ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 280
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 280 อาวุธที่ทำให้คนอกสั่นขวัญหนี
ทว่า โม่จื่อยี่ก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องนี้ เอ่ย “ เช่นนั้นเจ้าให้ คนปิดประตูทำไม รีบไปหารถม้า พวกเราจะได้หานาง…”
คำพูดลงท้ายยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ย เพียงรู้สึกว่าร่างกาย ลอยขึ้นอยู่เหนืออากาศ แล้วทะยานออกไปนอกหน้าต่าง ในพริบตาเดียว เมื่อรอให้เขาได้ตั้งสติ โม่จื่อเฟิงก็พาเขา อยู่มาระหว่างหลังคาจวนอ่องแล้ว
” จื่อ จื่อเฟิง พวกเราไปหานางเช่นนี้หรือ? ” เสียงลมพัด หรือหรืออยู่ข้างหู สีหน้าของโม่จี่อยี่ซีดขาว ตั้งแต่เล็กจน โตเขาล้วนมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมสงบร่มรื่น อย่าเอ่ยถึง เหาะเหินอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้เลย เพียงวิ่งเหยาะๆธรรมดาก็ ถือว่าเร็วมากแล้ว ด้านหลังมักจะคำพูดตะโกนให้ ระมัดระวัง ช้ากว่านี้ ช้ากว่านี้หน่อย
แต่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตแม้จะเห็นว่ากระด้าง กระเดื่อง ทว่าต่อหน้าเขาไม่เคยแสดงท่าทีก่อกบฏเลยสัก ครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ กลับพาเขาเหาะเหินด้วยตนเอง?
ก็แค่ไปพบสตรีของเขาเองไม่ใช่หรือ? เหตุใดต้องรีบร้อน ขนาดนี้ด้วย?
“อย่าพูดมาก เดี๋ยวลมพัดเข้าไปในปากแล้วป่วยขึ้นมา อย่าโทษข้าไม่ตักเตือนท่านก่อนโม่จื่อเฟิงแม้จะคิ้วก็ไม่ ขมวด ยังคงจับไหล่ของโม่จื่อยี่เหาะเหินไปตลอดทาง
เมื่อเห็นจดหมายกับมนุษย์หิมะแล้ว เขาก็อยากจะไปหา นางทันที ใครจะรู้ว่าโม่จื่อยี่จะบุกเข้ามาขัดขวางแผนการ เขาเลยจำใจพาเขาไปด้วยกัน ในใจของท่านอ่องยากแท้ หยั่งถึงกลับไม่สบอารมณ์ ดังนั้นก็ไม่คิดจะให้โม่จื่อยี่สบาย อกสบายใจ จึงพาเขาตากลมเย็นๆสักรอบ
เมื่อโม่จื่อเฟิงได้ยินเสียงมาจากในคลังอาวุธ ขาทั้งสอง ข้างของโม่จื่อยี่เริ่มสั่นระริก พอเท้าทาบพื้นแล้วก็ถอยหลัง โบกมือไม่หยุด เราไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว เจ้าให้เราพัก หายใจสักหน่อย”
โม่จือยิ่ถอยหลังไป 3 ตั้ง ห่างออกไกลจากบริเวณข้าง กายของโม่จื่อเฟิง เขาพิงเสาที่อยู่ในเพิงเหล็กต้นหนึ่งแล้ว หายใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ลืมที่จะกล่าวว่าฟู่จื่อ
เจ้าเด็กคนนี้ต้องจงใจแน่ เราไปล่วงเกินเจ้าตอนไหนหรือ เจ้าถึงตั้งใจทรมานเราเช่นนี้ ?
” ท่านพูดจาขบขันแล้ว ท่านเป็นราชา ข้าเป็นขุนนาง จะ จงใจกล้าทรมานท่านได้อย่างไร ก็เห็นว่าท่านรีบนักรีบหนา ดังนั้นเลยเลือกเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดไม่ใช่หรือ? “โม่จื่อเฟิ งกล่าวคำโกหกหน้าตาย หลังจากพูดจบก็ไม่สนโม่จื่อยี่ ที่พักหายใจอยู่ด้านข้าง มุ่งเดินตรงไปยังเรือนที่อยู่ตรง หน้า
ผู้ที่ออกมาต้อนรับคือโจวหลี่ เมื่อเห็นโม่จื่อเฟิงมาด้วย ตนเอง ก้าวขาออก 2-3 ก้าวแล้วนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งทำความ เคารพ ” ท่านอ่อง! ”
“อื้อ นางล่ะ? “โม่จื่อเฟิงเอ่ยถาม โจวหลี่ประสานมือคำนับแล้วกล่าว พระชายารองไม่ หลับไม่นอนมา 2 วันติด เมื่อเช้าในที่สุดก็ทำแส้ยาวโลหะ ได้สำเร็จ ถึงจะกลับไปพักผ่อน ท่านอ๋องจะปลุกนางหรือ ไม่? ที่จริงแส้ยาวโลหะ ข้าน้อยก็ร่วมทำด้วย ข้าน้อย สามารถสาธิตแทนได้ จะได้ให้พระชายารองได้พักผ่อนสัก หน่อย? ”
เมื่อโม่จื่อเฟิงได้ยิน ดวงตากลับหรี่ลง แค่นเสียงแล้วเอ่ย
เจ้าช่างห่วงใยนาง….
โจวหลี่ชะงักนิ่ง รีบตอบสนองโขกศีรษะเสียงดังหนึ่งที่ ทันที “ ไม่ ไม่ใช่ ข้าน้อยเพียงชื่นชมความสามารถของพระ ชายาเท่านั้น ย่อมไม่คิดเป็นอื่นเด็ดขาด พระชายารอง ราวกับเทพยดาลงมาจุติ ข้าน้อยเป็นปุถุชนธรรมดาจะกล้า คิดฝันได้อย่างไร!
“เทพยดาลงมาจุติ…” รอยยิ้มที่มุมปากของโม่จื่อเฟิง ราวกับยิ่งรู้สึกสนใจขึ้นเรื่อยๆ หลายวันนี้ นางเอาชนะใจผู้ ใต้บังคับบัญชาของข้าอย่างพวกเจ้าได้แล้วเชียวหรือ
” โจวหลี่เงียบกริบ แม้คิดอยากจะกล่าวอย่าง จริงใจ แต่หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไปก็เข้าใจ เขาชื่นชม หลินซีนเยียนอย่างมาก จึงไม่อยากกล่าวคำฝืนใจออกไป
” ช่างเถิด ให้นางพักผ่อนไป เจ้าพาพวกเราไปดูแส้ยาว โลหะแล้วกัน ” โม่จ่อเฟิงหายจากอาการโศกเศร้าแล้ว
ในใจโจวหลี่รู้สึกสงสัย เมื่อ 2-3 วันก่อนเห็นท่านอ่องอยู่ ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก เหตุใดวันนี้ถึงเปลี่ยน กระปรี้กระเปร่าได้? ได้ยินมาจากคนใช้ในเรือนบอกว่าเช้า นี้พระชายารองมอบของขวัญให้ท่านอ่อง หรือว่าจะเป็นผล คุณงามความดีของของขวัญนั่น? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งพระชายารองในใจของท่านอ่องต้องไม่ธรรมดา เป็นแน่
ทว่า สตรีอย่างพระชายารอง เดิมก็คู่ควรกับอู่เซวียนอ่อง บุรุษผู้กล้าท้าทายใต้หล้าถึงจะถูกต้องแล้ว พอโจวหลี่คิด เช่นนี้ ใบหน้าก็กลั้นขำออกมาไม่ได้ แม้ฝึก้าวเดินจะเบา เงียบอยู่มาก
ฟูจื่อโม่โบกมือเรียกโม่จื่ออยู่ในที่ไกลๆ ” ของทำเสร็จ แล้ว พวกเราไปดูกัน”
โม่จือยิ้มองเขาแวบหนึ่ง แต่ยังเดินตามมา โจวหลี่เห็น ใบหน้าของโม่จือยี่และโม่จื่อเฟิงคล้ายคลึงกัน 3 ส่วน ในใจ ก็เกิดความสงสัย แต่กลับได้ยินโม่จื่อเฟิงกล่าวตัดบท “ไป เถิด เลิกมองเขาได้แล้ว เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ”
” ข้าน้อยรับทราบ ” โจวหลี่รีบเดินนำทางทันที
เมื่อพวกเราเดินมายังพื้นที่โล่งที่อยู่หลังเรือน บนพื้นได้ วางเสาเข็มไม้อยู่ไม่น้อย ราวกับใช้ทดลองอาวุธการทหาร บนเสาเข็มไม้มากมายยังมีร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้จาก อุปกรณ์แหลมคม
พวกเขาเพิ่งมายืนอยู่ตรงเสาเข็มไม้ที่สมบูรณ์ต้นหนึ่ง ช่างตีเหล็กเฉินได้อุ้มกล่องเหล็กใบหนึ่งเดินตามมา เมื่อเขา เปิดกล่องออก แส้ยาวโลหะที่อยู่ด้านในได้ปรากฏอยู่ต่อ หน้าพวกเขา เพียงมองแสัยาวโลหะที่ยาวประมาณ 3 เมตร ราวกับงูดำเรื่องแสงมันวาว ทุกข้อต่อของกระดูกงูล้วนทำ จากแผ่นเหล็กบางราวกับปีกของจักจั่นแผ่นหนึ่ง ทว่าที่ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดผวาที่สุดคือขอบของแผ่นบางๆ นั่นที่ทำเป็นใบหยักฟันเลื่อย
อาวุธเช่นนี้ ไม่ต้องออกแรง เพียงเปิดตัวครั้งแรกก็ สามารถทำให้หวาดหวั่นได้แล้ว ทุกใบหยักฟันเลื่อย แหลมคมซี่เล็กๆ ล้วนทำให้คนหวาดเสียวสันหลัง แค่คิด ตอนที่ใบมีดฟันเลื่อยนั้นเฉือนลงบนผิวหนัง ในหัวพลัน ปรากฏฉากนองเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากผิวหนังแล้ว
” ดีเป็นของที่ดีจริงๆ! ” โม่จื่อยี่ตบมืออย่างต่อเนื่อง ไม่ รอช้าที่จะรับแส้ยาวนั้นมา
ช่างตีเหล็กเฉินกลับขมวดคิ้ว มองไปยังโม่จื่อเฟิงโดย ไม่รู้ตัว เพียงเห็นโม่จื่อเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย เขาถึงจะ ปล่อยมือส่งแส้ยาวโลหะไปในมือของโม่จื่อยี่
เมื่อโม่จื่อยี่รับแส้ยาวโลหะมาชั่งน้ำหนักอยู่ในมือ เดิมคิด ว่าแส้ยาวที่ทำจากโลหะจะมีน้ำหนักมาก แต่ไม่รู้สึกถึง ความหนักอยู่มือเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามกลับรู้สึก ถึงเบาหวิว สายตาพลันสว่างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
” ปัง ”
เมื่อแส้ยาวตวัดขึ้น ฟาดไปบนเสาเข็มไม้ หลังได้ยินเสียง ดังกังวาน เสาเข็มไม้ต้นนั้นก็เหลือเพียงรอยไม่ลึกมากเส้น หนึ่ง
คิ้วของโม่จื่อยี่ขมวดติดกัน หันหน้าไปมองโม่จื่อเฟิง ” ดู เหมือนว่าแส้ยาวโลหะนี่จะร้ายกาจมาก แต่พลังกลับไม่ ค่อยเท่าไร”
“งั้นหรือ?” วรยุทธ์ของโม่จื่อเฟิงนั้นเก่งกาจ แวบเดียวก็ มองออกว่าถึงความร้ายกาจของแส้ยาวโลหะนี้ รอยยิ้มที่ มุมปากอดที่จะพึงพอใจไม่ได้ เขาเพียงเดินหน้าไปก้าวหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นอย่างช้าๆ
เมื่อปลายนิ้วของโม่จื่อเฟิงสัมผัสถังเสาเข็มไม้นั้น เป็น ฉากที่ทำให้ต่างตื่นตระหนก เห็นเสาเข็มไม้ต้นนั้นเกิดเสียง ดังแกร๊กเสียงหนึ่ง เสาทั้งต้นก็หักออกเป็น 2 ท่อน เสาด้าน บนหักออกหล่นลงมาบนพื้น แม้แต่ขี้เลื่อยยังน้อยนิดจนน่า สงสาร
ขี้เลื่อยน้อยมาก แสดงถึงความแหลมคมของแส้ยาว โลหะนี้ ความร้ายกาจเช่นนี้ ใช่แส้เส้นหนึ่งที่ทำออกมาจริง หรือ?