ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 287
ตอนที่ 287 แรกเข้าโรงงานอาวุธ
“โอ้ ตัดผ่านป่าต้นไม้ผืนนี้ไปก็ถึงแล้ว” เหล่าหลิวชี้ยังป่าทึบ เบื้องหน้า ซ้ำกล่าว “ถนนกลางป่านี้หนอ มีเพียงพวกเราคน งานเก่าแก่เหล่านี้ที่จะรู้คนอื่นน่ะ นึกอยากเข้าก็เข้าไม่ได้ แล้ว”
กล่าวพลาง เขาก็กระโดดลงจากรถม้าเปลี่ยนเป็นจูงอาชา เดินเท้า เดิมหลินซีนเยียนก็นึกอยากลงจากรถม้าตามเขา ทว่าเขากล่าวอย่างขมีขมันว่าไม่ต้อง ให้นางนั่งอยู่บนรถม้า เช่นนั้น ให้เกียรติคนอย่างถึงที่สุด มักจะทำให้หัวใจคนผุด ความรู้สึกดีๆ ขึ้นมา หลินซีนเยียนนึกชื่นชมเหล่าหลิวที่ เมตตาอารีคนนี้ขึ้นมาหลายขนัด
รถม้าถึงแม้ไม่ใหญ่ ทว่าดีร้ายก็เป็นรถม้า ก็ไม่รู้ว่าเหล่าหลิว จดจำเส้นทางเล็กนั้นได้อย่างไรกระทั่งจูงรถม้าตัด ผ่านป่าทึบได้
ตอนที่หลินซีนเยียนอยู่ศาลาความลับแห่งสวรรค์เคย ร่ำเรียนการปรับใช้กองกำลังทางยุทธวิธีอยู่บ้าง ดังนั้นส่วน ใหญ่สามารถเดาออก ในป่าทึบแห่งนี้น่าจะเป็นทักษะทาง ยุทธวิธีแฝงอยู่ เพียงแต่นางไม่มีโอกาสเรียนรู้อย่างลึกซึ้งใน ด้านนี้อยู่เรื่อย ดังนั้นจึงไม่ชำนิชำนาญเท่าไร หากเปลี่ยนเป็น คนอย่างโม่แล้วล่ะก็ เดาว่าปราดเดียวก็มองทะลุแล้ว
ราวๆ ครึ่งชั่วยามให้หลัง รถม้าข้ามผ่านป่าทึบเข้าสู่ อาณาเขตที่เปิดกว้าง เหนือความคาดหมายของหลินซีน เยียน บนอาณาเขตที่เปิดกว้างนี้ กลับปราศจากตึกรามเป็นก ลุ่มก้อนตามที่นางจินตนาการเอาไว้ กลับดูแล้วเป็น “โรงงาน” ซึ่งเรียบง่ายไม่ซับซ้อนยิ่ง สี่ทิศของลานว่างถูกห้อมล้อมด้วย กำแพงสูงสองข้าง ด้านในก็เป็นโรงงานเชื่อมต่อกัน ทุกโรงมี ความกว้างราวครึ่งสนามบอล ยืนอยู่ไกลออกไปล้วนยังได้ยิน เสียงตีเหล็กดังครั้งๆ
นางสำรวจภูมิศาสตร์รอบด้านซ้ำไปมา ที่แห่งนี้ล้อมด้วย เขาสามทาง อีกด้านเป็นป่าทึบที่ทอดยาว เป็นสถานที่แห่ง การซ่อนเร้นเยี่ยมยอดโดยแท้ หนำซ้ำมองในส่วนของ โครงสร้าง เสียงก็ไม่ง่ายต่อการเล็ดลอดออกไป
“พี่น้องหลิน ท่านอย่ามองที่นี่ว่าดูแล้วเรียบง่าย อันที่จริง ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือครบครันเชี่ยว..ยาม ที่เหล่าหลิวเอ่ยวาจาก็เล่นหูเล่นตาใส่หลินซีนเยียน ตบมือ หนึ่งฉาดเข้าบนไหล่ของนาง กล่าวกลั้วหัวเราะ “ก็แม้แต่หอ นางโลมยังมี แม่นางด้านในล้วนไม่เลวทีเดียว แต่ละคน หน้าอกใหญ่บั้นท้ายโตกันทั้งนั้น ช่างน่าปรีตินัก”
“เอ่อ… กล้ามเนื้อมือของเหล่าหลิวแน่นปึก แรงตะปบนี้ ทำให้รูปร่างเล็กของหลินซีนเยียนล้วนสั่นเทิ้ม นางยิ้มเหยเก ไม่มีหน้าไปต่อบทสนทนา
“ช่างดูไม่ออกเสียจริง พี่น้องหลินยังเป็นคนขี้อายคนหนึ่ง ท่านหนอ ตอนนี้ขวยเขิน รอผ่านพ้นไปสักสองสามวันเสีย ก่อน อะไรก็ล้วนไม่สนใจแล้ว พวกเราช่างฝีมือเหล่านี้หนอ ยามปกติก็คร้านจะออกมารอบหนึ่ง หมกอยู่ที่นี่นานนมแล้ว เจ้าโลกนั่นก็คงบรรลัยสิ้นแล้ว ตามจริงแล้วคนเบื้องบน อนุญาตให้คนมาเปิดหอนางโลมในที่นี่โดยเฉพาะ มิเช่นนั้น เหล่าชายฉกรรจ์ระดับปรมาจารย์อย่างพวกเราจะอยู่ได้ อย่างไร” สวัสดิการข้อนี้ หลินซีนเยียนเองก็มีนเมาไปแล้ว คนที่อยู่ เบื้องบนนั่นช่างคิด “รอบด้าน” เสียจริง
“เหล่าหลิว เจ้ากลับมาแล้วหรือ เหตุใดการเคลื่อนไหวจึงช้า เนิบนาบเพียงนี้ ของที่นำมาให้ข้าเล่า” ชายแก่ที่หลังค่อม น้อยๆ คนหนึ่งมองเห็นเหล่าหลิวก็วางค้อนเหล็กลงแล้ววิ่งเข้า มา
เหล่าหลิวมองซ้ายแลขวา เห็นว่ารอบๆ ไม่มีใครมาเจอ จึง ค่อยนำถุงผ้ากำมะหยี่จากอกเสื้อตนเองยัดให้ในอกของชาย แก่คนนั้น “โอ้ นำไป ข้าเหล่าหลิวจัดการเรื่องไม่น่าเชื่อถือเมื่อ ใดกัน ใช่แล้ว ข้าจากไปหลายวันมานี้ ในโรงงานมีเรื่องอะไร ใหม่ๆ หรือไม่”
ชายชราค่อยๆ เปิดห่อผ้าสำรวจดูแวบหนึ่ง ยิ้มแป้นจนคิ้ว ตึงตาหยี เห็นชัดว่าพอใจยิ่ง จึงกล่าวพลางหัวเราะ “จะมีเรื่อง ใหม่ๆ ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องสัพเพเหระเหล่านั้นหรอก หรือ…อ้อ ใช่แล้ว วานก่อนช่างฝีมือที่เพิ่งมาใหม่คนนั้นได้ รับคำเยินยอจากใต้เท้าหลี่อีกแล้ว ใต้เท้าหลี่ยังมีคำสั่งให้ เชิญเขาไปดื่มสุราด้วยเชียวแหละ”
เหล่าหลิวและชายแก่คนนั้นพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคจาก นั้นก็นำหลินซึนเยียนเดินเข้าข้างใน แต่ว่าสีหน้าไม่สู้ดีเหมือน ก่อนหน้านัก ฉวยเอาตอนไม่มีคนอยู่รอบๆ เขากล่าวเสียง กระซิบ “ตู้โหวว่า เป้าหมายของท่านคือเข้าใกล้ใต้เท้าหลี่ ได้ รับความสรรเสริญจากใต้เท้าหลี่ ก็จากก่อนหน้านั้น ช่างฝีมี มือที่มาใหม่คนนั้นคือคู่แข่งคนสำคัญของท่านแล้ว นี่เวลาเพิ่ง ไม่กี่เดือน ผู้ที่มาใหม่ก็ดีชี้เป็นพี่น้องกับใต้เท้าหลีได้แล้ว พี่ น้องหลิน หน้าที่ของท่านไม่เบาเชียวนา” “ใต้เท้าหลีคนนั้นก็คือผู้จัดการดูแลการคลังคนนั้นใช่หรือ ไม่” หลินซีนเยียนถามสืบข้อมูลอย่างอดไม่ได้
เหล่าหลิวพยักหน้า “ใช่ ก็คือเขานั่นแหละ แต่ว่าเจ้าอย่า มองว่าเขาเป็นแค่ผู้จัดการดูแลฝ่ายจำหน่ายเชียว ในโรงงาน อาวุธนี้ตำแหน่งของเขาเป็นรองแค่รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงกลาโหม คนอื่นใดก็ตามเห็นเขาล้วนต้องมีสัมมา คารวะทั้งสิ้น”
ผู้ดูแลด้านการคลังคนหนึ่ง ก็สามารถได้รับความเคารพ จากคนจำนวนมากขนาดนี้ ยิ่งเห็นความสำคัญของเกิงจีนนั่น ได้ชัดแจ้งแล้ว
เหล่าหลิวพาหลินซีนเยียนมายังสวนซึ่งห่างจากประตูหลัก ไม่ไกลนัก ภายในสวนมีสิบกว่าห้อง หลังจากที่เขาเข้าไป เจรจากับบ่าวในสวนแล้ว บ่าวก็มอบกุญแจให้เขาหนึ่งดอก
“พี่น้องหลิน ท่านพักห้องนี้แล้วกัน ผู้ที่มาเข้าร่วมบท ทดสอบครั้งนี้มีสิบกว่าคน แต่ว่าสุดท้ายแล้วสามารถเหลือผู้ อยู่รอดได้สักหนึ่งถึงสองคนก็ไม่เลวแล้ว แต่อู้โหวว่าท่านย่อม ไร้ปัญหาแน่ ข้าเหล่าหลิวก็เชื่อมั่นว่าท่านจะต้องปืนขึ้นถึง ระดับหัวกะทิได้แน่ วันนี้ท่านหยุดพักผ่อนเถิด คืนนี้อย่าเที่ยว วิ่งเตร่เชียว ตอนนี้พวกท่านยังไม่ใช่คนของโรงงานอาวุธ เพื่อ เดินเตร่แล้วถูกพวกทหารลาดตระเวนพบเข้า จะถูกเข้าใจว่า เป็นสายลับแล้วขับไล่จะแย่เอา” หลังจากเหล่าหลิวกำชับอีก เล็กน้อยก็ออกไป
หลินซีนเยียนวางสัมภาระของตนให้เข้าที่ แล้วเดินออกจาก ห้อง ก็มองเห็นภายในสวนมีกลุ่มคนหนุ่มจำนวนหนึ่งกำลังจับ กลุ่มเสวนากัน นางลังเลอยู่ครู่ ก็เดินไปยังทิศทางที่คนไม่กี่ คนอยู่
เห็นได้ชัดว่าคนจำนวนนั้นก็เป็นผู้ที่เข้าร่วมบททดสอบ เห็น ว่าเขาเดินมา ไม่กี่คนก็แสดงไมตรีจิตรยิ่ง พลันเข้ามารายงาน ชื่อแซ่ของตนเองทีละคน ล้วนไร้ซึ่งบรรยากาศตึงเครียดแห่ง JUUS การขบเขี้ยวของคู่แข่งกันเลยสักน้อย
หลินซีนเยียนร่วมเสวนากับพวกเขา จึงค้นพบว่าคนส่วน ใหญ่เป็นแรงงานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงของโรงงานอาวุธ ก็ ใช่ สถานที่แบบนี้ไม่ให้ราคาสูงเสียหน่อยผู้ใดจะเต็มใจมา แต่ ว่าตอนที่พวกเขากล่าวถึงค่าแรงนั้น หลินซีนเยียนยังคงที่งอยู่ น้อยๆ หากว่ากลายเป็นช่างฝีมือของที่นี่ เบี้ยเลี้ยงของทุกๆ เดือนล้วนเทียบกับพนักงานเครื่องทั้งหกได้แล้ว ท่ามกลาง ร้อยแซ่สามัญ ค่าแรงแบบนี้ก็มีแปลกใจสามารถที่ดึงดูดช่าง ฝีมือเก่งกาจมาได้
แต่ก็เห็นได้ชัดว่า อุตสาหกรรมการช่างนั้นมีความสำคัญยิ่ง ต่อประเทศชาติ
ท่ามกลางการเสวนาของคนจำนวนหนึ่ง หลินซีนเยียนก็ เข้าใจได้พอสังเขปแล้ว หนึ่งในผู้มีอิทธิพลที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็คือช่างฝีมือแซ่จางคนหนึ่ง ช่างฝีมือคนนั้นเป็นช่างเงินระดับ สูงเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องกลเม็ดได้รับการยอมรับจากคนใน สายอาชีพเดียวกันจำนวนมาก ยามที่คนอื่นๆ พูดคุยกัน ไม่ สามารถหลีกเลี่ยงการสรรเสริญและชื่นชมช่างฝีมือนามสกุล จางผู้นี้
เพียงแต่ หลินซีนเยียนจำประโยคหนึ่งได้กล่าวว่าสถาน แห่งยุทธศาตร์ย่อมมีลำธาร ย่อมมีฝนเลือดลมพายุที่ ปราศจากวิธีทัดทาน กระทั่งโหรยังมีหลักการไม่เปิดเผย ช่าง ฝีมือแซ่จางผู้นี้ก็ง่ายดายเกินไปหน่อย ภายใต้สถานการณ์ที่ ยังไม่ทันทำความเข้าใจรอบด้านกลับเผยไพ่ตายใบสุดท้าย ออกมาเสียแล้ว นางผุดความกังวลต่อช่างฝีมือแซ่จางผู้นี้ อย่างไม่ทราบสาเหตุ
และความจริงได้พิสูจน์แล้ว ความวิตกของหลินซีนเยียน กลับไม่ใช่ความกังวลอันเลื่อนลอย ยามวิกาล ขณะที่นาง กำลังดิ่งสู่ห้วงนิทราลึก ก็ได้ยินเสียงทุ่มต่ำอันเจ็บปวดดังลอย มาจากห้องข้างๆ เสียงนั้นต่ำมาก นางเองก็ได้ยินอย่างเลือน ราง แต่ว่านางอยู่ในสถานที่แปลกใหม่ มักจะหลับไม่ลึก ดัง นั้นจึงได้ยินเข้า
พักอาศัยอยู่ด้านข้างของนาง ไม่ใช่ว่าบังเอิญเป็นช่างฝีมือ แซ่จางคนนั้นหรอกหรือ