ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 381
ตอนที่ 381 ระบายความในใจ
ชั่วขณะนั้น หลินซีนเยียนพลันเข้าใจถึงข่าวสังคมที่เคยดูใน โทรทัศน์ก่อนหน้านี้ ในข่าว ผู้หญิงเหล่านั้นที่เพราะว่าสามี ตายจึงมีชีวิตแบบไร้รัก พวกที่เพราะว่าเสาหลักของบ้านอายุ สามสิบสี่ปีบัดดลพังทลายจนทั้งครอบครัวตกอยู่ใน สถานการณ์ดั่ง งขุมนรก
ครั้งหนึ่ง นางคิดเอาเองว่าต่อให้คนๆ หนึ่งจากไปแล้ว อีก คนก็จะสามารถพึ่งตนเองมีชีวิตที่ดีต่อไป ทว่าตอนนี้ ตอนที่ นางประสบกับสถานการณ์ประเภทนี้ด้วยตนเอง ในความเป็น จริง นางเพิ่งจะรู้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถหยันยืนขึ้นมาจาก ความสิ้นหวังได้ เช่นนั้นจำเป็นต้องมีความกล้าหาญอันยิ่ง ใหญ่อย่างมากจริงๆ เหล่าผู้หญิง ที่พบเจอกับเหตุการณ์เป็น กําลังหลักของครอบครัวโดยไม่หนีไปไหนช่างยิ่งใหญ่และ แข็งแกร่งกว๋าอื่นใดนัก
“หลิน มเยียน” ฉับพลันหนีหวานดันร่างของหลินซีนเยียน ออกอย่างเคร่งขรึม จากนั้นจึงคุกเข่าลงต่อหน้านางอย่าง แช่มช้า “ข้า หนีหวาน นับแต่วันนี้เป็นต้นไปจะปกป้องท่าน จากใจจริง!”
“เอ่อ..” หลินซีนเยียนไม่ได้ตอบสนอง นิ่งงันปราศจาก
ก้อยวาจา
หนีหวานกลับเงยหน้าขึ้นเป็นที่เรียบร้อย กล่าวด้วยแววตา มุ่งมั่น “วันนี้ท่านช่วยชีวิตของเจ้านายเอาไว้ก็คือช่วยชีวิต หนีหวานด้วย และก็เป็นการช่วยชีวิตเหล่าพวกพ้องพี่น้อง ชาวเราทั้งหมด จากวันนี้ต่อไป ท่านก็คือผู้มีพระคุณของพวก เรา”
ลมค่อนข้างเย็นเฉียบ หลินซินเยียนยืนอยู่บนระเบียงยาว มองดูสตรีที่รูปโฉมงดงามคุกเข่าอยู่บนพื้น หยาดน้ำตาไม่รู้ ว่าเหตุใดจึงร่วงหล่นลงมาโดยพลัน
นางประคองหนีหวานให้ลุกขึ้นยืน ส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้า คนที่ข้าช่วยเอาไว้ก็คือสามีของข้า แผ่นฟ้าของข้า ข้ารัก เขา ดังนั้นจึงช่วยชีวิตเขา ถ้าเช่นนั้นก็มิได้ติดหนีอะไรข้า และ ก็ไม่ได้ติดหนี้อะไรเขา พวกเจ้าช่วยเขามากมายเพียงนั้น สําหรับเขาแล้ว พวกเจ้าก็คือผู้มีพระคุณเช่นเดียวกัน หากว่า ทําได้ ข้าหวังว่าภายภาคหน้าพวกเจ้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ เพื่อตนเอง”
“มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง?” หนีหว่านพึมพำค่าไม่กี่คำเหล่านี้ ขอบตาเปียกชื้นอีกครั้ง นางร่ำไห้อยู่พักหนึ่ง ฉับพลันก็แปร จากน้ำมูกเป็นรอยยิ้ม ชี้ไปที่หลินขึ้นเขียนพลางกล่าว “ท่าน ยังเป็นคนที่แปลกประหลาดเสียจริง เจ้านายท่านอื่นได้ยินว่า คนใต้บัญชาจงรักภักดี ต่างก็ชื่นชมและตื้นตัน ท่านกลับตรง ข้าม เตือนพวกเจ้าให้มีชีวิตเพื่อตนเอง…
หลินขึ้นเขียนมิได้กล่าวสิ่งใด ทำเพียงลูบหัวไหล่ของนางพลางเอ่ย “ข้าจะไปดูไม่จื่อเฟิงสักหน่อย
เวลานั้น นางไม่รู้ เงาหลังอันมีเอกลักษณ์ของนางตกอยู่ใน สายตาของหนีหวาน นั้นเป็นความงามตะลึงอย่างไร
หลังจากที่นางจากไป น้ำตาของหนีหว่านยังคงไหลริน ได้ยินเพียงนางกล่าวเสียงเจือจาง “มิแปลกใจที่เจ้านาย ตกหลุมรักท่าน ท่าน ช่างควรค่ายิ่งนัก น้ำค่าของนางสลาย ไปในสายลม ปราศจากผู้ใดได้สดับฟัง
บนเตียง โม่จื่อเพิ่งที่ใบหน้าซีดเซียวกำลังหลับอยู่ เขาที่ ดำดิ่งภวังค์นิทรา ท้ายที่สุดก็ขมวดหัวคิ้วมันเล็กน้อย
หลินซีนเยียนเดินมานั่งลงยังแท่นเตียง น้ำมือข้างหนึ่งของ เขามากุมแน่น ลูบไล้ตรงหลังมือของเขาแผ่วเบาพลางพิมพ์ “โมจื่อเฟิงท่านหนอ ต่อไปอย่าข่มขวัญข้าเช่นนี้อีกแล้วนะ ข้า รักท่าน กระทั่งตัวข้าเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่ ตกหลุมรักท่านอย่างร้ายกาจแบบนี้ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยมี คนรัก ดังนั้นทรรศนะต่อความรักยังคงหยุดอยู่ภายในโลก แห่งเจ้าหญิงเจ้าชายจำพวกนั้น มักจะนึกฝันว่าสักวันหนึ่ง เจ้า ชายผู้เป็นของข้าจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อขอข้าแต่งงาน จาก นั้นภายใต้สายตาสดใสทุกคู่จะมอบดอกกุหลาบสดงามที่สุด แก่ข้า แต่ว่า งานแต่งระหว่างเราสองคน อา…ช่างเถิด ดูท่า ข้าคงจะไร้วาสนาต่อชะตาเจ้าหญิงเสียแล้ว”
พูดคุยคนเดียว กลับไม่ได้เบื่อหน่ายขนาดนั้นอย่างที่หลินซีนเยียนจินตนาการเอาไว้ นางพลันค้นพบ ฉวยเอาตอนที่ไม่ จื่อเฟิงหลับใหลไร้สติ ระบายถ้อยความ ในที่ไม่พอใจต่อเขา ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี
“แล้วก็ โม่จื่อเฟิง ไม่ใช่ว่าท่านเคยถามข้าว่าเป็นคนที่ไหน หรือ ความจริงแล้ว ข้าไม่ใช่คนในโลกใบนี้ของพวกท่าน จริงๆ อย่างน้อยวิญญาณของข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่แห่ง นี้ ข้า มาจากห้วงเวลาอีกห้วงหนึ่ง ท่ามกลางอุบัติเหตุครั้ง หนึ่ง ข้าตายแล้ว จากนั้นยามที่ข้าฟื้นขึ้นมาวิญญาณก็มาอยู่ ในร่างกายของหลินซีนเยียนแล้ว ช่างพิลึกกึกกือยิ่งนัก ใช้ หรือไม่ กล่าวตามเทพนิทานปรัมปราที่นี่ของพวกท่านแล้ว ไม่แน่ว่าข้าก็คือผีสาวที่สลับวิญญาณจําพวกนั้นก็เป็นได้นะ ดังนั้นแล้ว ความลับข้อนี้ ข้าก็ไม่กล้าพูด ข้าได้ตกหลุมรัก ท่านไปแล้ว เผื่อว่าท่านรู้แล้ว หวาดเกรงแล้ว ไม่ต้องการข้า แล้ว จะทําอย่างไร”
หลินซีนเยียนทั้งลูบมือของเขาไปพลาง ทั้งกล่าวพึมพำไป พร้อม ที่แท้ หลังจากที่กล่าวความลับในอกของตนเองออก มา ทั้งกายก็ล้วนผ่อนคลายยิ่งนัก ตลอดเรื่อยมา นางต่างก็ เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ความคิดของนาง ทัศนวิสัยของนางล้วน สันโดษ ในที่แห่งนี้นางแสวงหาไม่พบผู้ใดก็ตามที่จะ สามารถมองปัญหา ในมุมมองเดียวกันกับนาง ในกระดูกกระ เดี๋ยว ความจริงแล้วนางก็โดดเดี่ยวอยู่กระมัง
“ไม่จื่อเฟิง ท่านรู้หรือไม่ ท่านมีรูปโฉมที่ชวนพิศชวนมองจริงๆ หากว่าท่านมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยใหม่ของพวกเราล่ะก็ จะต้องเป็นเนื้อสดใหม่สีแดงฉาด สามีแห่งชาติเป็นแน่ แต่ว่า ก็โชคดีที่ท่านมีชีวิตในที่แห่งนี้ อย่างน้อยระบบข่าวกรองของ ที่นี่ด้อยพัฒนา ข้าจะได้ไม่กังวลผู้คลั่งไคล้เหล่านั้นมาเที่ยว ขอท่าน ฮ่าฮ่า ผู้หญิงอื่นมองท่านแวบเดียว ข้าก็หึงหวง แล้ว…
หลินซินเยียนนั่งอยู่ข้างเตียง พูดคุยคนเดียวอย่างโง่งม จวนจะครบหนึ่งชั่วยามแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ตนเองเข้าประถม พูดเรื่อยมาจนกระทั่งหลังจากทำงานแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่า นางเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า นางรู้สึกอยู่เนืองๆ ว่าขณะที่ นางกล่าวถึงสมัยมัธยมปลายที่แอบรักอาจารย์ฝึกสอนวิชา พลศึกษานั้น เปลือกตาของโม่จื่อเฟิงกะพริบอยู่หน่อยๆ
แต่ว่า ก็เป็นเพียงหน่อยๆ เท่านั้น นางเองก็ไม่ได้ใส่ใจ กระทั่งพูดจนปากแห้งลิ้นผาก นางจึงค่อยยัดกายลุกไปในชา ข้างโต๊ะ เพิ่งจะยกขาขึ้นดื่มได้อีกเดียว หมุนกายกลับมา ก็ มองเห็นสายตาเจ้าเล่ห์คู่หนึ่งกำลังจับจ้องที่นางอย่างมี เลศนัย
ครู่นั้นนางตกตื่น เกือบจะขว้างแก้วชาในมือลงบนพื้น แต่ ก็แก้วขาเอาไว้มั่น เร่งรุดถลาเข้ายังบริเวณข้างเตียง “ท่านฟื้นแล้ว?”
“เจ้าว่าอย่างไรล่ะ เอิ่ม…ของข้า เจ้าหญิงน้อย?” รอยยิ้ม ของไม่จื่อเฟิงสุ่มลึกมีเลศนัย ดวงตาทั้งคู่ ประดุจยามที่สุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กำลังมองหมูที่ตกเป็นเหยื่อ เปี่ยมด้วย ความอันตรายและแผนการอย่างสมบูรณ์แบบ
คำว่า “เจ้าหญิงน้อย” ข่มขวัญตับไตไส้พุงของหลินซืน เยียนกระเจิง!
“ท่าน ท่านได้ยินหมดแล้ว? ได้ยินไปเท่าไร” หัวใจของ หลินซีนเขียนเลิกลักไม่น้อย ยังไม่ทันได้เรียกสติกลับมาจาก ความตกตะลึงที่เขาฟื้น ก็ถเข้าสู่ห้วงลึกแห่งความ ระส่ำระสายเสียก่อน
โม่จื่อเฟิงเลิกคิ้ว ทั้งเรือนกายยังคงแผ่หลาไร้เรี่ยวแรง ทว่าพลังอำนาจอันนั้นกลับทำให้คนค่อนข้างสูดลมหายใจ ไม่ทั่วท้อง “ที่ควรได้ยิน ก็ได้ยินหมดแล้วกระมัง เพียงแต่ คิด ไม่ถึงจริงๆ ที่แท้ข้าก็เผชิญกับผีสาวคนหนึ่ง….
“ข้าข้า ไม่ใช่ผี วินาทีนั้นหลินซีนเยียนแปรเปลี่ยนท อะไรไม่ถูกเป็นขึ้นมา หรือว่าเรื่องที่นางกลัวมากที่สุดเกิดขึ้น แล้วหรือ ไม่จื่อเพิ่งเห็นว่านางเป็นผีสาวที่มาจากโลกอีกใบ หนึ่ง นางรู้ว่าคนในสังคมนี้มีศักดินามากเท่าไร นางได้เคย ประสบมาแล้วครั้งหนึ่งในเรื่องที่จวนทหารถูกจัดการให้เป็น ภูตปีศาจ เวลานั้น นางโศกาพอแล้ว หากว่าไม่จื่อเฟิงเองก็ ปฏิบัติต่อนางแบบนั้นแล้วล่ะก็…
นางไม่กล้าไปคิด ทำเพียงเผยแววตาทำอะไรไม่ถูกต้อง มองเขา “ท่าน…หวาดกลัวแล้วล่ะก็ ข้าจะจากไปเอง แต่ว่าเสียว จึงไม่เกี่ยวข้อง ท่านอย่าทำร้ายเขาได้หรือไม่ อย่างไร เสียเขาก็เป็นบุตรของท่าน…
กล่าวประโยคนี้จบแล้ว น้ำตาของนางก็หยดลงมา อารมณ์สิ้นหวังออกมาจากหัวใจที่ห่อหุ้มความรู้สึกทั้งหมด ของนางในทันที หากว่าถูกคนที่รักมากที่สุดคนหนึ่งละทิ้ง แล้วล่ะก็ นางคงจะเร้นกายอยู่ในมุมอันปราศจากผู้คน เลือก ที่จะตายไปอย่างเงียบเชียบกระมัง