ผู้หญิง ของข้า เจ้าก็กล้าแตะต้อง!
อู่จิ้นพยักไหล่ ในตามีความอำมหิต เขาเลียปาก อย่างน่ากลัว เหมือนไม่ได้สนใจความโกรธแค้นของ โม่จื่อเฟิง และตอบกลับไปว่า”ข้าก็อยากจะลองสัก ครั้งว่าผู้หญิงของเจ้ารสชาติเป็นอย่างไร แน่นอนว่าผู้ หญิงที่ทำให้เจ้าหลงใหลได้ รสชาติไม่เลว”
โม่จื่อเฟิงไม่คิดอะไรทั้งนั้น เขาปล่อยหมัดไปทา งอู่จิ้น คู่จิ้นเหมือนคาดไว้แล้วว่าเขาจะทำเช่นนี้ ดัง นั้นจึงเตรียมพร้อมไว้แล้ว เมื่อเขาออกหมัดมาก็ถอย หลบไป
เพียงชั่วครู่ ก็เปิดศึกขึ้น
หขินซีนเยียนมองขึ้นไป เห็นเพียงแต่แสงกับเงา วับไปวับมา ทั้งสองมีความรวดเร็วมากจนถึงขั้นสุด ทำให้เธอไม่รู้ได้ว่าตอนนี้ใครได้เปรียบใครเสีย เปรียบอยู่ เธอได้เพียงแต่ภาวนาให้โม่จื่อเฟิง
“ปิ้ง”