ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 33
ตอนที่ 33 เป้าหมายไม่ใช่เจ้า
แผ่นหลังของนางได้ตราตรึงอยู่ในดวงตาของโม่ จื่อฟง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หายไปภายในชั่วพริบตา
สีหน้าของโม่จื่อฟงเคร่งขรึมลง มือที่จับตะเกียบอยู่ ก็วางลง สายตาเย็นชาของเขามองไปยังหลินชีนเยีย นที่เดินลงบันไดไปอย่างไม่ลังเล ตอนที่เงาของนาง หายไป เขาอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะ
ดูเหมือนว่าเขาจะให้ท้ายนางเกินไปซะแล้ว
พอประตูในห้องเปิดออก เสียงเครื่องดนตรีก็ได้ดัง เข้ามาในห้อง การบรรเลงของพิณและผีผาได้ทำให้ คนในห้องรู้สึกสนใจ เซียวอวิ้นฉินเป็นคนแรกที่นั่งไม่ ติด นางลุกขึ้นเดินไปยังหน้าประตู มองลงไปด้านล่าง จนตาลุกวาว
“เสียงพิณนี้ไพเราะจริงๆ จินมู่ ไปดูสิว่าใครกำลัง ดีดพิณนี่อยู่? ” จู่ๆ โม่จื่อฟงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงยังคงเย็น ชาอยู่
จินมู่ส่งเสียงตอบรับและรีบออกไปทันที
เชียวอวิ๋นฉินรู้สึกหวาดระแวง จึงเดินกลับไปนั่งข้าง เซียวฉางเยว่และไปกระซิบที่ข้างหู “ด้านล่างมีนาง จิ้งจอก 2 ตัว”
เชียวฉางเยว่ชะงักไปครู่หนึ่งก็มองไปที่โม่จื่อฟง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงก้มหน้าทานอาหารต่อไป แต่ มือที่ถือตะเกียบอยู่กลับใช้แรงบีบจนซีดขาว
หลินซีนเยียนรู้สึกอึดอัดจึงเดินลงมาข้างล่าง แต่คิด ไม่ถึงว่าจะได้เห็นสาวงามฝาแฝดดีดพิณอยู่ข้างล่างนี้ ฝาแฝดสองคนนั้นรูปร่างหน้าตาสวยงามมาก หากเธอ ไม่สังเกตคงเป็นไปได้ยาก
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เธอก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่ เธอไปหาโม่จือฟงด้วยตนเอง ตอนนั้น เธอได้ยินว่าโม่ จื่อฟงไม่ปฏิเสธสาวงามที่มาหา ดังนั้นถึงได้ลองไปดู คิดไม่ถึงว่า โม่จื่อฟงก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ
ในสถานที่ที่มีโม่จื่อฟงอยู่ จู่ๆ ก็มีฝาแฝดที่งาม สะกดใจผู้คนขึ้น หากบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หลินซีน เยียนไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“เป็นชายที่เจ้าชู้โดยแท้ เฮอ…”หลินซีนเยียนแค่น หัวเราะ พอกำลังจะเดินไปรอที่หน้าประตูร้านอาหารไม่อยากเห็นจะแผนการอันวุ่นวายเช่นนั้นอีก ตอนที่ เธอเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู กลับได้ยินเสียงที่คุ้น
เคย
เป็นจินมู่เดินไปหาสาวงามสองคนนั้น “แม่นางทั้ง สอง นายท่านของข้าชื่นชอบการบรรเลงเพลงของ แม่นางทั้งสองเป็นอย่างมาก เชิญแม่นางทั้งสองขึ้น ไปหานายท่านของข้าที่ชั้น 2 ได้หรือไม่? ”
สาวงามทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่มุมปากของ หลินซีนเยียนกระตุกขึ้นอย่างทนไม่ไหว คำพูดนี้คือ นายท่านของเขาชื่นชอบการบรรเลงเพลงของทั้งสอง คนเลยส่งคนมาเชิญขึ้นไป นี่มันไม่ใช่คำเชิญชวนข องพวกมักมากในกามหรอก รี หากเป็นผู้หญิงธรรม ดาทั่วไปจะมีใครกล้าตอบตกลง?
“เช่นนั้นรบกวนพี่ชายช่วยนำทางด้วย พวกเราสอง พี่น้องยินดีตอบรับคำเชิญชวน”สาวงามที่อุ้มผีผา ค่อยๆ ย่อตัวทำความเคารพแล้วรีบเอ่ยตอบกลับทันที
หลินซีนเยียนหันหน้ามา ที่แท้สองคนนั้นจะมาหาโม่ จื่อฟงอยู่แล้ว ไม่เสียทีที่เป็นอ๋องอู่เสวียน มีโชคเรื่องผู้ หญิงมากจริงๆ ไม่ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนรุ่มในใจ มาก เธอคงไม่คิดว่าตนเองหึงหรอก แค่รู้สึกโกรธเคืองการกระทำแบบนั้น
ในสายตาของเขา ที่แท้ผู้หญิงก็หามาได้ง่าย
เธอก้าวเท้าเตรียมจะออกไปอย่างรวดเร็ว ใครจะรู้ ว่าจินมู่ไม่ได้รีบพาทั้งสองคนเข้าไปในห้อง แต่เดิน มาหาหลินซีนเยี่ยน “แม่นางหลิน นายท่านบอกว่า ท่านเป็นสาวใช้ของเขา ห้ามเดินไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงยังไงตอนนี้ท่านก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
นางยังมีน้องชาย ฉินอี้ ชิง คนเรา พอมีเรื่องให้ เป็นกังวลย่อมมีจุดอ่อน
ถึงหลินซีนเยียนจะไม่อยากไป แต่เธอก็ต้องกัดฟัน แล้วเดินตามจินมู่ขึ้นไปข้างบน เพียงแต่ทุกจังหวะที่ ก้าวเดินขึ้นไปล้วนหนักมาก
พอสาวงามทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้น 2 สายตาก็มองไปที่โม่จื่อฟงอย่างไม่กระพริบตา ทั้งสอง คนสบตาแล้วและทำความเคารพโม่จื่อฟงพร้อมกัน
“ท่านอ๋องทรงเมตตา พวกบ่าวสองพี่น้องได้มาท่า นอ๋องที่นี่ ถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง”สาวงามที่อุ้มผี ผาได้ย่อตัวทำความเคารพ
ที่แท้โม่จื่อฟงก็รู้จักทั้งสองคนนี้ เรื่องนี้ถือว่าเกินค ๘ ขวามคาดการณ์ขอหลินซีนเยียน แต่เรื่องนี้เธอขี้เกียจที่ จะสนใจแล้ว จึงเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งในห้อง เพื่อไม่ ทำให้ตนเองกลายเป็นจุดสนใจ
“อืม พวกเจ้ามีน้ำใจแล้ว”โม่จื่อฟงพูดเสียงเย็นชา และโบกมือเรียกคนหนึ่งในนั้น “มานี่สิ”
สาวงามคนนั้นตอบรับด้วยท่าทางอ่อนช้อย เดิน ไปหาโม่จื่อฟงอย่างเชื่อฟังทันที โม่จื่อฟงเรียกสาว งามคนนั้นมานั่งบนตักของเขาต่อหน้าของทุกคน เขา ไม่สนใจใครเลยสักนิด
หลินซีนเยี่ยนกลอกตามองบน แต่พี่น้องเซียวฉาง เยว่โกรธจนหน้าซีดขาว
“ตามข้ามาที่นี่? “โม่จื่อฟงเอ่ยถาม มือไปแตะอยู่ ที่เอวของสาวงาม
“ครั้งก่อนที่พบท่านอ๋อง บ่าวสองพี่น้องค่ำคืนก็นอน ไม่หลับ จึงตัดสินใจตามท่านอ๋องไป ขอให้ท่านอ๋อ งอย่าถือโทษเลยเพคะ “สาวงามคนนั้นไม่มีท่าทาง เขินอายอย่างผู้หญิงทั่วไป กลับใช้มือของตนเองจับที่ คอของโม่จื่อฟง
โม่จื่อฟงไม่ได้พูดอะไร เพียงแสดงสีหน้าพอใจอย่างมาก จู่ๆ เขาก็หันหน้าไปมองหลินซีนเยียนที่ยืน อยู่ตรงมุม”เจ้า มานี่สิ”
หลินซีนเยียนทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงยืนอยู่ไม่ขยับ
ไปไหน
“อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สอง! “โม่จื่อฟงส่ง เสียงเย็นชา นัยน์ตาลึกถถึงทิ้ง
หลินซีนเยียนกัดฟันแน่น สุดท้ายก็เดินเข้าไปหา
“คืบอาหารให้สาวงามของข้า ตั้งใจปรนนิบัติ ทำหน้าที่สาวใช้ให้ดี คนที่อยู่ข้างกายข้าไม่ควรปล่อย ให้ว่างงาน”
เธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่ข้างกายเขาตั้งแต่แรกแล้ว หากเขาจะยอมปล่อยเธอไป แต่น่าเสียดาย หลินซีน เยียนไม่กล้าพูดออกไป หากพูดออกไป เพราะหากเขา อยากฆ่าเธอและอี้เซิงก็ถือเป็นเรื่องง่ายมาก
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารวางใส่ในจาน แทนสาวงามของเขา สาวงามคนนั้นมองหลินซีนเยียน ด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ราวกับกำลังสำรวจอะไรอยู่ แต่ นางก็ไม่ได้พูดอะไร กลับคืบอาหารไปที่ปากของโม่ จื่อฟงอย่างกระตือรือร้น
โม่จื่อฟงกำลังยิ้มอยู่ สักพัก เขาก็ทานอาหารที่นาง ป้อนให้
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง สาวงามที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าดุร้าย สาวงามที่นั่งบนตัก ของโม่จื่อฟงก็ชักกริชยาวออกมาจากแขนเสื้อ กริชที่ เย็นเฉียบได้ไปจ่ออยู่ที่คอของโม่จื่อฟง
ในระยะประชิดขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีทาง หลบได้ แต่เขาคือโม่จื่อฟง ทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ เป็นสองรองใครในแคว้นหนานเยว่ ในยามรบถูก ขนานนามว่าเทพสงครามย่อมไม่ได้มาง่ายๆ ดังนั้น ดังนั้น ตอนที่สาวงามได้ลงมือ รอยยิ้มของเขาก็ได้ปรากฏ ออกมาที่มุมปากแล้ว
เขา ราวกับรอช่วงเวลานี้นานแล้ว
เมื่อไม่เห็นเขาออกแรงอะไร แต่กริชนั่นก็จ่อใกล้ คอเขากลับถูกเขาใช้ 2 นิ้วบังคับหยุดเอาไว้ จากนั้น ก็ใช้มือจับกุมสองมือของสาวงามอย่างแน่นหนา
“มีอุบายแค่นี้เหรอ? “โม่จื่อฟงรู้สึกขบขัน อุบาย แบบนี้สำหรับเขาแล้วไม่มีผลอะไร
“ที พวกเรารู้ว่าทำร้ายท่านไม่ได้ ดังนั้นเป้าหมายไม่ใช่เจ้าตั้งแต่แรกแล้ว”สาวงามที่ถูกจับกุมอยู่ตรง หน้าคนนั้นเตรียมพร้อมที่จะตาย นางมองไปที่คู่หูของ ตนเอง เห็นสาวงามอีกคนใช้กริชจ่อที่คอของเชียว ฉางเยว่แล้ว