ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 26
ตอน 26 แผ่นภาพที่น่าสนใจ
“ไม่พอใจรี”โม่จื่อฟงนั่งพิงหมอนนุ่มๆ ด้านหน้ามีหม้อ น้ำชาที่เพิ่งชงใหม่และขนมที่ดูน่ากินอย่างมาก เขายิ้ม ที่มุมปากเล็กน้อย”เจ้าเหมือนลูกไก่ในกำมือข้า เจ้าไม่ พอใจ ก็ทนเอา”
พอโม่จอฟังพูดจบก็นอนพิงลงอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็หลับตาลงคล้ายกับไม่อยากมองหลินซีน เยียน
ทนเอา? ทนกับน้องสาวเจ้าสิ!
หลินซีนเยียนรู้สึกคันปากอยากจะด่ากลับ แต่ทำได้ เพียงจ้องมองชายที่กำเริบเสิบสานคนนี้อยู่ตรงหน้า แต่นางรู้ว่าต้องมีสักวันที่นางจะได้ลืมตาอ้าปากกับเขา สักที
เมื่อเช้าหลินซีนเยียนไม่ได้กินข้าว ตอนนี้จึงรู้สึกหิว อย่างมาก นางอยากจะหยิบขนมที่อยู่ตรงหน้าเขาขึ้น มากิน พอหยิบมากินขึ้น เมื่อเห็นโม่จื่อฟงไม่ได้มีท่า ที่ตอบโต้อะไร นางจึงหยิบขึ้นมากินอย่างวางใจ
แม้ว่าหลินซีนเยียนจะอยู่กับเขาไม่นาน แต่ก็พอจะรู้นิสัยของเขา เมื่อเขาไม่ได้ตอบโต้อะไรก็แสดงว่าเขา ได้อนุญาต ชายที่ทะนงตัวเช่นนี้ หลินซีนเยียนเพิ่งเคย จะเห็นเป็นครั้งแรก
ะ ๘ ข นางกินไป 2 ชิ้น จากนั้นก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมา จากในเสื้อแล้วห่อใส่ขนมหลายชิ้นอย่างระมัดระวัง เลิกผ้าม่านในรถม้าขึ้น แล้วกวักมือเรียกให้จินมู่เข้า มาหา
“อี้เซิง กินนี่เร็ว”หลินซีนเยียนนำใส่ผ้าเช็ดหน้าที่ ห่อขนม จินมู่ยื่นมือออกไปหยิบ แล้วส่งให้เด็กที่อยู่ ตรงหน้า
หลินอี้เซิงรับขนมมาอย่างกระดากอาย แต่ยังไม่ได้ กินทันที กลับมองไปในรถ แม้เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ หลินซีนเยียนก็พอดูออกว่าเขาเป็นห่วงนาง
“ข้าไม่เป็นไร วางใจเถิด ท่านอ๋องเป็นคนดี”หลิน
ซีนเยียนยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ จากนั้นก็ปิดผ้าม่าน ในรถม้าลง “เป็นหวางเป็นคนดี? “โม่จื่อฟงลืมตาขึ้นมาทันที
มองหลินซีนเยียนอย่างรู้สึกสนใจ
หลินซีนเยียนกรอกตาบน แล้วเดินมานั่งตรงมุมในรถม้า”ข้าเพียงแค่ปลอบใจเด็ก ท่านอย่าคิดเป็น จริง”
“อ้อ? “โม่จื่อฟงไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปยัง บริเวณคอเสื้อขาวๆ ของนาง ราวกับอยากจะเห็นอะไร ในบริเวณนั้น
หลินซีนเยียนเห็นสายตาของเขาก็กัดฟันอย่าง
โกรธเคือง รีบเอามือปิดเสื้ออย่างมิดชิด แต่กลับบ่
นอย่างไม่แสดงอารมณ์ “ผู้ชาย ที่แท้เป็นสัตว์ที่ใช้ ส่วนล่างคิด คิดแต่จะทำอะไรต่ำๆ ” “เจ้าเพิ่งบอกว่าเปิ่นหวางเป็นคนดีไม่ใช่หรือ? ข้า
ยังคิดว่าเจ้าพึงพอใจความอึดของเปิ่นหวาง” โม่ จื่อฟงเอ่ยคำพูดออกไปอย่างเนิบช้าแล้วก็หลับตาลง
“เหลวไหล! “หลินซีนเยียนตอบกลับมาทันที ราวกับนางถูกคนหน้าไม่อายพูดจาแทะโลมใส่
ในรถม้าเงียบลงได้ยินเพียงเสียงล้อหมุนของรถม้า รถม้าโคลงเคลงไปมาต่างจากรถยนต์ในยุคปัจจุบัน อย่างมาก ความเร็วก็ช้ากว่า ความสบายก็ไม่กล้าเอ่ย ชม
ขบวนรถม้าออกเดินไปสักพัก ก็มีคนส่งหนังสือราชการให้กับโม่จื่อฟงดูในรถม้า
หลินซีนเยียนรู้ว่าคนอย่างโม่จื่อฟงมีงานที่ต้องสะ สางมากมาย การทำงานในรถม้าถือว่าเป็นเรื่องปกติ เขาคงไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเวลาไปกับการเดินทางที่ มากกว่าครึ่งเดือนเป็นอย่างแน่
เพียงทำให้หลินซีนเยียนคาดไม่ถึงว่า ตอนแร กนางคิดว่านั่นคือหนังสือราชการทั่วไป แต่พอมอง เห็นภาพวาดบนหนังสืออย่างไม่ได้ตั้งใจ ตาก็เปล่ง เป็นประกายทันที
นั่นมัน ไม่ใช่หนังสือราชการทั่วไป แต่เป็นภาพวา ดการประดิษฐ์อาวุธ!
เป็นครั้งแรกที่หลินซีนเยียนเห็นวงเทียนจีนั้นแล้ว ทักษะด้านการประดิษฐ์อาวุธในยุคสมัยนี้ได้ดึงดูนาง อาวุธทางการทหารของยุคสมัยนี้ ไม่มีเครื่องบินหรือ ปืนใหญ่ ไม่มีดินปืนที่มีพลังพอจะสังหารคนได้ เมื่อ เป็นเช่นนี้ แต่พวกเขาก็สามารถทำสิ่งของที่ประณีต งดงามออกมาได้ ทำให้คนต้องนับถือในสติปัญญา ของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
นางมองไปรอบๆ และขยับเข้าไปใกล้โม่จื่อฟง เมื่อนางขยับตัว สายตาของโม่จื่อฟงก็มองไปที่นาง ทันที”ทำไม? สนใจสิ่งนี้หรือ?
หลินซีนเยียนสะดุ้งโหยง ความรู้สึกของ โม่จื่อฟง เฉียบแหลม นางจึงรีบส่ายหน้าทันที”ข้าเป็นผู้หญิงที่ ประตูใหญ่ออกไม่ได้ ประตูเล็กก็ก้าวออกไม่ได้ จะไป สนใจภาพเขียนยันต์พวกนี้ไปเพื่ออะไร แต่เห็นท่านนั่ง พิงหมอนนุ่มๆ ก็เลยอยากจะพิงบ้าง”
ประตูใหญ่ออกไม่ได้ ประตูเล็กก็ก้าวออกไม่ได้ หมายถึง อยู่แต่ในบ้าน ไม่สามารถก้าวข้ามประตูออก ไปไหนเลย
โม่จื่อฟงจ้องหน้าของเธอ ราวกับอยากรู้ว่านาง กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียง ชี้ไปตรงขาของตนเอง “ในเมื่ออยากมานั่ง ก็ควรทำ ในเรื่องที่สาวใช้ควรทำให้ดี”
หลินซีนเยียนแสยะยิ้มที่มุมปาก”ข้าเป็นสาวใช้ของ เจ้าตั้งแต่เมื่อไร ?”ถึงจะพูดไปเช่นนั้น แต่นางก็เริ่ม นวดขาให้เขาอย่างว่าง่ายเป็นครั้งแรก
“เมื่อวาน เป็่นหวางได้ช่วยเด็กคนนั้นให้เจ้า เจ้า ก็เป็นคนของเปิ่นหวางแล้ว ใช้ร่างกายของเจ้า เป็นหญิงอุ่นเตียงให้เป็่นหวางกำลังดีเลย”ตอนที่โม่ จื่อฟงพูดด็หยิบภาพวาดขึ้นมาดู
“หญิง …. หญิงอุ่นเตียง? “หลินซีนเยียนคิดไม่ถึงว่า โม่จื่อฟงได้คิดตำแหน่งให้กับนางแล้ว แต่ตำแหน่ง นี้ ทำให้คนแทบจะบ้าคลั่งได้!
โม่จือฟงไม่สนใจท่าทางกระตุกกระตักของนาง แต่มองไปที่ภาพวาดแล้วเอ่ย”ภาพวาดนี้แน่ใจว่า ขโมยมาจากคนผู้นั้น? ”
หลินซีนเยียนสงสัยว่า ในรถม้า มีเพียงแค่นางกับ โม่จ่อฟง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ถามนาง แล้วถาม ใคร? จากนั้นก็มีเสียงพูดดังมาจากนอกรถม้า
คำพูดนั้นเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อายุไม่มาก “กราบทูลท่านอ๋อง ได้มาจากคนผู้นั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่ภาพวาดได้ขาดไป 28 ส่วน พวกเราได้มาเพียง 15 ส่วน ข้าน้อยได้ตรวจสอบมานานแล้ว แต่ก็ไม่สามา รถประกอบเข้ากันได้
โม่จื่อฟงได้ฟังก็ขมวดคิ้วเข้ามาหากัน อารมณ์ของ เขาได้ทำให้บรรยากาศในรถม้าหยุดชะงัก ผ่านไปสัก พัก เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่มองภาพวาดนั้น
หลินซีนเยียนนวดขาให้เขาไป มองภาพในมือของ เขาไป อาจจะเป็นเพราะว่ายุคสมัยนี้ ผู้หญิงคงไม่เคย เห็นภาพวาดอาวุธมาก่อน โม่จื่อฟงเลยไม่ได้ห้ามนาง แต่พอเขาพลิกดูภาพวาดทุกแผ่นแล้ว ตาของหลินซีน เยียนก็เปล่งประกายทันที
ภาพวาดนี้ได้ออกแบบอาวุธหน้าไม้ชนิดหนึ่ง แม้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ในกลไกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ กลับทำให้หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม นางยิ่งดู ยิ่งคันไม้คันมือ ราวกับถูกโรคบ้างานครอบงำ ขยับ ไปขยับมา อยากจะลองประกอบเข้ากันจนตัวนั่งไม่ติด พื้น
“ท่านอ๋อง ท่านกำลังเล่นประกอบภาพอยู่หรือ? ให้ข้าเล่นด้วยได้หรือไม่? “หลินซีนเยียนนวดขาให้ เขา และแสดงท่าทางอย่างไร้เดียงสา
โม่จื่อฟงมองด้วยสายตาเคร่งขรึม นิ่งเงียบไปสัก
พัก”เจ้าอยากเล่น? ดูรู้เรื่องด้วยหรือ? ” หลินซีนเยียนยิ้ม”ท่านอ๋อง ไม่ใช่เป็นแค่ลายปัก หรือ? แม้จะไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร แต่มันก็แค่ประกอบ
เข้ากัน ข้าไม่รู้ว่าภาพนั้นวาดคืออะไร แต่ตอนที่ข้าอยู่
ในเรือน ชำนาญเรื่องภาพลายปัก แล้วภาพลายปักพวกนี้ก็ดูคล้ายกันอย่างมาก ให้ข้าลองประกอบให้ ดีหรือไม่? “