ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 295
ตอนที่ 295 ขุนพลหลี่ที่มาอย่างกะทันหัน
หลินซีนเยียนยกถ้วยซุปพลัมเปรี้ยวหวานนั่งดื่มอยู่ด้านข้าง ได้ฟัง คำซุบซิบของคนไม่กี่คนก็ทำเพียงแต่หัวเราะไปเรื่อย เนื่องจากนาง ไม่รู้จักใต้เท้าหลี่ ดังนั้นจึงยกเอาเรื่องราวเหล่านี้ให้เป็นเรื่องน่าสนใจ ฟังพอหอมปากหอมคอก็เท่านั้น
แต่ว่าคนจำนวนหนึ่งยังดื่มน้ำไม่หมด ข้างนอกสวนก็มีคนวิ่งเข้ามา อย่างรีบร้อน
ผู้ที่เข้ามาคือหนึ่งในองครักษ์ของโรงผลิต เมื่อหาเหล่าหลิวพบก็เอ่ย ด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ “พี่ใหญ่หลิว ตีดาบหิรัญให้แก่ขุนพลหลี่ เสร็จแล้วหรือไม่ ขุนพลหลิวพาคุณชายแห่งจวนเขามาก่อนกำหนด บอกว่าผ่านไปอีกครึ่งยามก็ถึงแล้ว”
เหล่าหลิวที่กำลังดื่มซุปอยู่พอได้ยินเข้า ก็สำลักซุปพลัมเปรี้ยวหวาน ออกมาหนึ่งอีก หันไปกัดฟันเอ่ย “เอาแล้วไง ไม่ใช่ตกลงกันดีแล้วว่าวัน พรุ่งถึงส่งพัสดุรี ไฉนจึงมาอย่างกะทันหันเยี่ยงนี้!
“ใครจะรู้เล่า ดูเหมือนว่าคุณชายตระกูลหลีผู้นั้นอยากจะมาสำรวจดู ล่วงหน้า ฉะนั้นจึงมาแล้ว” องครักษ์นายนั้นเป็นเพียงผู้ส่งสารเท่านั้น ในอกก็ห่อไม่แพ้กัน “แต่ว่าใต้เท้าหัวหน้าโรงผลิตบอกแล้ว ไม่ว่า อย่างไรคนผู้นี้ก็จะมาถึงในไม่ช้า เขาเองก็ปรามไม่อยู่ ดังนั้นพวกท่าน มีหน้าที่ต้องส่งดาบหิรัญไปภายในเวลาครึ่งชั่วยาม”
“ครึ่งชั่วยาม” เหล่าหลี่มีสีหน้างงงั้น หยิบถ้วยในมือขึ้นก่อนจะปาล งบนพื้น “บัดซบ นี่มันทรมานพวกเราโดยแท้!”
ช่างเหล็กจำนวนหนึ่งก็มีสีหน้าวิตก ลุกขึ้นยืนโดยไม่ยอมวางถ้วยซุป ในมือลงสักแอะ กล่าวอย่างมากคนก็มากความเสี่ยงนี่จะทำ เช่นไรดี ถึงแม้ดาบหิรัญใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ว่ายังมีความมันเงาและ รายละเอียดยิบย่อยพวกเรายังไม่ได้จัดการเลย ขุนพลก็ได้ชื่อ ว่าเอาใจยาก หากเอาออกไปเช่นนี้ เขาต้องไม่พึงพอใจแน่ ข้าเข้ามาใน โรงผลิตศาสตราวุธแห่งนี้อย่างไม่ง่ายดายเลย คนในบ้านทั้งน้อยใหญ่ ล้วนเฝ้ารอข้าจุนเจือเกื้อหนุน ถ้าเผื่อว่าไม่มีงานนี้แล้ว..”
“ข้าเองก็ไม่เหมือนกันรี ยังรอเก็บเบี้ยให้มากพอไปขอหญิงงามสัก คนนะ” อีกคนกล่าวเสริม
เหล่าหลิวถอนหายใจอย่างอดไม่อยู่อีกครั้ง แวบนั้นกลับเห็นหลินซีน เยียนยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย อดถามด้วยสายตาวาววับไม่ได้ “พี่น้องฉินมี วิธีดีๆ บ้างหรือไม่”
หลินซินเยียนส่ายศีรษะ “ยังจะมีวิธีดีๆ อะไรเล่า ก็ทำเพียงแค่เอา ดาบหิรัญออกไปให้พวกเขาสำรวจดูก่อน แต่ว่าข้าคิดว่าอาวุธหนึ่ง อย่างยังคงสำคัญที่พลังของมัน ในส่วนของรูปร่างภายนอก แน่นอนว่า สวยงามย่อมดีที่สุด แต่แม้ไม่สดสวยก็มิได้กระทบใหญ่โตอันใด”
“ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ว่าขุนพลหลี่ผู้นั้น …” ในอกเหล่าหลิวค่อน
ข้างวิตกกังวล “อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นโอกาสที่เจ้าจะปรากฏกายต่อ ธารกำนัล สามารถได้รับความโปรดปรานจากขุนพลหลี่หรือไม่ การ แสดงออกครั้งนี้มีส่วนสำคัญนัก” “เรื่องราวทั้งหมดก็เดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ทำได้เพียงเดินดูก้าวต่อ ก้าวเท่านั้น” หลินซีนเยียนเอ่ยพลางหยัดกายลุกขึ้น กล่าวปราศรัยกับ
ทุกคน “เอาล่ะ อย่างไรก็ไม่ทันแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ถือเอาครึ่งชั่วยาม
นี้มาซ่อมคมดาบหิรัญให้สมบูรณ์เถิด ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก ก็
อย่าเพิ่งทำไปก่อน”
ช่างเหล็กจำนวนหนึ่งกุลีกุจอท่าตามคำกล่าวของนาง ระยะเวลาไม่กี่ วันที่พ้นผ่านร่วมกัน เหล่าช่างเหล็กล้วนได้ประจักษ์กับตาในฝีมือการ ประดิษฐ์ศาสตราวุธของหลินซีนเยียน ดังนั้นความชื่นชมต่อนางก็ยิ่ง เพิ่มพูนขึ้น ปัจจุบันนางกล่าวอันใด ไม่กี่คนก็มิอาจได้ออกความเห็นขัด แย้งขึ้นมาแม้สักน้อย
คนหนึ่งคน แต่ทว่ามีความสามารถ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ล้วนได้รับ
ความนับถือ นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหลินซีนเยียนจึงมีความมั่นใจในตัว
เองสูงแต่ไหนแต่ไรมา ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว อาจเพราะวันนี้มีแขกมาเยือน ดังนั้นในโรง ผลิตศาสตราวุธทุกซอกมุมล้วนจุดคบเพลิงตั้งแต่หัววัน โดยเฉพาะใน สวนหลักของโรงผลิต ยิ่งให้ความรู้สึกจำพวกจำรัสโชติช่วง
ในซุ้มศาลากลางของสวน พวกบ่าวนำเอาสำรับโอชาหรูที่เพิ่งปรุง เสร็จทุกชนิดมาวางไว้บนโต๊ะ ยังมีผู้ดูแลยืนกำกับอย่างระมัดระวังอยู่ ด้านข้าง ทำการจัดสรรคัดแยกแม้กระทั่งความเข้ากันของสีสันอาหาร แต่ละชนิด เหล่าองครักษ์ก็ยืนตามทุกจุดทุกมุมภายในสวน ศูนย์ ประสาทของแต่ละคนล้วนหวาดวิตกหนัก กล้วก็แต่จะทำให้ความราบ รื่นนี้สะดุดลง
“พิถีพิถันให้ข้าสักหน่อย แม้นว่าขุนพลหลี่ไม่พอใจสิ่งใด เสร็จสิ้น แล้วผู้ใดก็ไสหัวไปโดยไม่ได้กินเบี้ย!” ผู้ดูแลจัดการเรื่องอาหารเสร็จ แล้ว ก็หันมาบริภาษเหล่าคนที่อยู่ในสวนด้วยเสียงดังลั่น
หลินซีนเยียนกอดกล่องไม้ยาวเดินตามหลังเหล่าหลิวเข้ามาในสวน ก็มองเห็นคนทั้งหมดล้วนมีท่าทีอย่างกับเตรียมออกศึก ในอกยิ่งเพิ่ม ความกังขาขึ้นมา “เหล่าหลิว เหตุใดทุกคนจึงเคร่งเครียดเช่นนี้ เพียง เพราะว่าความเอาใจยากของขุนพลหลี่หรือ”
เหล่าหลิวคล้องแขนนางเดินมาหยุดรอที่ด้านข้างอย่างระแวดระวัง
ก่อนจะเอ่ยตอบค่าถามนางเสียงแผ่ว “ความจริงแล้วมีขุนพลมากมายที่
ไม่เพียงแต่ควบคุมดูแลเหล่าทหาร ซ้ำยังดูแลภาคส่วนอำนาจที่แท้จริง ในกองรบ ก็เหมือนกับขุนพลหลี่ผู้นี้ ที่ดูแลคลังของกองรบ เหรียญเงิน ของโรงผลิตศาสตราวุธส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากคลังเก็บอาวุธ ดังนั้นเจ้า ว่าโรงผลิตยังสามารถไม่ให้ความสำคัญกับขุนพลหลี่ผู้นี้ได้หรือไม่”
ผู้ที่มีน้ำนมก็คือมารดา! ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้เอง! ไม่แปลกใจที่การ มาเยือนของขุนพลหลี่ก็สามารถทำให้ทั้งโรงผลิตศาสตราวุธล้วนให้ ความสำคัญขึ้นมา
หลินซีนเยียนจึงเพิ่งตาสว่างกระจ่างแจ้ง ความรู้สึกบอกว่าขุนพลหลี่ นี้กำชีพจรหลักด้านเศรษฐกิจของกองรบไว้ เป็นที่มาของงบประมาณ
โรงผลิตศาสตราวุธแห่งนี้นั่นเอง ทั้งสองพูดไม่เพียงกี่ประโยค ก็เห็นว่าหัวหน้าโรงผลิตหอบเหล้า เหยือกหนึ่งจากในสวนเดินออกไป เหยือกสุราในอกของเขาแม้จะแปะ ผนึกเอาไว้ ทว่ายามที่เขาเดินผ่าน กลิ่นหอมของน้ำจัณฑ์ยังคงคละ
ในสายตาของหัวหน้าโรงผลิต หลินซีนเยียนและเหล่าหลิวซ่างฝีมือ เล็กๆ เช่นนี้ล้วนเป็นแค่ตัวประกอบ ดังนั้นยามที่เดินผ่านจึงทำเพียง พยักหน้าเล็กน้อยพอเป็นพิธี
เหล่าหลิวกระวีกระวาดซีนเยียนมากำมือคำนับ รอกระทั่ง หัวหน้าโรงผลิตจากไปแล้วจึงลดมือลง เหล่าหลิวเห็นว่าหลินซีนเยียน กลับไม่ได้เห็นว่าหัวหน้าโรงผลิตอยู่ในสายตา หัวคิ้วจึงขมวดปมแน่น “พี่น้องฉิน ถึงแม้ข้างหลังข้าและเจ้าล้วนมีลูกน้อง ทว่าในโรงผลิต ศาสตราวุธแห่งนี้ หัวหน้าโรงผลิตก็นับว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของพวกเรา กับ พี่ใหญ่แล้ว เกรงใจสักนิดคงมิใช่เรื่องเสียหายอันใด”
“อืม เข้าใจแล้ว” หลินซีนเยียนตอบรับ แต่ว่ากลับยังคงทำตามคำ แนะนำของเขาออกมาไม่ได้สนิทใจนัก
ยามที่ทั้งสองยืนทำความเคารพอยู่นอกศาลานั้น หลังจากที่หัวหน้า โรงผลิตน้ำเหยือกเหล้าไปวางไว้บนโต๊ะหินเสร็จก็หันกลับมาหยุดตรง หน้าของทั้งสองคน พลางกล่าวกับเหล่าหลิว “เอาดาบหิรัญที่พวกเราตี มาให้ข้าสำรวจผ่านตาก่อน ข้าจะดูว่าพวกเขาทำเป็นเช่นไรกันแน่”
“หัวหน้าโปรดวางใจ ดาบหิรัญหลอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพียง เพราะเวลากระชั้นชิดประดับแต่งไม่ทันก็เท่านั้น…”ยามที่เหล่าหลิว เอ่ยพูดนั้นก็เปิดกล่องนั่นออก เผยให้เห็นดาบหิรัญที่อยู่ข้างในซึ่งดู แล้วแสนจะธรรมดาทั่วไป
หัวหน้าโรงผลิตพอได้เห็น สีหน้าก็พลันเคร่งขรึมลง เงื้อมมือขึ้นตบ ลงบนหน้าของเหล่าหลิวหนึ่งฉาด พร้อมตะโกน “นี่ก็คือดาบหิรัญที่ พวกเจ้าเอ่ยถึงเช่นนั้น คือดาบปักประเภทนี้ ในโรงผลิตไหนก็ตาม ล้วนสร้างออกมาได้มากกว่าร้อยเล่ม! เจ้าเห็นว่าตำแหน่งหัวหน้าโรง ผลิตของข้านั้นไม่มีประโยชน์ กระทั่งมีตาหามีแววไม่งั้นรี
“ท่านหัวหน้า ท่านฟังข้าพูดก่อน…หิรัญนี่เพิ่งจะหล่อหลอมเสร็จ ดังนั้นดูแล้วออกจะสามัญไปนิด… เหล่าหลิวไม่ใส่ใจใบหน้าที่แดงปั้น ของตนเองซ้ำยังนึกอยากซี้แจง ทว่าเห็นได้ชัดว่าหัวหน้าโรงผลิตได้ ถูกไฟโกรธจนดับไม่ลง หมุนกายเดินไปจัดการด้านข้าง ไม่ฟังคำ บรรยายของเหล่าหลิวอีกแม้แต่น้อย
เหล่าหลิวยังคงอยากกล่าวอันใด กลับถูกหลินซินเยียนลากลำแขน เอาไว้ เขาตะลึงงัน หันหน้าด้านข้างไปก็มองเห็นสายศีรษะให้เขา
“แต่ว่า…เหล่าหลิวยังอยากพูดสองประโยค
หลินซินเยียนกลับถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก “อย่ารีบร้อน ทองแท้ ย่อมฉายแวว”