ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 361
ตอนที่361 ความโกรธหรือความสิ้นหวัง
ไม่ถือว่าระยะทางไกลในความคิดของโม่จื่อเฟิง และจินมู่นั้นมันเป็นเพียงแค่หนึ่งพันไมล์เพราะว่าพวก เขาเดินได้ไกลกว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความสับสนใน เมื่อใกล้จะตามถึงแต่ก็กลับเมื่อถึงแล้วกลับเจอในสิ่งที่ ไม่ต้องการเจอ
แต่ว่าระยะทางก็มีที่สิ้นสุด
จินมู่แบกโม่จื่อเฟิงมาคนสิ้นสุดแล้วนักรบชุดดำ
เหล่านั้นก็หนีไปแล้วเหลือไว้เพียงพื้นดินที่เต็มไปด้วย ของเหลวที่ส่งกลิ่นเหม็นเท่านั้น
บนพื้นดินมีเลือดกระจายอยู่ในทะเลทรายนั้น ของเหลวจะผสมเข้ากับทะเลทรายอย่างรวดเร็วเหลือ ไว้เพียงรอยที่เหมือนกันคนเพียงเท่านั้น
จินมู่วางโม่จื่อเฟิงลงชักดาบออกมามองไปรอบๆ อย่างละเอียดโลหะพวกนั้นเป็นของทหารของพวก เขา“ท่านอ๋องเป็นศพของทหารเล่รื่อ”
โม่จื่อเฟิงไม่มีคำจะพูดสายตาของเขาหยุดลงที่ เลือดนั้นใบหน้าของเขาดำคล้ำสายตาซื่อตรงทั้ง ร่างกายหมดพลังทำได้เพียงแค่ยืนมอง
แสงอาทิต์ดับลงชายผู้เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามเขา หมดความสิ้นหวังลง
จินมู่มองเขาเล็กน้อยเขากัดฟันอีกครั้งพรางมองโม่ จื่อเฟิงพรางมองไปที่ทางด้านหน้าแล้วหยิบป้ายหยกที่ จมอยู่ในนทะเลทรายเลือดในเวลาที่ป้ายหยกยู่ตรง หน้าเขา เขาตกใจกลัวจนเกือบจะทิ้งดาบที่อยู่ในมือ
“นี้ไม่จริง”จินมู่ส่งเสียงป้ายหยกนี้เขาเคยเห็นเคย เป็นของเก็บสะสมของโม่จื่อเฟิงและหลังจากนั้นไม่ จื่อเฟิงก็มอบให้กับหลินซีนเยียน
จินมู่เงียบถอยไม่กล้าที่จะไปแตะกองเลือดนั้น เพราะเขาไม่กล้าแม้จะเชื่อหลินซีนเยียนจะกลายเป็นก องเลือดนี้
“ท่านอ๋องพระชายาคงไม่น่าจะเป็นอะไรง่ายๆ หรอกต้องเป็นฝีมือของคนพวกนั้นแน่ๆ”จินมู่เสียงแข็ง พูดออกมาแต่น้ำเสียงของเขาแม้แต่เขาเองก็ไม่อยาก จะเชื่อ
โม่จื่อเฟิงไม่พูดอะไรออกมาได้แค่ยื่นอยู่บนทรายสี เหลืองนั้นลมพัดไปที่เสื้อผ้าชุดยาวของเขา เขาควรจะ โกรธแต่เขาหากได้โกรธไม่เขาเคยเจ็บปวดอย่างที่สุด แล้วดังนั้นแม้แต่โกรธตอนนี้ยังลืมได้
ในขณะที่จินมู่คิดว่าเขาจะกลายเป็นทรายสีเหลือง ไปแล้วนั้นโม่จื่อเฟิงขยับตัวเขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้า แล้วหยิบป้ายหยกนั้นขึ้นมา
“ท่านอ๋องเลือดนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อน”
แต่โม่จื่อเฟิงทำเป็นไม่ได้ยินที่จินมู่พูดเขาแค่หยิบ ป้ายหยกอันนั้นขึ้นมาปล่อยให้เลือดไหลเปื้อนนิ้วมือ ของเขาซึมเข้าไปในผิวของเขาและละลายผิวหนังบน มือของเขาในเวลาเพียงแปปเดียวสองมือของเขาก็ เปียกชุ่มไปด้วยเลือด
เขาราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆเพียงแค่ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อเช็ดป้ายหยกนั้น อย่างระมัดระวังรอยสลักรูปดอกไม้ที่อยู่บนป้ายหยก นั้นภายใต้แสงอาทิตย์ทำให้เห็นถึงความประณีตและ งดงามแต่สายตาของเขากลับค่อยๆเลือนลาง
เขาหันหลังให้กับจินมู่ก้มหน้าลงนิ่งเงียบมาก
เงาสะท้อนภาพแผ่นหลังของเขานั้นดูโดดเดี่ยว อ้างว้างมากจินมู่อดไม่ได้ที่อยากจะเข้าไปปลอบเขาแต่ ว่าพอเดินไปได้ก้าวเดียวกลับเห็นของเหลวที่มีค่าหยด ลงมาที่ข้างขาของเขา
จินมู่ตกใจจนหยุดเดินไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้อีกแต่ ในใจนั้นกลับเจ็บปวดท่านอ๋องที่สูงส่งของเขา กำลังร้องไห้งั้นหรือ? ท่าน..
จินจู่”โม่จื่อเฟิงพูดออกมาเสียงแหบแห้งจนจินมู่ แทบจะไม่รู้ว่าต้นตอของเสียงมาจากไหน”อยู่ที่นี่ทำ หลุมศพให้เหล่าทหารของทหารเล่สื่อกันเถอะ”
จินตู่ได้สติกลับมากัดฟันแล้วตอบกลับมา”รับ ทราบ!’
โม่จื่อเฟิงก็ยังไม่หันหน้ากลับมาแต่ถอดชุดของตน ออกจากนั้นเขาก็ถือทรายสีเหลืองที่เปื้อนเลือดขึ้นมา ห่อทรายสีเหลืองอย่างระมัดระวังมือของเขาแอบสั่น เบาๆแต่การกระทำยังคงทำต่อไปอย่างแน่วแน่”สำหรับ ซีนเยียนข้าจะต้องพานางกลับไปยังจวนอ๋องข้าเคยพูด ไว้ว่าจะทำให้นางกลายเป็นชายาเอกของข้า”
จินมู่หยิบมีดคมโค้งขึ้นมาไปขุดหลุมอย่างเงียบๆไม่ กล้ามองไปทางโม่จื่อเฟิงแม้แต่น้อยเขาทนกับ บรรยากาศกดดันเศร้าสร้อยเสียใจนี้ไม่ไหว
ในความเงียบสงบจินมู่ขุดหลุมเพื่อทำเป็นหลุมศพ ให้แก่เหล่าทหารเล่ อส่วนโม่จื่อเฟิงก็เก็บทรายสีเหลือง เปื้อนเลือดไว้เพียงครู่หนึ่งไม่รู้ว่าเมฆดำมาจากไหน บดบังดวงตะวันจนมิดภายใต้ท้องฟ้าสีเทาทั้งทะเล ทรายปรากฏภาพที่เย็นชืด
ทันใดนั้นโม่จื่อเฟิงก็ยืนขึ้นมาอย่างห้าวหาญแล้วก็ โยนห่อผ้าทรายสีเหลืองที่มีคราบเลือดนั้นลงไปพูด อย่างแค้นเคืองว่า”เซียงหนานตระกูลหลิงถึงขั้นนี้จวนอู่ เสวียนอ๋องไม่ตายไม่พัก!”
จินมู่ที่กำลังขุดหลุมอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นถาม อย่างสงสัยว่าชายชุดด่าพวกนั้นเป็นคนของเซียง หนานตระกูลหลิงงั้นหรอ?จะไปเจอได้อย่างไร?”
มีแค่เซียงหนานตระกูลหลิงเท่านั้นถึงจะมีพิษ ละลายร่างกายแบบนี้!และก็มีแค่เซียงหนานตระกูลหลิง เท่านั้นที่จะกล้าลงมือขโมยคนไปจากจวนอู่เสวียนอ๋อง แบบนี้!”โม่จื่อเฟิงกำหมัดแน่นแล้วหยิบกระบอกไม้ไผ่ ออกมาจากอกเสื้อกระบอกไม้ไผ่ชี้ขึ้นฟ้าหลังจากที่มี เสียงหนึ่งดังขึ้นบนฟ้าก็ระเบิดแสงสีขาวพราวขึ้น
จินมู่สะดุ้งตกใจแล้วก็ตั้งสติได้ทันทีนี่อาจจะเป็น สัญญาณลับที่ส่งไปถึงคนอื่นๆภายใต้อำนาจของท่าน อ๋อง แล้วก็เป็นจริงดังนั้นพอสัญญาณนั้นถูกส่งไปไม่ นานก็มีคนชุดดำ7คนมาปรากฏตัวต่อหน้าโม่จื่อเฟิง หัวหน้าของคนชุดดำนั้นแค่ดูจากรูปร่างก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ หญิง
สีหน้าของโม่จื่อเฟิงนั้นเย็นชามากในตอนที่คนชุด ดำปรากฏตัวออกมา หมัดหมัดหนึ่งก็พุ่งเข้าไปถึงแม้ว่า ร่างกายของเขาจะบาดเจ็บอยู่น้ำหนักหมัดก็เลยอ่อนแอ ลงมากความเร็วก็ไม่ได้เร็วอะไรจินมู่หลบได้ไม่ยาก อะไรแต่ว่าคนชุดดำนั้นกลับไม่หลบแม้แต่น้อยรับหมัด นั้นไปเต็มๆจนกระอักเลือดออกมา
หนีหว่าน!ข้าไม่ใช่บอกกับเจ้าว่าหน้าที่ของเจ้าคือ ปกป้องนางให้ดีงั้นรึ?”น้ำเสียงของโม่จื่อเฟิงเยือกเย็น จนทำให้คนสั่นกลัว
หนีหว่านนำคนทั้งหมดให้คุกเข่าลงข้างหนึ่งมือข้าง หนึ่งของนางทาบไว้ตรงหน้าอกพูดอย่างตรงไปตรง มา:”ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว!ข้าน้อยคาดเดาว่าเทียนอวิ๋นซี และคนอื่นๆคงจะตามหลี่อวิ๋นซ่านเข้าไปยังศาลาความ ลับแห่งสวรรค์เส้นทางนั้นอันตรายคนระมัดระวังตัว อย่างเทียนอวิ๋นซีคงจะไม่พกแผนที่ติดตัวแน่ดังนั้นเลย ถือโอกาสตอนที่หนีออกมาเข้าโจมตีที่ชายแดนตอนที่ ไม่มีการป้องกันใดๆ!”
โม่จื่อเฟิงไม่ได้พูดอะไรก็แค่สายตานั้นยิ่งเยือกเย็น เข้าไปอีก
หนีหว่านไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ได้แต่พูดต่อ ไปอย่างหัวรั้น: ” แล้วก็พิสูจน์ความจริงดูที่ข้าน้อยคาด การณ์ไว้ไม่มีผิดเทียนอวิ๋นซีเอาแผนที่เก็บไว้ที่เขตชาย แดนจริงๆโดยมีลูกชายลูกสาวปกป้องดูแลอยู่ข้าน้อย นำคนเข้าประตูไปสู้รบกันอยู่สักพักสุดท้ายก็ได้แผนที่ ไม่กี่ใบนั้นมา!เพียงแต่เทียนหยุนจือกับเทียนอวิ๋นซีต่อสู้ ด้วยธนูป้องกันตัวทำให้แม่ของพวกเขาโชคดีหนีไปได้”
ถ้าเป็นแบบนี้เจ้าไม่เพียงไปเสียเปล่าแต่ยังมีความ ชอบอีกด้วย?”ไม่รู้ว่ามีลมพัดมาจากไหนพัดจนแขนเสื้อ ชุดของโม่จื่อเฟิงปลิวพริ้วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยจิต สังหารที่รุนแรงสายตาเย็นยะเยือกจ้องไปยังตัวของหนี หว่าน หนีหว่านตกใจจนเหงื่อออกเต็มหลังไปหมด