ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 301
ตอนที่ 301 วินาทีเป็นตาย
“ปิงปู่ชื่อหลัง บรรยากาศในกระทรวงของพวกเจ้าไย จึงสับสนอลหม่านเยี่ยงนี้” ยามที่คนทั้งหมดกำลังตกอยู่ใน ภวังค์อึ้งค้าง โม่จื่อเฟิงอู่เซวียนอ่องที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็เอ่ยปากอย่างเย็นเยียบ แต่ว่ากลับมิใช่วาจาที่เอ่ยกับฝูง ชนทั้งมวล ทว่าเป็นคนที่เดินตามหลังเขามา
ฝูงชนพินิจถี่ถ้วน จึงค้นพบว่าเดิมที่ข้างหลังของโม่ จื่อเฟิงสามก้าวยังมีชายหนุ่มหลังค่อมนิดๆ คนหนึ่ง เนื่องจากการปรากฏตัวของโม่จื่อเฟิงแผ่กำลังอำนาจ มหาศาล จึงทำให้ฝูงชนมองข้ามการมีตัวตนของคนผู้นี้ไป
ขณะที่โม่จื่อเฟิงเพิ่งเปิดปาก ฝูงชนจึงค่อยตอบสนอง ชายหลังค่อมผู้นี้ ไม่ใช่ว่าเป็นใต้เท้าเฉาแห่งปิงปู่ซื่อหลัง หรือ
หัวหน้าโรงผลิตรีบรุดหน้าออกไปทำความเคารพ เขา ไม่เคยเห็นอู่เซวียนอ่อง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าชายผู้แผ่รังสี อำมหิตเบื้องหน้านี้คือใคร ทว่าคนที่สามารถทำให้ปิงปู่ซื้อ หลังตามหลังต้อยๆ ได้ เขาย่อมไม่อาจถูกขับไล่แน่ ดังนั้น หนังศีรษะของหัวหน้าโรงผลิตเริ่มเหน็บกินอีกครั้ง ยัง ไม่ทันได้คลายปมของพ่อลูกขุนพลหลี่สองคนนี้ นี่กลับมี บุคคลสำคัญโผล่มาอีก โรงผลิตศาสตราวุธแห่งนี้ควร ปิดตายถาวรเสีย
“คารวะใต้เท้าเฉา ท่านนี้คือ…” หัวหน้าโรงผลิตกำมือ
คารวะ เอ่ยถามอย่างเคารพ ใต้เท้าเฉากำลังจะตอบคำถามทว่ากลับได้ยินเสียงยะ เยือกของโม่จื่อเฟิงดังลอยเข้ามา “ทำไม หากข้าถามใต้ เท้าเฉินรังเกียจที่จะตอบรี”
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ขอรับ ท่านอ๋องโปรดอย่าเคือง ข้านี้แค่ ถามให้ถ่องแท้ ถามให้ถ่องแท้…” อยู่ต่อหน้าโม่จื่อเฟิง ต่อ ให้เขาเป็นรัฐมนตรีผู้ช่วยกระทรวงกลาโหมก็แสร้งทำเป็น ว่ากล่าวตักเตือน เขาจ้องหัวหน้าโรงผลิตตาเขม็ง พลาง โพล่งเสียงต่ำ “หัวหน้าโรงผลิตตัวดี! ท่านอ่องถามเจ้าอยู่ โรงผลิตศาสตราวุธที่เจ้าควบคุมมีบรรยากาศเช่นนี้รี ผู้ชายยังอาจกอดรัดกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“ท่านอ๋อง?” หัวหน้าโรงผลิตคาดคะเนถึงสถานะของ โม่จื่อเฟิงทันใด ปัจจุบันท่านอ่องในราชวงศ์ที่สามารถ ทำให้ร้อยกระทรวงยำเกรงได้ในลักษณะนี้ ดูเหมือนว่ามี เพียงอ่องผู้นั้น…
ในอกเพิ่งนึกถึงช่วงตอนนี้ ขาทั้งสองข้างของหัวหน้า โรงผลิตก็ออกอาการสั่นระริกเล็กน้อย รีบร้อนกล่าว อธิบาย “พวกเขาไม่ได้กอดรัดกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้มี เรื่องขัดคอกันเล็กน้อยจนเซล้มบนพื้นด้วยกันก็เท่านั้น ขอรับ ท่านอ่องท่านอย่าได้เข้าใจผิดโดยเด็ดขาด อย่าได้ เข้าใจผิดนะขอรับ!”
โม่จื่อเฟิงแค่นเสียง ตัดผ่านหัวหน้าโรงผลิตมายังเบื้อง หน้าของหลินซีนเยียน นัยน์ตาสองข้างจ้องมองใบหน้า ของนางอย่างเย็นเยียบ ต่อให้สวมหน้ากากหนังอยู่ เขายัง คงสามารถมองทะลุความสับสนในแววตาของนางออกอยู่ วันยังค่ำ เขาหันหน้าไปมองหลี่อวิ้นซ่านอย่างดุดัน แววตาคู่นั้น ประดุจเทพเจ้าแห่งความตายในยุคคร่ำครี ก็ทำให้ศัตรู ยอมอ่อนข้อ!
ฉับพลันถูกจ้องมองด้วยแววตาที่เหี้ยมเกรียมเช่นนี้ บางทีคนอย่างหลื่อวิ่นซ่านนี้ก็เย็นวาบบิเวณแผ่นหลังอย่าง ห้ามไม่อยู่ ในอกยิ่งกังขา เขาเพิ่งพบปะกับท่านอ่องเป็น ครั้งแรกแท้ๆ ไฉนสายตาของท่านอ๋องผู้นี้ดุจดั่งจะตรงมา ฆ่ารัดคอเขา
“ผู้ชายที่ปั่นกระแสลมอลหม่านนี่เป็นใคร” โม่จื่อเฟิง ยกมือขึ้น ชี้ไปที่หน้าของหลี่อวิ๋นซ่าน ระยะห่างระหว่างนิ้ว มือและปลายจมูกของหลี่อวิ๋นซ่านนั้นห่างกันแค่คืบเดียว!
แรงกระตุ้นเช่นนี้ ทำให้อุณหภูมิภายในสวนลดลงโดย พลันในชั่วขณะ
กลางศาลารับรอง หลี่เยว่อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ห้าม ไม่อยู่ที่จะแอบอิงข้างกายของบิดาตนเอง เอ่ยถามใต้เท่า หลี่เสียงแผ่ว “ท่านพ่อ ผู้นี้เป็นใครกัน เก่งกาจเยี่ยงนี้” เขาเว้นระยะห่างที่ไกลขนาดนี้ ล้วนยังสัมผัสได้ถึงรังสี อำมหิตของคนผู้นั้นที่แผ่เข้ามา
“นั่นก็คืออู่เซวียนอ่อง!” เส้นเสียงของใต้เท้าหลี่ก็เกร็ง เล็กน้อย สำหรับอ่องลึกลับดั่งตำนานกล่าวขานในสมรภูมิ รบผู้นี้นั้น ในใจก็มีความเลื่อมใสศรัทธาเต็มเปี่ยม
“อะไรนะ!” หลี่เยว่เบิกตากว้าง คาดไม่ถึงเลยสักนิดว่า บุคคลในตำนานผู้นั้นจะมาเยือนยังโรงผลิตศาสตราวุธ แห่งนี้ แต่ว่ามีเพียงบุคคลเช่นนั้นเท่านั้นที่จะมีแรงกระตุ้น แสนธรรมชาติโดยสิ้นเชิงเยี่ยงนี้ เมื่อคิดดังนี้ เขาก็รู้สึกว่า สมเหตุสมผล
โม่จื่อเฟิงกำลังถามว่าหลื่อวิ๋นซ่านเป็นใคร ใต้เท้าเฉา ปิงปูซื่อหลังก็รีบโบ้ยสายตาไปทางหัวหน้าโรงผลิต หัวหน้าโรงผลิตกล่าวรายงานโดยพลันอย่างรู้งาน “เรียน ท่านอ่อง ท่านนี้คือหลื่อวิ๋นซ่านผู้ซึ่งดูแลฝ่ายการคลังใน โรงผลิตศาสตราวุธของพวกเราขอรับ”
“เป็นผู้ดูแลเรื่องคนหนึ่งหรือ..” โม่จื่อเฟิงกล่าว ประโยคนี้อย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงยกมือขึ้น ระหว่างที่ ฝ่ามือสะบัด ลมโบกวูบหนึ่งซัดออกจากหว่างนิ้ว กระหน่ำ เข้าใส่ร่างกายของหลื่อวิ๋นซ่านในขณะนั้น
การโจมตีของโม่จื่อเฟิงนั้นมาแบบทั้งฉับพลันทั้งดุร้าย วรยุทธ์ของเขาเดิมทีก็เลื่องชื่อไร้เทียมทาน ปัจจุบันออก กระบวนอย่างฉับพลัน ดังนั้นฝูงชนนึกอยากยืนมือเข้าช่วย ก็ล้วนไม่ทันการ ทำได้เพียงจ้องมองลมโบกวูบนั้นซัดเข้า ใส่หลื่อวิ่นซ่านตาปริบๆ
หัวหน้าโรงผลิตและหลินซีนเยียนที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ มากที่สุดล้วนอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจต่ำออกมา พวก เขาไม่เพียงแต่รับรู้ได้ถึงความเก่งกาจของลมโบกนั่น แท้จริงนั้นจินตนาการยากมากหากว่าถูกลมโบกซัดใส่จะมี จุดจบเช่นไร คงถูกทำลายล้างมลายสิ้นก็มีความเป็นได้
“ไม่เอา…” หลินซีนเยียนเค้นเสียงกดต่ำ ทว่ากลับหยุด ชะงักไร้แรง
แต่ ลมโบกนั่นพุ่งใส่ร่างของหลื่อวิ่นซ่าน เพียงแต่ ฉากแห่งความเป็นความตายที่ทำให้ฝูงชน หวั่นวิตกท้ายสุดแล้วก็ไม่ได้อุบัติขึ้น หลังจากที่ได้ยินแว่ว เสียงคับแน่น หลี่อวิ๋นซ่านโซซัดโซเซถอยหลังไม่หยุดนิ่ง เพียงขยับปากก็กระอักโลหิตสดๆ ไหลออกมา
หลื่อวิ่นซ่านสำลักโลหิต แต่ว่าฝีก้าวยังคงยืนหยัด อย่างมั่นคง เขาจ้องโม่จื่อเฟิงอย่างเคียดแค้น ไม่ได้ปาด เลือดสดตรงมุมปากออก ซ้ำยังรีบล้วงคันฉ่องป้องอกแผ่น หนึ่งออกมาจากอกเสื้อ คันฉ่องแผ่นนั้นเนื่องจากถูกโจมตี อย่างรุนแรงจึงแดงก่ำออกร้อนไม่น้อย ตรงบริเวณ อาภรณ์ ณ ทรวงอกที่เขาล้วงออกมานั้นก็ถูกแผดเผาจน แสบดวงตา
คันฉ่องแผ่นนั้นถูกหลี่อวินซ่านขว้างลงบนพื้น ฝูงชน จึงประจักษ์ชัด กระจกเล็กแผ่นนั้นที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ บัดนี้ได้ถูกทำลายลงย่อยยับ ทว่าต่อให้เป็นเยี่ยงนี้1 ทุกคน ย่อมรู้ คันฉ่องป้องอกนี้จะต้องเป็นของล้ำค่ามหันต์ คัน ฉ่องป้องอกที่สามารถต้านทานการโจมตีของโม่จื่อเฟิงไว้ ได้ ในโลกทั้งใบนี้เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่อันกระมัง
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นภูมิหลังของหลื่อ วิ่งซ่านขึ้นมา ผู้ดูแลเรื่องการคลังคนหนึ่ง บนเรือนร่างจะ พกสิ่งป้องกันตัวอันล้ำค่ามหาศาลเช่นนี้หรือ เกรงว่าเจ้า ใหญ่นายโตในวังหลวงเองก็มิได้ใช้สอยแบบใจป้าเยี่ยงนี้ หรอกกระมัง
หลินซีนเยียนอุดปากที่แผดร้องตกใจ ในวินาทีนี้จึง ค่อยผ่อนปรนลมหายใจอย่างทุลักทุเล
บางทีปฏิกิริยาของนางก่อนหน้านี้อาจทำให้หลี่อวิ่น ซ่านตื้นตันในอก ดังนั้นเขาจึงปาดคราบเลือดสดตรงมุม ปากออก พยายามฝืนยิ้มให้หลินซีนเยียนอย่างฝืดๆ “ข้า ไม่เป็นไร เจ้าอย่าได้กังวล”
เมื่อหลินวีนเยียนได้ยิน ในใจก็หนักอึ้ง กระตุกมุมปาก อย่างอดไม่ได้ ล้วนมิกล้าที่จะมองสีหน้าของโม่จื่อเฟิง สวรรค์รับรู้ว่านางและหลี่อวิ๋นซ่านไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ การตอบสนองเมื่อสักครู่ล้วนมาจากสัญชาตญาณโดยสิ้น เชิง อย่างไรเสียหลื่อวิ๋นซ่านคือเป้าหมายบุคคลของนาง หากว่าตายไปทั้งอย่างนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปเรื่องราวของ นางจะทำอย่างไรเล่า
แต่ว่าเห็นได้ชัด ชายทั้งสองคนนี้ล้วนไม่อาจล่วงรู้ ความคิดความอ่านภายในใจของนางได้ทั้งหมด
โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงเบาอีกครั้ง สายตาเหลือบมองผ่าน ระหว่างคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวเสียงเย็น “ก็ ยังคงความอาทรอยู่จริงๆ!”
“ความจริงไม่ใช่…” หลินซีนเยียนนึกอยากปริปาก อธิบายตามสัญชาตญาณ แต่ว่าเพิ่งขยับเรียวปาก โม่ จื่อเฟิงผู้นั้นกลับหมุนกายเดินออกไปจากศาลารับรองเป็น ที่เรียบร้อย ไม่ได้เหลือบสายตามองหลินซีนเยียนที่อยู่ ด้านหลังแม้แต่น้อย
หลินซีนเยียนนึกอยากให้ไร้สุ้มเสียง จบแล้ว ผู้ชาย ขี้ใจน้อยคนนี้จะต้องพิโรธเป็นแน่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและหันหน้าโรง ผลิตล้วนเร่งรีบออกจากศาลาตามออกไป โดยเฉพาะ หัวหน้าโรงผลิต ขณะที่ขาทั้งสองข้างย่างก้าวบนถนนเงา คนก็เริ่มกวัดแกว่ง เห็นได้ชัดว่าถูกฉากก่อนหน้านี้ข่มขวัญ จนขาปวกเปียก เขาแอบส่งสัญลักษณ์มือให้หลี่อวิ๋นซ่าน เป็นสัญญาณว่าให้เขารีบหนีไปเสีย