ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 380
ตอนที่ 380 เรื่องราวของหนีหว่าน
ท่ามกลางยามรัตติกาล ภายในเรือนพักแขกที่ใหญ่ที่สุด เลียบชายแดนแคว้นหม่น เปลวไฟลุกโชติช่วง ราวกับยิ่งเข้า ใกล้ความตาย จะยิ่งหวาดกลัวความมืดมิด หนีหวาน ใช้เงิน ไปเป็นกอบก๋ ทำให้เถ้าแก่ของเรือนพักแขกจุดคบเพลิง ทั้งหมดภายในเรื่องพักแขกขึ้นมา นางกล่าว ในเทพนิยาย ปรัมปรา ภูตปีศาจที่ไล่จับวิญญาณล้วนลงมือท่ามกลาง ความมืดสงัด หากว่าในเรือนพักแขกปราศจากความมืด เช่น นั้นไม่จื่อเฟิงก็สามารถปลอดภัยได้เปราะหนึ่ง
โม่จื่อเฟิงและเซียวฝานต่างก็หมดสติไป อาการบาดเจ็บ ของทั้งสองล้วนสาหัสยิ่ง ท่านหมอ ในเมืองสัญจรเข้าออก ระหว่างห้องพักของทั้งสอง ภายในสวนคละคลุ้งด้วยกลิ่น สมุนไพรอันเข้มข้น
หลินซีนเขียนสีหน้าซีดเซียว ทั้งเรือนกายปราศจาก เรี่ยวแรงยืนอยู่บนระเบียงยาว มองดูท่านหมอเหล่านั้นวิ่งวุ่น ชุลมุน คนแคว้นหมันกลับไม่ได้สมบุกสมบันเสียทุกคนดัง เช่นตานานกล่าวขาน ถือกำเนิดเพื่อเป็นเครื่องมือทางการ ทหาร
ปัจจุบันนางเองก็เห็นบุคคลธรรมดาสามัญ ในแคว้นหมัน เหล่านั้นจึงเพิ่งรู้ คนหมันที่ถือกำเนิดด้วยพลังเทพเจ้า ก็เป็นเพียงส่วนน้อยอันเคลือบแฝงในคนสามัญแคว้นหมันก็ เท่านั้น อีกอย่าง ว่ากันว่าต้นตระกูลยิ่งใหญ่และราชวงศ์ เหล่านั้น เนื่องจากความจําเพาะทางสายเลือด ดังนั้นจึงมี พลังเทพเจ้าโดยธรรมชาติ
สายเลือด นั่นสรุปแล้วเป็นสิ่งของจําพวกใดกันแน่ หลิน ซีนเยียนยิ่งฉงนใจขึ้น ราวกับคนในห้วงเวลานี้ ไม่ได้ถือ กำเนิดอย่างเท่าเทียม ทั้งคนที่มีสายเลือดจําเพาะเหล่านั้นถือ กำเนิดออกมาก็มักจะมีหนแห่งที่แตกต่างจากคนอื่นๆ
แล้วตัวนางเองเล่า? สรุปแล้วถือสายเลือดแบบใดกันแน่ นางข้ามเวลา ก็มีความเกี่ยวโยงกับสายเลือดด้วยหรือ
“สถานการณ์ของเจ้านายเสถียรขึ้นบ้างแล้ว ท่านหมอว่า หากผ่านพ้นคืนนี้ไปแล้ว น่าจะรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายนี้ไป ได้” หนีหว่านเดินออกจากประตูห้องของโม่จื่อเฟิงมายังข้าง กายนาง เห็นในแววตาของนางเพิ่มแววจําพวกที่ว่าไม่แน่ กล่าวไม่ชัด
หลินซ๊นเยียนตอบรับ ไม่ได้หันหน้า ยังคงทอดมองแผ่นฟ้า ราตรีอันมืดสงัด
หนีหว่านเห็นว่านางไม่เอ่ยคำ จึงกล่าวถามทันที “ท่านว่า หลังจากคนตายไปแล้ว จะไปยังอีกโลกหนึ่งจริงหรือไม่
หลินขึ้นเขียนจึงค่อยหันหน้าเผชิญหน้ากับปัญหาของนาง แม้กระทั่งตัวนางเองยังฉงนใจ จะไปยังอีกโลกหนึ่งหรือไม่”น่าจะกระมัง” อย่างน้อย หลังจากที่นางตายแล้ว วิญญาณก็ มาสู่โลกใบนี้
“ช่างคาดหวังจริงๆ ว่าจะมีโลกอีกใบ” หนีหวานนั่งลงไป ยังราวบันไดด้านข้าง เช่นนี้หากว่าเจ้านายไปที่นั่น ข้าเองก็
จะสามารถตามไปได้
หลินขึ้นเขียนมองไปทางนางอย่างพิศวง มั่นคิ้วถาม “เจ้า จะตายเพื่อเขา?” นี่ก็คือความภักดีโง่เขลาที่ตำนานกล่าวไว้ นางปราศจากการเข้าใจคนที่เต็มใจยอมตายเพื่อเจ้านาย เลยสักนิด สรุปแล้วเป็นของสิ่งใดกันแน่ ทำให้พวกเขาคน แบบนี้สามารถละทิ้งตัวตน ใช้ทั้งชีวิตดำเนินเพื่อผู้อื่น
แน่นอนว่าขาย่อมเต็มใจตายเพื่อเขา ชะตาของข้า ได้ มอบแต่เขานั่นแหละ” แววตาของหนีหวานค่อนข้างเหม่อ ลอย บางทีเรื่อง ในวันนี้ทำให้หัวใจนางอึดอัด ดังนั้นจึงอดจะ หาใครสักคนระบายความหวาดกลัวของนางไม่ได้ “ครั้งแรก ที่ข้าพบเจ้านาย เขาแปดขวบ ข้าห้าขวบ ตอนที่ข้าห้าขวบ เกือบจะตกเป็นของเล่นของตาเฒ่าคนหนึ่ง โชคดีที่เจ้านาย ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ แต่ว่า ตอนนั้น เจ้านายเองก็บาดเจ็บสาหัส ตัวเขาเองเหลือลมหายใจเพียงครึ่ง แต่กลับหยิบกริชไปปาด หัวตาเฒ่านั่นจนขาดลงมา
เต็กแปดขวบคนหนึ่ง มองศีรษะคนขาดประหนึ่งหั่นผัก เดิมทีก็เป็นเรื่องราวสยดสยองเรื่องหนึ่ง หลินขึ้นเขียนไม่กล้า คิดฉากภาพนั้น ทว่าจากบริบทก็สามารถรับรู้ว่าตั้งแต่เล็กไม่จื่อเพิ่งผ่านวันเวลาเช่นไรมา
“เจ้านายช่วยชีวิตข้า ประโยคแรกที่เอ่ยกับข้าคือ บนโลก นี้ผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้ มีเพียงตัวเจ้าที่ทำได้ เขา ก็แค่สังหาร ตาเฒ่าคนหนึ่งลงก็เท่านั้น ทว่าคนในครอบครัวของตาเฒ่า เขากลับจนปัญญา” ยามที่หนีหว่านกล่าวประโยคนี้ขึ้น มุม ปากกระตุกรอยยิ้มขมขื่น “โหดร้ายยิ่งใช่หรือไม่ ช่วยชีวิตข้า ไว้ แต่ว่าบอกกล่าวเรื่องราวอันแสนโหดร้ายกับข้าโดยฉับ พลัน”
หลินขึ้นเขียนพยักหน้า มุมปากก็แย้มรอยยิ้มเจือจาง “แต่ เป็นรูปแบบการปากร้ายของเขาเลยล่ะ”
“ใช่แล้ว จากนั้นเขาก็ทิ้งกริชของเขาแก่ช้า บอกว่าให้ข้า จัดการคนที่จะมาแก้แค้นพวกนั้น อีกอย่าง เขาพูดกับข้า นึก อยากปกป้องตนเอง ก็ต้องเรียนรู้ทักษะอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อ ให้ต้องแสร้งทําเป็นอ่อนแอไร้ทางสู้ ขอเพียงซุ่มโจมตีศัตรูได้ เช่นนั้นทําการใดก็นับว่าคุ้มแล้ว” หนีหว่านเอนฟังบนราว ระเบียง ทอดถอนหายใจยาว จากนั้น ก็เป็นอย่างที่เขา กล่าวจริงๆ บุตรชายของตาเฒ่านั่นมาหาข้าเพื่อแก้แค้น เขา ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ ทำเพียงซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น อย่างเงียบๆ และข้า…
“ตอนนั้นเจ้าเพิ่งจะห้าขวบ…” ในแววตาของหลินซีนเยียน พลันส่อแวววิตก
หนีหวานกลับส่ายหน้าไม้ยิ้ม “ห้าขวบกำลังดี เด็กที่อายุห้า ขวบ สามารถทําให้คนไร้เกราะป้องกันจะเอาชนะได้ ข้าฟัง คําของเจ้านาย กลิ้งหลุนไปหมอบกายอยู่ด้านข้างร่างไร้ วิญญาณของตาเฒ่านั้น ท่าทางเหมือนถูกทำลายและ ทว่า ตอนที่บุตรชายของตาเฒ่านั้นเดินเข้ามา ขากลับกริชแน่น แทงเข้าใส่แผงอกของเขา ข้า…เรียนรู้อย่างรวดเร็ว ใช่หรือ ไม่”
“เอ่อ…” หลินซีนเยียนตกอกตกใจจนเอ่ยคําไม่ออก นาง ไม่รู้ ที่แท้ชีวประวัติของหนีหว่านเองก็โชกโชนด้วยเลือด เพียงนี้ เด็กที่อายุแปดขวบ สอนวิธีฆ่าคนให้เด็กห้าขวบ โลก ของพวกเขา ทําให้นางยากจะจินตนาการ
“เจ้าคิดหรือไม่ว่าเผื่อสังหานคนผิดจะทําอย่างไร เผื่อว่า บุตรชายของตาเฒ่านั่นกับเขาไม่เหมือนกัน เป็นคนดีคนหนึ่ง จะทำอย่างไร” หนีหว่านแย้มยิ้มโง่เขลาขึ้นมา เพียงแต่ยาม ที่ยิ้มในดวงตารื้นหยาดน้ำตา นางไม่ได้รอคำตอบของหลิน ซีนเยียน ทั้งยังกล่าวพึมพำกับตนเอง “ตอนนั้นข้าก็กำลังคิด ข้าฆ่าคนผิดแล้วหรือไม่ ขากลัวมาก และก็เป็นตราบาป
มาก…
หลินซีนเยียนยังคงนิ่งเงียบ นางไม่รู้ว่าจะไปตัดสินเด็กห้า ขวบที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรกัน
“ทว่า…เจ้านายพูดกับข้าประโยคหนึ่ง หากว่าบุตรชาย ของตาเฒ่านั่นเป็นคนดี ก็ไม่อาจปรากฏตัวในที่แห่งนั้น เขารู้อยู่เต็มอกว่าบิดาของตนกำลังทำอะไร แต่กลับไม่ยับยั้ง แต่ ปรากฏกายหลังจากที่บิดาตายไปแล้ว ดังนั้น ขอเพียงอยู่ที่ นั่น ผู้ใดมา ให้ฆ่าซะ ล้วนไม่ถือว่าผิด” หนีหว่านเช็ตหยาด น้ำตาของตนอย่างเคืองขุ่น “ข้าโชคดีหาใดเปรียบที่ฟังคํา เจ้านาย หากว่าพวกเราไม่ชิงลงมือตั้งแต่แรก ตอนนั้นข้ากับ เจ้านายใคร ก็ไม่อาจเดินออกจากห้องนั้นได้เลยสักคน
หลังจากที่นางกล่าวถ้อยคำเหล่านี้จบ ก็สงบเงียบลง ครู ต่อมาล้วนไม่ได้ปริปากเอื้อนวาจาอีก เพียงแต่บนใบหน้ามี แววทั้งระทมทั้งเจ็บปวด
ไม่รู้ว่าเหตุใด เสมือนหลินซีนเยียนกลับรู้สึกได้ถึงความ รู้สึกของหนีหวานแบบเลือนราง ขณะที่นางอายุห้าขวบ ก็ เรียนรู้วิธีฆ่าคนกับโมจื่อเฟิง เรียนรู้การดำเนินชีวิต ในโลก ของนาง บางทีไม่จื่อเฟิงอาจจะไม่ได้เป็นเพียงเจ้านาย แต่ยัง เป็นบุคคลแห่งความรักและศรัทธาของนาง เป็นความ เลื่อมใสของนางฉับพลันความเลื่อมใสนี้พังพลายลง นางมี ชีวิตอยู่ ก็ปราศจากความหวังแล้ว
นี่ก็คือความภักดีอันโง่งมหรือ
หลินซีนเยียนอ้าแขนทั้งสอง โอบเอาหนีหว่านเข้าสู่กลาง อ้อมอก ประชิดใกล้ใบหูของนาง กล่าวเสียงแผ่ว วางใจ เกิด ไม่จะไม่ตายแน่ เขาจะต้องผ่านพ้นมันไปได้แน่ เพราะว่า เขา…คือแผ่นฟ้าของพวกเรา”
หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ หลินขึ้นเขียนคงไม่อาจกล่าวคำ เทิดทูนบุรุษลิดรอนสตรีเช่นนี้ออกมาแน่ ทว่าตอนนี้ ฉับพลัน นางก็เข้าใจถึงความหมายประเภทที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน เลย
เขา ไม่เพียงแต่เป็นแผ่นฟ้าที่ปกป้องนาง ยังเป็นผืนนภา ของคนจํานวนมากมายมหาศาล พวกเขา ต้องดำเนินชีวิตต่อ ไปแบบพึ่งพาอาศัยความสามารถของผู้ชายคนนี้