ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 398
ตอนที่398ออกไปเดินเล่นข้างนอก
“อินฉี!”หลินซีนเยียนสบถอย่าง โมโหในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความ ไม่เชื่อ
อินฉีสัมผัสได้ถึงความโกรธของ นางนัยน์ตาฉายแววความกลัวเขา ค่อยๆถอยออกไปเล็กน้อยรักษาระยะ ห่างเพื่อความปลอดภัยของทั้งสอง คนสะอึกสะอื้น : “ซีนเยียน….
“หลินซีนยียนหัวเราะหึออกมา เผยสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัวที่แม้แต่ตัว เองก็ไม่เคยคิดมาก่อนของตนออก มา“อินฉีเจ้ารู้มั้ยว่าตรงไหนที่เจ้าสู้โม่ จื่อเฟิงไม่ได้? อินฉีไม่ได้พูดอะไรออกมา สำหรับเขาท่าทางที่น่าเกลียดน่ากลัว ของหลินซีนเยียนนี้ก็ถือว่าทำร้ายเขา อย่างที่สุดแล้วสำหรับเขา
“เพราะว่าตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยคิดที่จะหลอกใช้ข้าแม้จะ เป็นตอนที่เพิ่งจะรู้จักกันแรกๆก็ตาม เขาอยากจะแกล้งข้าแต่ก็ตรงไปตรง มาไม่มีอะไรแอบแฝงเขาใช้กำลังแต่ เขาไม่เคยหลอกลวง!เจ้ายอมรับลูก ของข้าได้?เจ้าไม่รู้สึกว่าตอนที่เจ้าพูด ประโยคนี้ออกมามันน่าขำหรอ? หากว่าเจ้าเป็นเพราะว่ารักจริงและ ยอมรับลูกของข้าได้เจ้าก็คงจะไม่ ละเลยความปลอดภัยของเขาใช้เขา มาบงการข้าบงการโม่จื่อเฟิง” นางไม่ปฏิเสธหรอกว่าอินฉีเป็น ผู้ชายคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปอยู่ในสายตา ของผู้หญิงได้อย่างง่ายๆถึงขั้นละทิ้ง เรื่องที่เขาหลอกใช้นางสิ่งดีๆที่เขา ทำให้กับนาง นางก็สัมผัสได้ แต่ ว่าการสร้างความเชื่อใจระหว่างคนนั้น ง่ายมากอยากจะทำลายมันกลับยิ่ง ง่ายเข้าไปใหญ่
“โม่จื่อเฟิงดีขนาดนั้นเลย หรอ?”เสียงของอินฉีแหบพร่าไปหมด สายตาตกหล่นไปอยู่ที่พื้นไม่รู้ว่าเขา กำลังมองอะไรอยู่
“เขาไม่ดีแต่ว่าเจ้าก็ดีได้ไม่เท่า ไหร่เหมือนกันดังนั้นขอร้องพวกเจ้า ล่ะคนแบบพวกเจ้ามันไม่เหมาะสมกับ ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างข้าข้ากับพวก เจ้ามันอยู่คนละโลกกันฝืนใจอยู่ด้วย กันไปก็ไม่มีความสุขหรอก”หลินซีน เยียนอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้านาง ไม่รู้ว่าคำพูดประโยคนี้พูดกับอินฉีหรือ ว่าพูดกับตัวนางเองกันแน่
นางกับโม่จื่อเฟิงท้ายที่สุดแล้วก็ เป็นคนคนละโลกกันมันผิดตั้งแต่เริ่ม ต้นแล้วใช่มั้ย?
มือของอินฉีค่อยๆลื่นไหลหลุด ออกไปจากบ่าของนางแอลกอฮอล์ใน ตัวเขาก็ค่อยๆลำเลียงไปทั่วตัวทำให้ สายตาการมองเห็นของเขามึนมัวเขา โซเซไปที่เตียงดึงผ้าห่มออกถอด รองเท้าออกแล้วก็ล้มลงนอนบนเตียง หลับตาลงเขาไม่มองสภาพแวดล้อมร อบๆอีก หลินซีนเยียนก็ยืนอยู่ตรงกลาง ห้องนางเช็ดน้ำตาของตนนั่งลงบน เก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง
ยามค่ำคืนปรากฏโลกที่เงียบสงบ ไร้เสียงใดๆมีเพียงเสียงลมหนาวพัด ผ่านกระทบใบไม้ให้ปลิวไสว
บางทีอาจจะเพราะเมาอินฉีหลับ ไปอย่างสนิทหลับยาวไปจนถึงเช้าตรู่ ของวันที่สอง
แต่หลินซีนเยียนกลับไม่ได้นอน ทั้งคืนนั่งพิงโต๊ะจ้องมองเทียนอยู่ อย่างนั้นตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าในตอน ที่อินฉีตื่นขึ้นมาเห็นนางนั้นสีหน้าก็แย่ ลงแต่ก็ยังคงลุกขึ้นอย่างสง่างามเดิน มาถึงด้านหลังของนาง “เมื่อคืน…. ”อินฉีพูดแค่สองคำนี้ ออกมาก็ถูกหลินซีนเยียนตัดบทไปซะ ก่อน
“เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น พอเจ้าเข้ามาก็หลับไปแล้ว”ในเมื่อเป็น ความทรงจำที่ไม่ดีนักจะพูดขึ้นมาให้ ทุกคนลำบากใจอีกทำไม
“อ้อ”อินฉีตอบรับกลับมาไม่ได้ ถามต่ออะไรเห็นนางไม่มีอารมณ์จะ คุยกับเขาก็เลยนั่งลงเงียบๆแทน
บรรยากาศในห้องอึดอัดแปลกๆ คนสองคนนั่งอยู่ข้างๆโต๊ะแต่ไม่มีใคร พูดอะไรออกมาสักคำจนกระทั่งหน้า ประตูมีเสียงของฉินชิงเฟิงดังเข้ามา ถึงจะทำลายบรรยากาศนี้ออกไปได้ อินฉีเปิดประตูออกฉินชิงเฟิงก็ ต่อยเข้าที่อกของเขาหมัดหนึ่งแล้ว ถามอย่างยิ้มๆว่า : “ท่านอินเมื่อคืน นอนหลับสบายดีมั้ย?”
ฉินชิงเฟิงทำสายตาอย่างมีความ หมายทำให้ใครก็รู้ว่าเขาสื่อถึงอะไร
อินฉียิ้มออกมาบางๆ“ฉินเฉิงจู่ให้ ความต้อนรับข้าอย่างดีแน่นอนว่าข้ามี ความสุขอย่างถึงที่สุดมิฉะนั้นคงไม่ถือ เป็นการตอบรับน้ำใจของฉินเฉิงจู่?
“ท่านอินช่างเป็นคนที่น่าสนใจ จริงๆพอใจก็ดีแล้วล่ะพอใจก็ ดีแล้ว”ตอนที่ฉินชิงเฟิงพูดนั้นก็เผลอ มองไปในห้องอย่างไม่รู้ตัวแต่ว่าอิน ฉีก็ไม่ให้จับได้ง่ายๆขยับตัวมาข้างๆบัง สายตาของเขาไว้พอดี
“ฉินเฉิงจู่จะกลับตำหนักแล้วหรือ ยัง?เมื่อคืนไม่ใช่บอกว่าตำหนักเฉิงก็มี แม่นางที่หน้าตาดีคนหนึ่งมางั้น หรือ?”อินฉีพูดอย่างยิ้มๆ
ถูกเขาเตือนสติแบบนี้ฉินชิงเฟิงก็ หัวเราะเหอๆขึ้นมา“อะไรก็ปิดท่านอิน ไม่มิดซะจริงๆแม่นางคนนี้ก็คือสาวใช้ ของแม่หญิงคนนั้นในห้องท่านไงล่ะ แม่หญิงคนนั้นยกให้ท่านอินข้าก็ฝืนใจ ใช้แม่สาวน้อยคนนี้เอาท่านอินก็จำ น้ำใจของพี่น้องข้าฉินโม่วเหรินไว้ด้วย ล่ะ”
“ฉินเฉิงจู่พูดแบบนี้ก็ดูจะห่างเหิน ไปหน่อยนะ”อินฉีตบบ่าของฉินชิงเฟิง ชายทั้งสองก็ราวกับพูดคุยเรื่องเมื่อ คืนกันก็เลยดูสนิทกันมากขึ้นไปอีก
ฉินชิงเฟิงทำความชอบให้อินฉี ครั้งใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องอวยคุณงาม ความดีของตนเป็นธรรมดาแต่ว่าเขาก็ พอจะตระหนักได้ว่าควรจะหยุดดังนั้น ก็เลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา: “จริงสิท่าน อินนานๆทีจะมาเมืองชุนสักครั้งวันนี้มี กำหนดการอะไรไว้หรือไม่?มิเช่นนั้น ให้ข้าฉินโม่วเหรินพาท่านเที่ยวชมสัก รอบเป็นไง?”
อินฉีก้มทำความเคารพ“ฉินเฉิงจู่ เป็นถึงผู้ครองเมืองเมื่อวานก็ชวนฉิน เฉิงจู่พูดคุยตั้งมากมายวันนี้ข้าไม่กล้า รบกวนท่านอีกหรอกวันนี้ข้าตั้งใจว่าจะ เดินเล่นรอบๆตัวเมืองสักหน่อยดังนั้น ไม่รบกวนท่านผู้ครองเมืองดีกว่าข้า เองก็ไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทำให้ ฉินเฉิงจู่ละเลยสาวงามที่อยู่ในบ้านได้ หรอก”
เดิมทีฉินชิงเฟิงก็รู้สึกไม่ค่อย พอใจที่ไม่สามารถลิ้มรสของหลินซีน เยียนได้ยิ่งคิดถึงอินฉีเมื่อคืนผ่านไป อย่างมีความสุขยิ่งทำให้เจ็บจี๊ดไปทั้ง ใจดังนั้นพอคิดถึงแม่สาวน้อยที่ หน้าตาก็ไม่เลวคนนั้นขึ้นมาเขาก็รู้สึก ค้างคาอยู่ในใจแล้วก็เลยไม่อยากจะ ไปไหนเป็นเพื่อนกับอินฉีแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นก็ดียังไงเมืองชุนก็อยู่ ในการดูแลของข้าฉินโม่วเหรินคงจะ ไม่เกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้นหรอก หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆก็บอก ชื่อของข้าฉินชิงเฟิงเมืองชุนแห่งนี้ ท่านอินก็จะเดินตรงไปได้อย่างราบ รื่น”ในขณะที่พูดฉินชิงเฟิงก็หยิบตรา สัญลักษณ์ขึ้นมาแล้วยื่นใส่อกขอ งอินฉีตราสัญลักษณ์อันนั้นไม่ใช่ตรา สัญลักษณ์ของแขกธรรมดาๆเป็นตรา สัญลักษณ์ว่าเป็นแขกพิเศษของเมือง ชุนที่เมืองชุนแห่งนี้มีเพียงสามอัน เท่านั้นตราสัญลักษณ์อันนี้ราวกับเป็น ตัวแทนของตัวฉินชิงเฟิง
อินฉีเองก็ไม่เกรงใจรับตรา สัญลักษณ์มาเก็บไว้ในอกเสื้อ“ข้ามิใช่ ปูคงจะไม่เดินตรงๆหรอกฉินเฉิงจู่ โปรดวางใจข้าเพียงแค่เดินเล่นรอบๆ เท่านั้นมิได้คิดที่จะมาก่อเรื่องจะเกิด เรื่องอะไรขึ้นได้เมืองชุนแห่งนี้ก็อยู่ ภายใต้การดูแลของฉินเฉิงจู่แน่นอน ว่าต้องสงบสุขอยู่แล้ว”
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุย ทักทายกันแล้วฉินชิงเฟิงก็จากไปรอ จนเขาจากไปแล้วอินฉีถึงจะล็อกประตู บ้านอีกครั้งเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า ของหลินซีนเยียนแล้วถาม ขึ้น : “เจ้า..อยากจะไปเดินเล่นรอบๆ
กับข้าไหม?”
หลินซีนเยียนจ้องเขาอยู่ชั่วขณะ หนึ่งในตอนที่เขาคิดว่านางคงจะไม่ ตกลงออกไปกับเขาเป็นแน่นางก็พยัก หน้า
นางมาที่นี่ก็เพื่อตามหาอี้เซิงไม่ ออกไปแล้วจะหาอี้เซิงเจอได้ อย่างไร?
อินฉีประหลาดใจมากอึ้งไปพัก หนึ่งถึงจะได้สติกลับมานัยน์ตามี ประกายไฟเล็กๆเปล่งประกายขึ้นมา เขายิ้มอย่างอบอุ่นจากนั้นก็หมุนตัว กลับไปเปิดประตูแล้วก็เดินออกไปสั่ง การคนด้านนอกว่า : “ให้คนเตรียมรถ ม้าเดี๋ยวนี้”
เขาก้าวเดินอย่างรีบร้อนสุดๆใน ตอนที่หมุนตัวกลับไปเกือบจะสะดุด ประตูล้มลงอินฉีที่ไม่ค่อยปกติแบบนี้ หลินซีนเยียนก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน